หน้า 1 จากทั้งหมด 2
ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 7:03 pm
โดย miracle
ใครมีแบ่งกันหน่อยครับ
ว่าปิดเมื่อปี 2552 กับราคาปิด ปี 2553
หุ้นตัวไหนเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ถึง 20

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 8:20 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
ทำไฟล์ไว้ให้เอาไปดูเล่น
http://www.mediafire.com/?wcjz77eglcwtccf
TOP GAINER
TOP LOSER

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 8:56 pm
โดย crazyrisk
สุดยอดเลยครับพี่ ครรชิต
สังเกตว่า TOP gainer ส่วนใหญ่ ล้วนมาจาก commodity ซึ่ง
ส่วนใหญ่ ก็อยู่ในอุตฯ ปิโตรเคมี และ พวก เกษตร บางตัว
แต่ที่งงคือ the winner เนี่ยแหละ TSF (มันทำอารายหว่า)
พี่ครรชิต พอจะ adapt เพิ่ม โดย คง อันดับหุ้น top gainer กับ top loser เหมือนเดิม
แต่ ใส่ P/E , EPS growth , D/E ,P/BV , CASH/share
ด้วยได้ไหมครับ....
ขอมากไปป่าวเนี่ย...

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 9:20 pm
โดย crazyrisk
ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณ คุณ miracle ที่ตั้งกระทู้นี้ครับ
เขาบอกว่า คนชนะ ควรเรียนรู้ จากในอดีต เพื่อนำไปสู่อนาคต
ยิ่ง พอพี่ครรชิต เข้ามาตอบให้ ยิ่งเห็นภาพที่ชัดเจนครับ
ผมว่า กระทู้นี้น่าสนใจมาก ถ้าเพื่อนๆ ช่วยเข้ามาตอบว่า
แต่ละอัน มันดี / เลว เพราะอะไร น่าจะช่วยให้เราเข้าใจตลาดมากขึ้น
อันดับแรก ผมขอแบ่ง ตาม sector ก่อนนะครับ
ผู้ชนะ
สายคอมโม
ปิโตร - เนื่องจาก วัตถุดิบ ยังราคาถูก ร่วมถึง demandที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
AJ,PTL,TFI สองอันแรก เป็น บริษัทที่มีการบริหารที่ดี ต่างกันที่โครงสร้างของสายการผลิต และ ประสิทธิภาพของการดำเนินการ ส่วน ตัวหลัง เดิมเคยมีปัญหาเรื่องการบริหาร ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ตามอีกเลยครับ
STA,TRUBB ยางพารา โตตาม อุตฯรถยนต์ที่วิ่งกระฉูด ยิ่งยอดขายรถยนต์เติบโตมากๆ แถม cycle รถยนต์อย่างน้อยๆ ก็ 8 ปี ซึ่งจริงๆ มันทำท่าจะโตมาได้สักพักแล้ว แต่เจอ subprime เข้าไปจึงโดด freeze order ไว้สักพัก พอทุกอย่างเข้าที่ ก็เลย วิ่งกระจาย ตัว STA เคยมีคนมองว่า แพงมากๆ ตอนราคา ต่ำบาท... แต่ตัวนี้กลับสร้างกำไรได้มโหฬารเลยครับ
TCCC จริงๆ หัววัวคันไถ เคยเป็นหุ้นยอดนิยมของไทยวีไอในอดีต โดย บ.สามารถคง ROE ไว้ในระดับสูงได้ในระยะเวลานาน แต่เนื่องจาก หุ้นตัวนี้ สภาพคล่องน้อยมาก คนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยกล้าติดตามนัก แต่ระยะหลัง มีสิ่งผิดปกติบางอย่างในเรื่องของการปรับขึ้นของวัตถุดิบ (ยูเรีย) เกือบ 100% และสิ่งที่เราเคยเชื่อฝังหัวว่า ปุ๋ยคือสินค้าราคาควบคุม แต่เมื่อ ปัจจัยน้ำท่วมเป็นปัจจัยพิเศษ ประกอบกับภาวะ demand ที่เข้ามาจำนวนมาก ทำให้ หัววัวคันไถ เปลี่ยนเป็น หัวกระทิงในทันที
SNC,KKC สงครามนางฟ้า(แอร์) ทั้งสองตัวนี้ ได้ประโยชน์หลักๆ คือ วัตถุดิบที่ต่ำ รวมไปถึง มาตรการภาษีแอร์ที่ลดให้พิเศษในปีนี้ ทำให้ อัตรากำไรของ บ.ทำ new high ได้ ตัวนี้จริงๆ ผมก็ติดตามนะครับ แต่ไม่รู้ว่า หาก วัตถุดิบขึ้นและก็มาตรการภาษีเปลี่ยนแปลงจะเกิดปัญหา หุ้นนางฟ้าเหมือนเดิมหรือไม่ .... ส่วนเรื่อง โลกร้อนขึ้น ผมไม่ค่อยแน่ใจเพราะว่า ปีนี้ผมว่า ไม่ค่อยร้อนเหมือนปีก่อน (วัดยากแฮะ เพราะส่วนใหญ่ทำงานในห้องแอร์อ่ะ)
BJC เท่าที่ผมเคยคุยกับพี่ nanchan ทราบมาว่า ขนาดเกิดวิกฤต บ.ก็ยังเลี้ยงตัวได้ จนพอพ้นวิกฤตใหม่ๆ บ. จ้างแรงงานเท่าเดิม แถม เพิ่มกะอีกต่างหาก ส่วนรายละเอียดคงต้องให้เจ้าตัวเขามาตอบเองดีกว่า
KIAT , JAS สองตัวนี้ หลักๆ คงได้ความเป็น stradegy monopoly เจ้าแรก เป็นผู้ที่สามารถ ครอบครองสัมปทานได้ และควบคุมดีลบิ๊กๆได้อย่างต่อเนื่องราคาจึงวิ่ง กระจาย (น้อยครั้งเราจะเห็น หุ้นที่ p/bv 7 เท่า ) ส่วน ตัวหลัง เป็นหุ้นยอดนิยมในปีนี้เช่นกัน พร้อมกับ กลยุทธ โครงข่ายใยแมงมุม ที่มีความเชื่อว่า สามารถบล็อกการเข้ามาแข่งขันของคู่ค้ารายอื่นๆได้... ทั้งหมดนี้คงต้องติดตามดูผลดำเนินงานต่อไป
SMT ตัวนี้ผมงงเหมือนกันนะครับ คือราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก การันตีว่า หากคิดถึง touch screen ให้คิดถึง smt หากคิดถึง iphone ให้คิดถึง smt หาก.... haha คือที่ผมงงก็คือว่า ถึงแม้กำไรจะเติบโตมากๆ พร้อมกับเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า hitech ขนาดนี้ แต่ทำม๊ายย NPM มันน้อยขนาดเนี้ยล่ะเนี่ย... (3-4%) ถ้าเทียบกับ electronic ตัวอื่นๆ ด้วยกัน (8-10%) แต่หนังเรื่องนี้ คงต้องดูกันต่อมั๊งครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า มหากาพย์ 3G เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และส่งผมกับ สังคม tablet ขนาดไหน
ส่วน ย้อนมาดูฝั่ง loser บ้างครับ
SLC ชื่อ มันเหมือนกับ บ.รับแก้ปัญหานะครับ solution corner แต่ไปๆมาๆ กลับแก้ปัญหาตัวเองไม่รอดซะเนี่ย.... ถ้าจำไม่ผิดเคยพยายาม ออก diary online กะว่า ตีตลาดแน่ๆ แต่ไปๆมาๆ กลับไม่เวิร์คซะงั้น
GEN,mill บ.นี้ เรื่องข่าว นี่ผมต้องยกให้เลยว่า ออกข่าวบ่อยมาก ถ้า เลิกออกข่าวแล้วไปขยัน บริหารให้ธุรกิจมันกำไรดีจริงๆ น่าจะดีกว่านะครับ
patkl ตัวนี้เหมือนเคยจะเวิร์คสักพัก แต่พอไปจับ ธุรกิจไบโอดีเซล แล้วเจอ subprime พอดี ทำให้ หนี้สินบานตะไท หลังจากนั้น ราคาก็แย่ลงเรื่อยๆครับ
แหะๆ ผมรู้ไม่ค่อยเยอะ ยังไงฝากเพื่อนๆ ช่วยกันเขียนหน่อยครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 9:37 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
ผมทำให้สามารถเลือกวันที่ต้องการเปรียบเทียบได้
ที่ เซล BI2 (วันต้นงวด) และเซล BM2 (วันท้ายงวด) ในชีต PRICE&PE_V
อัตราส่วนต่างๆ ก็มีอยู่เพียบแล้ว ในชีต PRICE&PE_V
สามารถดาวน์โหลด VDO อธิบายการใช้งานได้ที่
017 การใช้งานชีต PRICE&PE_V Part 4.avi

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 9:45 pm
โดย crazyrisk
สุดยอดเลยครับพี่ ครรชิต
สังเกตว่า กำไรโต ไม่เท่ากับ ราคาหุ้นโต เลยอ่ะ...
ยิ่ง TSF กำไร โต 42% แต่ราคาหุ้นวิ่ง 1400 เปอร์เซ็นต์ อู้ว์
AJ โต 100% หุ้นวิ่งไป 600%
TPROP นี่ฮามาก ขาดทุนแท้ๆ แต่ราคาหุ้น ทำได้ สุดเขต เสล็ดเป็ดจริงๆ
แต่ UTP นี่ก็แปลกดีนะครับ กำไรโต 1500% แต่ราคาหุ้นวิ่งแค่ 100 % กว่าๆ
พี่ครรชิตไม่ไป countdown เหรอครับ..
สุขสันต์ปีใหม่นะครับพี่
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 10:00 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
TPROP มันอยู่ NPG ตัดทิ้งไป
ไม่มีการซื้อขาย ดูเหมือนเขาลดทุน
โค้ด: เลือกทั้งหมด
หลักทรัพย์ TPROP
แหล่งข่าว TPROP
หัวข้อข่าว การลดทุนจดทะเบียนและการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น
วันที่/เวลา 02 ก.ค. 2552 17:50:00
ACC 040/2552
2 กรกฎาคม 2552
เรื่อง การลดทุนจดทะเบียนและการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ตามที่ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ของบริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
(มหาชน) ("บริษัท") ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2552 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทลดทุนจด
ทะเบียนและเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นของบริษัท ตามรายละเอียดดังนี้
1. มีมติให้บริษัทลดทุนจดทะเบียนจากทุนจดทะเบียนเดิม 2,511,250,000 บาท ให้
เหลือทุนจดทะเบียน 2,353,702,060 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 235,370,206 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยวิธีการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่บริษัทยังมิได้นำออกจำหน่าย
จำนวน 15,754,794 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวม 157,547,940 บาท ออก โดย
บริษัทได้จดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่
26 มิถุนายน 2552
2. มีมติให้บริษัทเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นของบริษัทภายหลังการจดทะเบียนลดทุนจด
ทะเบียนเหลือ 2,353,702,060 บาท โดยให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นของบริษัท จากเดิมมูลค่าที่
ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยการแตกหุ้นสามัญจำนวน 1 หุ้น
มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ให้เป็นหุ้นสามัญจำนวน 10 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดย
บริษัทได้จดทะเบียนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่
29 มิถุนายน 2552
พร้อมกันนี้บริษัทได้แก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับ
การลดทุนจดทะเบียนของบริษัท และ การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น โดยแก้ไขให้เป็นดังนี้
"ข้อ 4. ทุนจดทะเบียนจำนวน 2,353,702,060 บาท
แบ่งออกเป็น 2,353,702,060 หุ้น
มูลค่าหุ้นละ 1 บาท
โดยแยกออกเป็น
หุ้นสามัญ 2,353,702,060 หุ้น
หุ้นบุริมสิทธิ ----- หุ้น"
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 10:19 pm
โดย pongo
โอ้วว ขอบคุณพี่มิมากๆ ครับ ที่ตั้งกระทู้ตรงใจผมเลย
ขอบคุณพี่ครรชิตและหมอเคด้วยครับ สำหรับข้อมูลดีๆ แบบนี้
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 11:11 pm
โดย ถุงเงินเก่า
ขอบคุณ คุณครรชิต ไพศาล ครับ เป็นคนที่มีฐานข้อมูลดีจริง ๆ
crazyrisk เขียน:
SMT ตัวนี้ผมงงเหมือนกันนะครับ คือราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก การันตีว่า หากคิดถึง touch screen ให้คิดถึง smt หากคิดถึง iphone ให้คิดถึง smt หาก.... haha คือที่ผมงงก็คือว่า ถึงแม้กำไรจะเติบโตมากๆ พร้อมกับเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า hitech ขนาดนี้ แต่ทำม๊ายย NPM มันน้อยขนาดเนี้ยล่ะเนี่ย... (3-4%) ถ้าเทียบกับ electronic ตัวอื่นๆ ด้วยกัน (8-10%) แต่หนังเรื่องนี้ คงต้องดูกันต่อมั๊งครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า มหากาพย์ 3G เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และส่งผมกับ สังคม tablet ขนาดไหน
สัดส่วนสินค้าไฮเทคยังคงน้อยอยู่เมื่อเทียบกับสินค้าประเภทฮาร์ดดิกส์ที่มีกำไรต่ำ แล้วเรื่อง 3G บริษัททำอุปกรณ์จอสัมผัสไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีสื่อสารครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 11:30 pm
โดย crazyrisk
ถุงเงินเก่า เขียน:ขอบคุณ คุณครรชิต ไพศาล ครับ เป็นคนที่มีฐานข้อมูลดีจริง ๆ
crazyrisk เขียน:
SMT ตัวนี้ผมงงเหมือนกันนะครับ คือราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก การันตีว่า หากคิดถึง touch screen ให้คิดถึง smt หากคิดถึง iphone ให้คิดถึง smt หาก.... haha คือที่ผมงงก็คือว่า ถึงแม้กำไรจะเติบโตมากๆ พร้อมกับเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า hitech ขนาดนี้ แต่ทำม๊ายย NPM มันน้อยขนาดเนี้ยล่ะเนี่ย... (3-4%) ถ้าเทียบกับ electronic ตัวอื่นๆ ด้วยกัน (8-10%) แต่หนังเรื่องนี้ คงต้องดูกันต่อมั๊งครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า มหากาพย์ 3G เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และส่งผมกับ สังคม tablet ขนาดไหน
สัดส่วนสินค้าไฮเทคยังคงน้อยอยู่เมื่อเทียบกับสินค้าประเภทฮาร์ดดิกส์ที่มีกำไรต่ำ แล้วเรื่อง 3G บริษัททำอุปกรณ์จอสัมผัสไม่ใช่ตัวเทคโนโลยีสื่อสารครับ
ขอบคุณที่เข้ามาตอบครับ คุณ ถุงเงินเก่า แต่ที่ผมเขียนไป หมายถึง จอทัชสกรีนนี่แหละครับ
หลังๆเห็นใครๆก็ถือ ipad กัน ทีนี้ หาก 3g ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม คนจะสามารถเข้าถึง net ได้ง่ายขึ้น
การใช้ tablet ก็น่าจะเพิ่มขึ้น เช่นกัน
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 11:31 pm
โดย crazyrisk
พี่ครรชิตครับ
โปรแกรมพี่สามารถทำข้อมูล top gain and loss ในปีก่อนได้ไหมครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 11:38 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
ได้ครับ จะเอาระหว่างวันที่เท่าไรก็ได้
ผมทำให้สามารถเลือกวันที่ต้องการเปรียบเทียบได้
ที่ เซล BI2 (วันต้นงวด) และเซล BK2 (วันท้ายงวด) ในชีต PRICE&PE_V
อัตราส่วนต่างๆ ก็มีอยู่เพียบแล้ว ในชีต PRICE&PE_V
สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่ต้องการ เวอร์ชั่นที่ แก้ไขเพิ่มเติม การหา Capital Gain เนื่องจากกระทู้นี้
ให้ไปแจ้งขอใหม่ได้ในกระทู้
EPS16YEAR
สามารถดาวน์โหลด VDO อธิบายการใช้งานได้ที่
017 การใช้งานชีต PRICE&PE_V Part 4.avi

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 31, 2010 11:59 pm
โดย pacabee
ในกลุ่ม top loser ตัวไหนมีโอกาส turn around ปี 2554 ได้บ้างครับ

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 10:06 am
โดย BlackRock
tsf เปลี่ยนชื่อมาจาก 124 ทำธุรกิจด้าน มีเดียต่าง ๆ มีการเปลี่ยนโครงสร้าง ผถห ใหม่ ที่ผ่านมามีการเพิ่มทุน เพื่อควบรวมกิจการ บริษัท jcm ซึ่งเป็นผู้ได้สัมปทาน ป้ายโฆษณา ในสนามบิน สุวรรณภูมิ ทั้งหมด เป็นเวลา 25 ปี ได้สิทธิถ่ายทอดกีฬา เอเชียเกมที่ผ่านมา ได้สิทธิถ่ายทอด ฟุตบอลแชมเปี่ยนชิบลีก ของอังกฤษ ได้สิทธิบริหารป้ายโฆษณาบนทางด่วนขั้นที่หนึ่ง (เนื่องจากจะมีการทำป้ายสำหรับโฆษณา ค่อมทางด่วน และในอนาคตอาจจะไม่อนุญาติให้มีป้ายโฆษณาข้างทางด่วน เพราะทำให้เกิดอุบัติเหตุ และไม่สวยงาม ) เป็นผู้บริหารสื่อโฆษณาทุกจุด ของสายการบิน airasia เป็นผู้ผลิตรายการคนพันธุ์อา ของกรมอาชีวะ ได้สิทธิบริหารป้ายโฆษณาในเทศบาลนครเชียงใหม่ และน่าจะได้สิทธิในการบริหารป้ายข้างตู้น้ำดื่มสาธารณะของการประปานครหลวง 4000 กว่าจุดทั่ว กทม (การประปาจะเริ่มติดตั้งต้นปี 54 ) ในการเพิ่มทุนที่ผ่านมา ได้เงิน 450 ล้าน และมีการควบรวม กิจการไป 50 ล้านเหลืออีก 400 ล้าน คาดว่าจะมีการควบรวมกิจการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มอีก เป้าหมาย ผบห ต้องการเป็นบริษัท ด้าน มีเดีย อันดับ 1 ของประเทศและอาเซียนในอนาคต จุดที่น่าสนใจของ tsf ลักษณะเป็น ผบห สื่อกลางแจ้งมากที่สุด และได้สัมปทานจากสนามบินสุวรรณภูมิ อีกจุดที่น่าสนใจมากคือ รายชื่อ ผถห ใหญ่ทุกท่าน น่าจะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายได้ แต่ใน ร้อยคนร้อยหุ้นไม่มีห้อง tsf ครับ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าจะต้องทำยังไงถึงจะมีห้อง tsf ได้ครับ นี้เป็นรายละเอียด คราว ๆ ครับของ tsf
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 10:34 am
โดย charun
พี่ครรชิต ครับ สวัสดีปีใหม่ครับ
ข้อมูลการหาค่า EPS.คาดการณ์อย่างไรครับ เช่นของ SNC=1.296
ขอบคุณมากครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 10:56 am
โดย ครรชิต ไพศาล
ประมาณ Earning Per Share ปีปัจจุบัน
ถ้าเป็น Q1 ใช้ EPSปีก่อน - EpsQ1ปีก่อน + EpsQ1ปีปัจจุบัน
ถ้าเป็น Q2 ใช้ EPSปีก่อน - (EpsQ1ปีก่อน + EpsQ2ปีก่อน) + (EpsQ1ปีปัจจุบัน + EpsQ2ปีปัจจุบัน)
ถ้าเป็น Q3 ใช้ (EpsQ1ปีปัจจุบัน+EpsQ2ปีปัจจุบัน+EpsQ3ปีปัจจุบัน)x3.8/3
SNC
epsQ3 0.320
epsQ2 0.386
epsQ1 0.317
EPS ประมาณ = (0.320+0.386+0.317)*3.8/3 = 1.296
ผมไม่คุณด้วย 4/3 แล้ว ผมใช้ตัวคูณ 3.8/3 แทน เพราะต้องการประมาณให้ต่ำไว้ก่อน
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 11:20 am
โดย pak
TSF เป็นบริษัทฯที่น่าจะเข้าข่ายหุ้น Turnaround ได้อีกตัวหนึ่งนะครับ
แต่ผมมองว่า...มันเลย "จุดวกกลับ" มามากๆพอสมควรแล้ว!!!
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า การ Turn ครั้งนี้จบสิ้นลงแล้ว
มันจะไปได้อีกไกลแค่ไหน มันยังเป็นการบ้านของคนที่สนใจครับ
ใช่ครับ ครั้งหนึ่ง TSF มันก็เคยเป็น Candidate ใน List ของการคัดเลือกหุ้น Turnaround ของผมด้วย
ผมรู้ว่ามันดีครับ แต่ผมคิดเอาเองว่า "ผมรู้ช้าเกินไปหน่อย"
รวมทั้งผมยังเห็นหุ้นอีกตัวหนึ่ง...ที่ผมชอบมากกว่าอ่ะนะขอรับ
ถ้าคุณ BlackRock สนใจจะเปิดกระทู้ของ บริษัท 365 ก็ไม่เลวนะครับ
เริ่มตั้งกระทู้ได้เลยนะครับ โดยตั้งในห้องนี้แหล่ะครับ
ให้ใช้ชื่อกระทู้ว่า TSF
แล้วถ้าเราโพสต์ข้อมูลที่มากเพียงพอ โดยมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
ทางทีม mod เค้าจะย้ายเข้าห้องร้อยคนร้อยหุ้นให้เองครับ
ใครตั้งคนแรก ก็ถือเป็น founder ไปอ่ะนะครับ
แต่จริงๆแล้ว มันไม่สำคัญหรอกครับว่าใครเป็นผู้ตั้ง
"การแบ่งปันมุมมอง" และ "การที่เราได้มีเพื่อนร่วมทางในการลงทุน"...นั่นคือสิ่งที่มีค่ามากกว่าครับ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 1:31 pm
โดย HENDRIX
สวัสดีปีใหม่ครับ พี่ครรชิต
ผมรบกวนขอหุ้นที่มีราคา 52 week low หน่อยได้ไหมครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 1:38 pm
โดย HENDRIX
อ้อ ลืมขออนุญาตพี่มิ เจ้าของกระทู้ก่อน
เพราะที่จริงต้องโพสที่กระทู้ที่สุด lose จะเข้าท่ากว่า
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 1:46 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
นับเป็น WEEK ลำบาก
เอาเป็นเริ่ม วันต้นงวด 01/12/09 วันท้ายงวด 30/12/10
เป็นจำนวนวันทำการ 262 วัน แล้วกันครับ
สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่ต้องการ เวอร์ชั่นที่ แก้ไขเพิ่มเติม การหา Capital Gain เนื่องจากกระทู้นี้
ให้ไปแจ้งขอใหม่ได้ในกระทู้
EPS16YEAR
Top Loser

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 4:16 pm
โดย miracle
ที่ผมตั้งอันนี้ขึ้นมาเพื่อแยกระหว่าง
Gain และ lose ว่าในปี 2553
ภาพของตลาดหลักทรัพย์นั้น เป็นเช่นไร
ใน Sector ไหน มีปัญหาหรือทำไมมันขึ้นได้แบบมหัศจรรย์อย่างนั้น
ตามพื้นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมอยากเห็นทุกปีๆ ใน TVI
ว่าหุ้น 500กว่าตัว หรือมากกว่านั้น มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไง
เพราะเวลา 1 ปี ในการลงทุนของ VI นั้นเป็นเวลาที่สั้นๆ
แต่หากเราลงทุนถูกตัวถูกจังหวะก็ถือว่าแจ็กพ็อตเลย
ห้ามลืมว่า ขึ้นมาแล้วเราก็ต้องประเมินพื้นฐานของมันว่าเป็นไปตามที่คาดหวังด้วยหรือเปล่า
Monitor ตลอดเวลาครับ

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 4:50 pm
โดย MrRobot
IVL หายไปจาก top gainer list ครับพี่ครรชิต น่าจะเพราะ IPO ตอนเดือน กพ
หุ้น hot hit เลย ตกไปตกใจเเย่
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 4:54 pm
โดย MrRobot
crazyrisk เขียน:SMT ตัวนี้ผมงงเหมือนกันนะครับ คือราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจาก การันตีว่า หากคิดถึง touch screen ให้คิดถึง smt หากคิดถึง iphone ให้คิดถึง smt หาก.... haha คือที่ผมงงก็คือว่า ถึงแม้กำไรจะเติบโตมากๆ พร้อมกับเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า hitech ขนาดนี้ แต่ทำม๊ายย NPM มันน้อยขนาดเนี้ยล่ะเนี่ย... (3-4%) ถ้าเทียบกับ electronic ตัวอื่นๆ ด้วยกัน (8-10%) แต่หนังเรื่องนี้ คงต้องดูกันต่อมั๊งครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า มหากาพย์ 3G เรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และส่งผมกับ สังคม tablet ขนาดไหน
Hana ผลิต IC ซึ่งปกติจะมี NPM ต่ำกว่าพวกที่ผลิต PCB ครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 5:49 pm
โดย miracle
MrRobot เขียน:IVL หายไปจาก top gainer list ครับพี่ครรชิต น่าจะเพราะ IPO ตอนเดือน กพ
หุ้น hot hit เลย ตกไปตกใจเเย่
ไม่มีราคาปี 2552 ครับ
จึงขึ้น #DIV/0
อันนี้คือเทียบกับหุ้นที่มีราคาปิดเมื่อปี 2552
กับราคาปิด 2553
ไม่มีข้อมูลของหุ้นIPOระหว่างปีครับ

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 5:54 pm
โดย ครรชิต ไพศาล
MrRobot เขียน:IVL หายไปจาก top gainer list ครับพี่ครรชิต น่าจะเพราะ IPO ตอนเดือน กพ
หุ้น hot hit เลย ตกไปตกใจเเย่
หุ้นเข้าใหม่หลัง 04/01/10 ราคา ในวันที่ 04/01/10 จึงเป็น 0
ดังนั้น ค่ามันออกมาเป็น DIV/0 ผมเลยเลื่อนขึ้นบนไม่แสดง
แต่พอน้อง MrRobot ทักท้วง ขึ้นมา พี่ก็เลยนึกได้ ว่า ถ้าเจอราคาเป็น 0
ก็ต้องให้โปรแกรมไปเอา ราคา IPO มาแสดง สิ
จึงได้ ผลของ IVL ออกมาอยู่อันดับ 4 Gain 466.18% ครับ
สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่ต้องการ เวอร์ชั่นที่ แก้ไขเพิ่มเติม การหา Capital Gain เนื่องจากกระทู้นี้
ให้ไปแจ้งขอใหม่ได้ในกระทู้
EPS16YEAR

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 7:21 pm
โดย kapooknarak
ขอบคุณสำหรับข้อมูล เยี่ยม ๆ ๆ ๆ ไปเลยค่ะ ^^
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 9:24 pm
โดย Ii'8N
crazyrisk เขียน:ก่อนอื่น ผมต้องขอขอบคุณ คุณ miracle ที่ตั้งกระทู้นี้ครับ
เขาบอกว่า คนชนะ ควรเรียนรู้ จากในอดีต เพื่อนำไปสู่อนาคต
ยิ่ง พอพี่ครรชิต เข้ามาตอบให้ ยิ่งเห็นภาพที่ชัดเจนครับ
ผมว่า กระทู้นี้น่าสนใจมาก ถ้าเพื่อนๆ ช่วยเข้ามาตอบว่า
แต่ละอัน มันดี / เลว เพราะอะไร น่าจะช่วยให้เราเข้าใจตลาดมากขึ้น
อันดับแรก ผมขอแบ่ง ตาม sector ก่อนนะครับ
ผู้ชนะ
AJ,PTL,TFI สองอันแรก เป็น บริษัทที่มีการบริหารที่ดี ต่างกันที่โครงสร้างของสายการผลิต และ ประสิทธิภาพของการดำเนินการ ส่วน ตัวหลัง เดิมเคยมีปัญหาเรื่องการบริหาร ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้ตามอีกเลยครับ
STA,TRUBB ยางพารา โตตาม อุตฯรถยนต์ที่วิ่งกระฉูด ยิ่งยอดขายรถยนต์เติบโตมากๆ แถม cycle รถยนต์อย่างน้อยๆ ก็ 8 ปี ซึ่งจริงๆ มันทำท่าจะโตมาได้สักพักแล้ว แต่เจอ subprime เข้าไปจึงโดด freeze order ไว้สักพัก พอทุกอย่างเข้าที่ ก็เลย วิ่งกระจาย ตัว STA เคยมีคนมองว่า แพงมากๆ ตอนราคา ต่ำบาท... แต่ตัวนี้กลับสร้างกำไรได้มโหฬารเลยครับ
ผมมีความเห็นเพิ่มเติม ส่วนที่ไม่เกี่ยวกับการจัดการของ กิจการใน 2 อุตสาหกรรมนี้ เพิ่มเติม
มันเข้าหลักการ demand-supply คือการสินค้าขาดตลาด ราคาผันผวนสูงของฟิล์มและยาง
โดยยางนั้น ปีที่ผ่านมาผลิตได้น้อยราคาเลยพุ่ง ทั้งสองศรีพี่น้อง เลยพากัน "ลิ่ง" จนทำให้คนตาค้างไปตามๆกัน แต่ฟิล์มนั้น ไม่ได้ติดตาม ว่าสาเหตุมาจากอะไร
จะเข้าข่าย "หุ้นวัฏจักร" หรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่ผ่า่นตาร้อยคนร้อยหุ้นก่อนหน้านี้หลายเดือน จำได้ว่าเซียนใน TVI ก็เคยมีคนประสบผลสำเร็จจากฟิล์มขาดตลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเป็นท่านใด ลองไปค้นดูนะครับ
แล้วคนที่พลาดจากวิกฤติการณ์นี้ จะได้อะไรบ้าง นอกจากดูด้วยความเสียดาย? หรือได้แค่แสดงมุทิตาจิต ต่อคนที่รอคอยด้วยความอดทนในหุ้นกลุ่มนี้แล้วสำเร็จ?
อย่างที่หลายท่าน และพี่หมอสามัญชนบอกว่า หุ้นวัฏจักร เวลามากระพือให้ช้างบินได้ หรือจะพูดเท่ๆ ก็ทำให้ไก่งวงบิน เพนกวินลอยสู่ฟากฟ้าได้ไกล
เป็นแรงบันดาล แรงขับได้อย่างดี ให้เราได้ค้นคว้า ทำการบ้าน จับศึกษาหาหุ้น หากิจการ หาอุตสาหกรรมเข้าข่ายแบบนี้ มา "ตี" ให้ "แตก" ...ดีกว่าแค่ชื่นชมให้ผ่านเลยไป
ที่คุณเกริ่นนำละครับ ผมขอโกงเอามาเป็นข้อสรุปดื้อๆเลย เพราะคำพุดนั้น ดีอยู่แล้ว
crazyrisk เขียน:
เขาบอกว่า คนชนะ ควรเรียนรู้ จากในอดีต เพื่อนำไปสู่อนาคต
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 01, 2011 10:07 pm
โดย miracle
ขอบคุณครับพี่ครรชิต
และเพื่อน

Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 2:07 am
โดย Saitthasak
TSF ถ้าเปลี่ยนชื่อมาจาก PR124 ราคาวันที่4Jan2010 ปิดที่ 1.01
ทำไมfile ของพี่ครรชิตปิดที่ 0.101
หรือว่ามันคนละตัวกันครับ
Re: ที่สุด Gain ในปี 2553
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 02, 2011 8:01 am
โดย ครรชิต ไพศาล
ขอบคุณครับ ที่เห็นข้อผิดพลาด และ ทักท้วงขึ้นมา
ผมไปตรวจดูแล้ว มีความผิดพลาดขึ้นครับ จากการเปลี่ยนราคาพาร์ คือ
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน) (PR124)
แตกพาร์ 10 เป็น 1 บาท และซื้อขายตามราคาพาร์ใหม่ กันเมื่อ 15 ตุลาคม 2552
แต่ผมพลาดข่าวนั้น เพิ่งมารู้ว่าเขาแตกพาร์ 18/01/10 แล้ว
เลยไปแก้ไข ข้อมูลราคา ให้สอดคล้องกับ พาร์ใหม่ โดยลืมนึกไปว่า
เขาซื้อขายตามราคาพาร์ใหม่ กันเมื่อ 15 ตุลาคม 2552
เลยจับหารด้วยสิบหมด จากวันที่ 18/01/10 ย้อนไปเลย
จึงได้ข้อมูลราคาที่ผิดพลาด ดังรูปกราฟที่ 1 ข้างล่าง
ผมได้แก้ไขให้ถูกต้องแล้วครับ ดังรูปกราฟที่ 2 ข้างล่าง
เป็นผลให้ TSF ตกไปจากอันดับ 1 ใน TOP GAINER ไปอยู่อันดับที่ 223
มี Cap. Gain ที่ถูกต้องเพียง 34.65 %
อันดับ 1 ใน TOP GAINER จึงตกเป็นของ AJ ด้วยสถิติ Capital Gain 689.14% ดังรูปที่ 3 ข้างล่าง
สำหรับเพื่อนๆ ท่านใดที่ต้องการ เวอร์ชั่นที่ แก้ไขเพิ่มเติม การหา Capital Gain เนื่องจากกระทู้นี้
ให้ไปแจ้งขอใหม่ได้ในกระทู้
EPS16YEAR
หลักทรัพย์ TSF
แหล่งข่าว mai
หัวข้อข่าว การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหลักทรัพย์ "PR124"
วันที่/เวลา 12 ต.ค. 2552 17:02:00
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ของหลักทรัพย์
บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน) (PR124)
ตามที่บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส จำกัด (มหาชน) (PR124)
ได้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 1 บาทเป็นหุ้นละ 0.10 บาทนั้น
บัดนี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้รับแจ้งว่าบริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมาย
กำหนดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็นควรให้หลักทรัพย์ PR124 มีการซื้อขาย
ในระบบซื้อขายหลักทรัพย์ตามมูลค่าที่ตราไว้ใหม่ตามที่บริษัทแจ้ง
ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2552 เป็นต้นไป
1. กราฟก่อนแก้ไข ความผิดพลาด
2. กราฟหลังจากแก้ไข ความผิดพลาด แล้ว
