Thai VI

เราจะรู้ได้ยังไงว่า บริษัท ที่เราซื้อลงทุนกำลังจะเจ๊ง (bankruptcy) มันวิธีที่ดูมั้ยครับ กลัวซื้อหุ้น แล้วบริษัทมันเจ๊ง เงินผมหายหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวิกฤต

เราควรพิจารณาให้ดีก่อนซื้อ
เมื่อซื้อแล้ว ก็ขุดคุ้ยบริษัทต่อ
1. อ่าน 56-1 ให้ละเอียด
2. อ่านร้อยคนร้อยหุ้นในหุ้นตัวนั้น
3. อ่าน งบดุลย์ งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงิยสด (ตั้งสมาธิอ่านปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เข้าใจ)
4. ไปที่ตั้ง สำนักงาน โรงงาน ร้านค้า หรือ สาขา ดูการทำงานของเค้า
5. ซื้อ สินค้าหรือบริการ หรือ ทำตัวเป็นลูกค้า ของ บริษัทนั้น
แล้วเราจะรู้สึกเองว่า บริษัทยี้ ควรเจ้ง ภายในระยะเวลาเท่าไหร่
เราจะได้ประเมินราคาขายถูก ว่าจะรีบร้อนในการขายอย่างไร
เมื่อ ทำ 5 ข้อยังไม่รู้สึกอะไร ก็รอผลประกอบการในไตรมาสต่อไป
ย้ำอีกครั้งซื้อหุ้นที่เรามั่นใจเท่านั้น แม้มั่นใจถ้าผลประกอบการมันไม่ดีอย่างที่คิด
ก็ต้องขาย ความมั่นใจต้องเกิดจากภูมิความรู้ของเรา(ลอกหุ้นได้) แต่เราต้องเข้าใจ
ว่าเรากำลังทำอะไร

งบดุล กับงบกระแสเงินสดน่าจะบอกได้ครับ

ถ้าเหตุการณ์เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ดูในงบต่าง ๆ ก็พอบอกได้ครับ
แต่ถ้าจะดูอนาคต คงต้องมองจากด้านนอก ต้องมีความรู้เรื่องมหภาคพอสมควร
บางบริษัทดี ๆ ผู้บริหารเก่ง ๆ แต่เจอปัจจัยภายนอกกระทบแรง
เล็ก ๆ คงตายไป ส่วนเก่งๆ อาจจะทำได้แค่ประคองตัวรอปัจจัยภายนอกฟื้นตัว

ผมยังอ่านงบการเงินไปเก่งอะไรครับ โดยเฉพาะ งบกระแสเงินสดนี้อ่านไม่เป็นเลยครับ

เราดู แต่ D/Eไปก่อนได้มั้ยครับ ถ้ายิ่งต่ำแปลว่า ฐานะทางการเงินยิ่งมั่นคง ใช่มั้ยครับ

ทั่วไปถ้าบริษัทกำลังจะเจ๊งจริง ไม่น่ามีใครไม่รู้ ดูไม่ออก เพราะสัญญานต่าง ๆ จะบ่งบอกชัดเจน เช่น ยอดขายลดลงต่อเนื่อง การขาดทุนต่อเนื่อง หนี้สูง หรืออื่น ๆ...ราคาหุ้นรูดต่อเนื่อง

แต่ก่อนที่จะเจ๊ง เราจะพอบอกโอกาสที่บริษัทจะเกิดปัญหาได้ว่ายากง่ายอย่างไร ซึ่งมักจะสอดคล้องกับการวิเคราะห์ความเสี่ยง หรือ การวิเคราะห์ SWOT (strengh, weakness, opportunities, and threats)

ความเสี่ยงจากอะไรบ้าง เช่น

1. อุตสาหกรรมอยู่ในช่วง sunset
2. บริษัทขาดความสามารถในการแข่งขัน
3. อยู่ในธุรกิจเกี่ยวพันกับ technology
4. อิงกับผู้บริหารคนเดียว หรือธรรมาภิบาลผู้บริหาร
5. มีสัดส่วนหนี้สูง
6. ธุรกิจสัมปทาน
7. ธุรกิจที่อยู่ได้ด้วยความเชื่อมั่นของลูกค้า เช่น ธนาคาร
และอื่น ๆ อีกมาก

ตามความคิดผม โดยมองแค่งบการเงินก็คือ

1) ยอดขาย - ถ้ามีการลดลงอย่างต่อเนื่อง น่าจะมีปัญหาแล้ว(คือขายไม่ออก ขายได้น้อยลง)

2) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นลบ (ดูในงบกระแสเงินสด) แปลว่าบริษัทขายสินค้าได้ แต่ทำเงินไม่ได้
โดยเฉพาะกรณีกระแสเงินสดจากการลงทุนกับกิจกรรมจัดหาเงินเป็นบวก (แปลว่าบริัทหมุนเงินไม่ทัน ต้องกู้ ไม่ก็ขายทรัพย์สินออก)

โดยสถานการณ์เป็นอย่่างนี้อย่างต่อเนือง

ก็ประมาณนี้มั้งครับ

บริษัทที่จะเจ๊งนั้น คือส่วนใหญ่กระแสเงินสดไม่สามารถหมุนเวียนได้ทัน พูดง่าย ๆคือไม่มีเงินจ่ายค่าสินค้า ค่าเงินเดือน ต่างๆ

บางทีงบกำไรขาดทุนอาจจะไม่ขาดทุนก็ได้ แต่กระแสเงินสดมีปัญหา ง่ายที่สุดไปดูงบกระแสเงินสดดำเนินการว่าเป็นลบหรือเปล่า

ถ้าติดลบหลาย ๆปี อย่างนี้เข้าข่าย บริษัทที่มีกำไรไม่ใช่ว่าเจ๊งไม่ได้ คนทำธุรกิจถึงบอกว่า "Cash is the King"

อีกอย่างดู working capital (current asset - current liability) ถ้าติดลบ ก็เป็นสัญญานอันตราย แต่ตัวนี้ใช้กับพวกค้าปลีกไม่ได้

พวกที่ว่านี้เป็นสัญญานโคม่าส่วนใหญ่ มันอาจจะมีสัญญานก่อนจากกำไรที่ลดลงเรื่อย ๆ ถ้าจะมองอนาคตต้อง

ไปดูโครงสร้างงบดุล มองแนวโน้มธุรกิจ และ biz model

เราจะเจ๊งก่อนบริษัทครับ

อ่านรายงานของผู้สอบบัญชีครับ
ถ้ามีหลายย่อหน้า ตั้งข้อสงสัยไว้ได้เลยครับ ว่ามีความเสี่ยง

ส.สลึง เขียน:เราจะเจ๊งก่อนบริษัทครับ

สำลักกาแฟเลยทีเดียว 555 :lovl:

ส.สลึง เขียน:เราจะเจ๊งก่อนบริษัทครับ

ถูกใจครับ

ในกรณีที่บริษัทมีแววเจ๊ง
1. ผู้ถือหุ้นจะไม่ได้เงิน แต่เจ้าหนี้ได้เงิน
เจ้าหนี้จะไม่ยอมให้เงินกู้เพิ่ม อันนี้ 50/50ที่จะเจ๊ง เพราะบริษัทอาจใช้วิธีเพิ่มทุน
ในราคาที่ถูกมากๆ แล้วหาทางรอดได้ถ้าผู้ถือหุ้นยอมใส่เงินเพิ่ม
2. เจ้าหนี้ไม่ได้เงิน พนักงานได้เงิน
กรณีนี้เจ้าหนี้จะฟ้อง ส่วนพนักงานก็จะสู้เพื่อบริษัท(เพื่อตัวเองด้วย)ให้อยู่ให้นานที่สุด
ถ้ามาถึงตอนนี้ผู้บริหารมักถอดใจลาออกกันไปหมดแล้ว
ที่รอดกลับมาคือ IRPC โดน PTT เทคไปเรียบร้อย
3. พนักงานไม่ได้เงิน
ถ้ามาถึงกรณี 3 พนักงานจะประท้วงเพื่อขอเงินชดเชยการเลิกจ้าง อันนี้ 90/10 โอกาสรอดต้องพึ่งศาลเอาอย่างเดียว
ดูกรณี ITV เป็นตัวอย่าง

เข้ากรณีที่ 1 ก็ลำบากแล้วครับ หนี้จะท่วมตัว เงินสดไม่ค่อยมีแต่พนักงานสู้เพื่อบริษัทอย่างนี้ต้องเพิ่มทุน
ผู้ถือหุ้นเสียตัง
ลองดูตัวอย่างเก่าๆเช่น ปุ๋ยแห่งชาติ โรงงานรองเท้าแพน ปลากระป๋องปุ่มปุ้ย บางแห่งรอดบางแห่งก็ไม่รอด
ปัจจุบัน ลองศึกษาดู เช่น พัฒกล มาลี ลองทายดูเล่นๆในใจก็ได้ว่าใครรอดใครไม่รอด

cyber-shot เขียน:ผมยังอ่านงบการเงินไปเก่งอะไรครับ โดยเฉพาะ งบกระแสเงินสดนี้อ่านไม่เป็นเลยครับ

เราดู แต่ D/Eไปก่อนได้มั้ยครับ ถ้ายิ่งต่ำแปลว่า ฐานะทางการเงินยิ่งมั่นคง ใช่มั้ยครับ

การอ่านงบการเงินเป็นความสามารถที่สำคัญมากนะครับในการลงทุน เพราะภาษาทางการเงินนั้นสื่อสารกันผ่านงบ การจะวิเคราะห์ว่าบริษัทไหนแกร่งจริงหรือไม่จริง เราดูจากงบการเงินเป็นหลักครับ สะท้อนกลยุทธ์และความแข็งแกร่งต่างๆของธุรกิจและผู้บริหาร ถ้ามีแต่คนพูดว่าบริษัทนั้นนี้ดีเก่ง แต่งบห่วยมากๆ เราต้องเชื่องบครับ ดังนั้นโดยสรุปคือไปหาหนังสือสอนอ่านงบมาอ่านครับ ถ้ายังไม่เข้าใจให้หาคนถามถ้ายังไม่เข้าใจอีกต้องหาที่เรียนครับ ถ้าเรียนแล้วยังไม่เข้าใจต้องหาทางครับ ยังไงก็ต้องเป็น ถ้าสุดท้ายไม่ไหวจริงๆ ซื้อกองทุนรวมดีกว่าครับ การลงทุนด้วยตัวเองคงไม่เหมาะครับ

ถ้าบริษัทมีหุ้นกู้

แล้วหุ้นกู้ถูกเทขายในตลาด (ขนาดนักลงทุนที่คอนเซอร์ ยังไม่เอา แสดงว่า บริษัทมีปัญหา)
อันนี้คือตัวอย่างในเมกา เอามาจาก ปีเตอร์ลินซ์

ส่วนในไทย คือ โดนปรับลดเครดิต สู่ระดับ Junk :lol:
ถ้าบริษัทไม่ได้ออกหุ้นกู้ ก็ต้องอาศัยความสามารถในการอ่านงบ วิเคราะห์เอาครับ
อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็คุ้ม เพราะเป็นการใช้ความรู้ ลดความเสี่ยง

leaderinshadow เขียน:ถ้าบริษัทมีหุ้นกู้

แล้วหุ้นกู้ถูกเทขายในตลาด (ขนาดนักลงทุนที่คอนเซอร์ ยังไม่เอา แสดงว่า บริษัทมีปัญหา)
อันนี้คือตัวอย่างในเมกา เอามาจาก ปีเตอร์ลินซ์

ส่วนในไทย คือ โดนปรับลดเครดิต สู่ระดับ Junk :lol:
ถ้าบริษัทไม่ได้ออกหุ้นกู้ ก็ต้องอาศัยความสามารถในการอ่านงบ วิเคราะห์เอาครับ
อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็คุ้ม เพราะเป็นการใช้ความรู้ ลดความเสี่ยง

ผมว่าวิธีนี้ง่ายดีครับ แต่เราจะไปดูว่าบริษัท มีเครดิต แค่ไหน ดูได้จากไหนครับ

unnop.t เขียน:บริษัทที่จะเจ๊งนั้น คือส่วนใหญ่กระแสเงินสดไม่สามารถหมุนเวียนได้ทัน พูดง่าย ๆคือไม่มีเงินจ่ายค่าสินค้า ค่าเงินเดือน ต่างๆ

บางทีงบกำไรขาดทุนอาจจะไม่ขาดทุนก็ได้ แต่กระแสเงินสดมีปัญหา ง่ายที่สุดไปดูงบกระแสเงินสดดำเนินการว่าเป็นลบหรือเปล่า

ถ้าติดลบหลาย ๆปี อย่างนี้เข้าข่าย บริษัทที่มีกำไรไม่ใช่ว่าเจ๊งไม่ได้ คนทำธุรกิจถึงบอกว่า "Cash is the King"

อีกอย่างดู working capital (current asset - current liability) ถ้าติดลบ ก็เป็นสัญญานอันตราย แต่ตัวนี้ใช้กับพวกค้าปลีกไม่ได้

พวกที่ว่านี้เป็นสัญญานโคม่าส่วนใหญ่ มันอาจจะมีสัญญานก่อนจากกำไรที่ลดลงเรื่อย ๆ ถ้าจะมองอนาคตต้อง

ไปดูโครงสร้างงบดุล มองแนวโน้มธุรกิจ และ biz model

งั้นผมขอยกตัวอย่าง เงินสดสุทธิได้มาจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมดำเนินงาน ของหุ้น TK and thani เป็นลบ แต่บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี แสดงว่าฐานะทางการเงินของสองบริษัทนี้ก็ยังไม่ดีใช่มั้ย