Thai VI

ดีครับ พี่ๆเพื่อนๆ ไม่ทราบว่าใครเคยมีประสบการณ์ลงทุน...........................เพราะผมเลือกไม่ถูกว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุนดีในบริษัทที่ขึ้นชื่อว่าธรรมภิบาลไม่ดี และ กำไรก่อนหน้านี้ค่อนข้างต่ำ ปันผลไม่ได้จ่ายมาเกิน 5 ปีแล้ว แต่บริษัทไม่ได้ขาดทุน... คือกำไรต่ำสม่ำเสมอ แต่ทีนี้กำไรรายปีมันโตก้าวกระโดดเห็นๆมาจาก operating activities... และแนวโน้มน่าจะโตต่อในปีถัดไป ....(เรื่องของเรื่องผมดูตัวนี้ผ่าน 1 ปีไปไม่มีอะไร support หลักๆปีนี้ปีหน้าเป็นการโตจากการที่ตลาดรวมโต ต้องดูต่อไป)

สรุป สิ่งที่ผมอยากจะถามก็คือ ใครเคยมีประสบการณ์เจอบริษัทกำไรดีแต่ ธรรมภิบาลแย่ๆ ทำให้ราคาหุ้นมันไปในทางที่ผิดธรรมชาติกับฐานกำไรที่เปลี่ยนไปรึป่าวครับ หรือมีประมาณว่า บริษัทไหนที่เกิดการเปลี่ยนแปลง พอ operation เข้าที่ก็เริ่มอยากให้บริษัทดี ชุดผู้บริหารอยู่ดีๆเกิดจะมาเปลี่ยน behavior โปร่งใสทำตัวดีต่อผู้ถือหุ้น

ผมยังชั่งใจ เลือกไม่ถูก ดูมานานพอสมควร แต่ละคนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทและบริษัทเกี่ยวข้องตัวจื๊ดทั้งนั้นแต่ upside ตาม theory มันบานเหลือเกิน

ผมมีคำตอบในระดับนึงแล้วเพราะปกติผมไม่ลงทุนในหุ้นที่ธรรมภิบาลคลุมเคลือ แต่คืออยากได้ยินประสบการณ์คนอื่นครับ ผมจะได้ judge possibility ของ outcome ได้ดีขึ้น

อาจจะงงๆนิดนึง ผมอธิบายไม่เก่งครับ ตอบไม่ต้องคำถามก็ได้นะครับ มันค่อนข้างจะกว้างอะไร along the line ได้หมดครับ อยากฟังประสบการณ์ ช่วยแชร์หน่อยนะครับ ขอบคุณล่วงหน้ามากๆครับ

ขอไม่ระบุชื่อบริษัทนะครับ

แนวทางคร่าวๆ ของผมคือ

ปกติผมจะไม่ลงทุนถ้าไม่เห็น upside 40 - 50% ขึ้นไป แต่ในบริษัทที่มีข้อสงสัยในธรรมาภิบาลของผบห. ผมจะต้องเผื่อ mos มากขึ้น เพื่อชดเชยกับปัจจัยลบข้อนี้ ผมจะต้องเห็น upside 80 -90% เป็นการชดเชย ( รวมทั้งอาจจะต้องมีปัจจัยเสริมเพื่อเป็นการเผื่อ mos เจ้าไปอีก เช่น ผมมั่นใจว่ากำไรไตรมาสหน้าจะโตมาก หรือผมมั่นใจว่าปลายปีจะมีปันผลไม่ต่ำกว่า 7 -8% )

อย่างไรก็ดีถ้าในระยะเวลาเดียวกัน ผมค้นพบอีกบริษัทที่มี upside ต่างกันไม่มาก และมีธรรมาภิบาลที่ clean กว่า ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนการลงทุนจากบริษัทที่ธรรมาภิบาลน่าสงสัยมาลงทุนในบริษัทนี้แทน

-ขาดธรรมาภิบาลกับผู้ถือหุ้น ก็ต้องMOSเยอะมากๆพอที่จะชดเชยส่วนที่ประเมินไม่ได้อย่างที่reiterว่า
แต่ถ้าแย่มากๆเข้าขั้นสีดำก็ไม่ไหว เพราะขนาดปรกติยังมีนอกมีในได้ ถ้าเงินขาดมือก็จะแย่กว่านี้ MOSเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ปรกติถ้าเป็นผู้บริหารมีชื่อด้านไม่ค่อยดี ราคาก็จะมีส่วนลดถาวรอยู่แล้ว
เทียบกับผู้บริหารดีๆแล้วupsideจะสมดุลกับความเสี่ยง สุดท้ายเลือกเอาผู้บริหารดีๆดีกว่า
ยกเว้นกรณีพิเศษชั่วคราวจริงๆ ที่ถูกมากๆ แล้วลงทุนสั้นๆปีเดียว ก็พอรับได้

-ขาดธรรมภิบาลกับลูกค้าหรือsupplyer อันนี้บั่นทอนธุรกิจในระยะยาว พยายามเลี่ยงดีกว่า

-ขาดธรรมภิบาลกับประเทศ โดยเฉพาะใช้ทรัพย์สินของบริษัทไปป่วนประเทศ อันนี้ไม่เอาเลย
ไม่อยากช่วยพลักดันราคาทรัพย์สิน ที่เอาไปป่วนประเทศ


ว่าแต่ หุ้่นดีๆมีเยอะแยะ ผู้บริหารดีๆ กิจการดีๆ ถ้ามีข้าวสวยกิน ทำไมเราต้องพยายามหาขี้มากินหละ

อันนี้เป็นเกมส์เก็งกำไร ซื้อหุ้นได้ ถ้าผลตอบแทนคุ้มกับความเสี่ยง แต่ถ้าผิดทางต้องรีบกลับทางเดิม

ถ้าจะลงทุนในกิจการ ผู้บริหาร ควรจะเอาไว้ลำดับต้น ๆ เลยครับ ผมว่าหาอะไรมา trade off ยาก

เวลาบริษัทมันขาดธรรมาภิบาล...

การจะทำให้งบมันดูดีเหลือเชื่อ หรือแย่เหลือเชื่อได้ง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว...

ดังนั้น MOS ที่เพิ่มขึ้นอาจจะไม่ใช่คำตอบสุดท้าย...

ถ้าจะลงทุน บริษัทฯ พวกนี้... ก็เหมือนเล่น Poker แล้วล่ะครับ... ต้องอ่านให้ออก บอกให้ได้ว่า ว่าคนที่เล่นเกมส์กับเราอยู่กำลังลักไก่เราอยู่รึเปล่า...

ขอบคุณมากๆครับทุกคน

ยากครับ ลงทุนกับผู้บริหารที่ไม่ดี
เหมือนคบคนเลวเป็นเพื่อนสนิทครับ

ธรรมภิบาลแย่ ต้องมี MOS มากๆ ถึงน่าสนครับ
ถ้าแย่มากๆ และงบไม่น่าเชื่อถือ ก็ข้ามไปเลย ไม่ต้องประเมินมูลค่าหรือคิด MOS ให้เสียเวลา

เช่นกันครับ
อะไรที่มันเทาๆ
ผมจะข้ามไปเลย
เพราะทางเลือกจริงๆ มีเยอะครับ
ค่อยๆ หา
เดี๋ยวก็เจอ...

densin เขียน: ว่าแต่ หุ้่นดีๆมีเยอะแยะ ผู้บริหารดีๆ กิจการดีๆ ถ้ามีข้าวสวยกิน ทำไมเราต้องพยายามหาขี้มากินหละ

โดนครับ

ธรรมาภิบาลแย่ ไม่เหมาะแก่การลงทุนเพราะจะเจอสไตล์ขายหุ้นแบบเจาะจง PP ในราคาต่ำกว่าในกระดานสุดๆ หรือแบบว่า พออยากออกจากตลาดก็อาศัยสถานะการณ์ ทำ tender offer กดราคาแบบสุดๆ นี่ยังไม่รวมแต่งงบอีก

ธรรมาภิบาลแย่....ทำให้เกิดความกลัวในสิ่งที่ไม่คาดคิด....จึงแหยงที่จะลงทุน

คาดกำไรที่สูงมาก....ทำให้น้ำลายหก....อยากเข้าลงทุนมาก

ผู้กล้า....จะชั่งน้ำหนักได้เสีย ทั้งโอกาสและกำไร...แล้วตัดสินใจ

ผู้อนุรักษ์นิยม.....ใยต้องเสี่ยงด้วย...just say no

ขอถามนะครับ
ในมุมมองของพี่ๆ ธรรมภิบาลแย่ หรือดีเราจะดูอะไร หรือใช้ไม้บรรทัดอะไรมาวัดครับ

บริษัทที่มีธรรมาภิบาลดีๆมีไม่กี่แห่งในตลาดหลักทรัพย์ นับตัวได้ไม่ถึงยี่สิบบริษัท
ที่ผมพอรู้ๆฟังๆมาครับซึ่งที่คิดว่ารู้เอาเข้าจริงก็ไม่ชัวร์เท่าไหร่
ที่เหลือก็กลางๆพอรับได้ที่จริงอาจจะดีก็ได้หรือไม่ดีก็ได้. เพราะไม่รู้ชัดและไม่มีหลักฐานพยานไปพิสูจน์
และส่วนน้อยที่แย่จริงๆจนรับไม่ได้

และบริษัทที่ลือๆกันว่าธรรมาภิบาลแย่ๆ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้แย่ตามที่ลือๆกันก็มี อันที่แย่กว่าที่ลือไม่ค่อยมี
เข้าข่ายข่าวลือมักจะถูกใส่สีตีไข่เพิ่มความเข้มข้นจนเกินจริง
อันที่ลือๆแล้วจางลงจนน้อยกว่าความจริงนั้นไม่ค่อยเจอ

เรื่องธรรมาภิบาลผมเลยใช้หลักกลางๆเข้าไปจับ
หลายๆเรื่องออกอาการให้รู้ว่าธรรมาภิบาลอาจจะไม่ดีแต่ก็ยังซื้อ
ถ้าไม่เข้านิยามต่อไปนี้

1. ตกแต่งงบการเงิน. อันนี้ต่อให้กำไรมากแค่ไหนก็ไม่อยากซื้อเพราะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก และกำไรที่เห็นว่าดีอาจจะเป็นอย่างไรก็ได้ ที่จริงอาจจะขาดทุนก็ได้
ข้อนี้ความเห็นของผู้สอบบัญชีก็พอจะช่วยได้บ้าง ช่วยไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

2. ไซฟ่อนเงิน ดูจากประวัติว่าเคยให้บริษัทลูกหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องยืมเงินแล้วกลายเป็นหนี้เสียบ้างไหม เคยซื้อ/ขายอะไรที่ไม่โปร่งใสไหมในรายการเกี่ยวโยงระหว่างกัน หรือรายการอื่นๆที่เป็นสัญญาณว่ามีการถ่ายเทเงินออกอย่างไม่สมควร เป็นต้น

คิดออกแค่สองข้อครับสรุปว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆ เรื่องอื่นๆก็พอทนได้

สามัญชน เขียน:บริษัทที่มีธรรมาภิบาลดีๆมีไม่กี่แห่งในตลาดหลักทรัพย์ นับตัวได้ไม่ถึงยี่สิบบริษัท
ที่ผมพอรู้ๆฟังๆมาครับซึ่งที่คิดว่ารู้เอาเข้าจริงก็ไม่ชัวร์เท่าไหร่
ที่เหลือก็กลางๆพอรับได้ที่จริงอาจจะดีก็ได้หรือไม่ดีก็ได้. เพราะไม่รู้ชัดและไม่มีหลักฐานพยานไปพิสูจน์
และส่วนน้อยที่แย่จริงๆจนรับไม่ได้

และบริษัทที่ลือๆกันว่าธรรมาภิบาลแย่ๆ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้แย่ตามที่ลือๆกันก็มี อันที่แย่กว่าที่ลือไม่ค่อยมี
เข้าข่ายข่าวลือมักจะถูกใส่สีตีไข่เพิ่มความเข้มข้นจนเกินจริง
อันที่ลือๆแล้วจางลงจนน้อยกว่าความจริงนั้นไม่ค่อยเจอ

เรื่องธรรมาภิบาลผมเลยใช้หลักกลางๆเข้าไปจับ
หลายๆเรื่องออกอาการให้รู้ว่าธรรมาภิบาลอาจจะไม่ดีแต่ก็ยังซื้อ
ถ้าไม่เข้านิยามต่อไปนี้

1. ตกแต่งงบการเงิน. อันนี้ต่อให้กำไรมากแค่ไหนก็ไม่อยากซื้อเพราะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก และกำไรที่เห็นว่าดีอาจจะเป็นอย่างไรก็ได้ ที่จริงอาจจะขาดทุนก็ได้
ข้อนี้ความเห็นของผู้สอบบัญชีก็พอจะช่วยได้บ้าง ช่วยไม่ได้ทั้งหมดแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

2. ไซฟ่อนเงิน ดูจากประวัติว่าเคยให้บริษัทลูกหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องยืมเงินแล้วกลายเป็นหนี้เสียบ้างไหม เคยซื้อ/ขายอะไรที่ไม่โปร่งใสไหมในรายการเกี่ยวโยงระหว่างกัน หรือรายการอื่นๆที่เป็นสัญญาณว่ามีการถ่ายเทเงินออกอย่างไม่สมควร เป็นต้น

คิดออกแค่สองข้อครับสรุปว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินๆทองๆ เรื่องอื่นๆก็พอทนได้

ชัดเจน ลุ่มลึก และกล้าหาญจังค่ะคุณหมอ หลายครั้งเราเลือกที่จะรักษามรรยาท จนลืมที่จะพูดความจริง

ผมมองผู้บริหารอันดับแรกเลย ถ้ามีกลิ่นหรือสัญญาณไม่ดี ขอหลีกดีกว่า เพราะถึงจะทนหลับตาข้างเดียวแต่มันก็ทนได้ไม่นาน แถมเสี่ยงอีกต่างหากครับ

เห็นด้วยกับพี่หมอมากๆครับ

คำว่าธรรมาภิบาลไม่ดี อันนี้วัดยากครับ ส่วนใหญ่เป็นความเชื่อต่อๆกันมา มากกว่าข้อเท็จจริง

เช่นกลุ่มเจ้าสัว เมื่อก่อนก็มีข่าวลือกันมาหนาหู เรื่องเจ้าสัวกินรวบ ทำให้หลายๆคน ไม่กล้าลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้

บางทีเจอข่าวลือมาว่า บริษัทโน้นเป็นแบบนั้น ไม่ดีแบบนั้น ผู้บริหารเป็นแบบนี้ ก็รับฟังไว้ครับ แต่ก็ต้องไปดูก่อนว่าจริงหรือเปล่า

แล้วก็เห็นด้วยกะพี่หมอยิ่งเข้าไปอีกคือ ถ้าไม่แต่งงบ ไม่ไซฟ่อน ก็คงผ่านในระดับหนึ่งครับ ส่วนเทามากเทาน้อย mos มาก mos น้อย ต้องชั่งน้ำหนักดูครับ

ไม่รู้ตัวเดียวกับที่ผมเล็งๆหรือเปล่า หุ้นกลุ่มเสี่ย ก

ถ้าเป็นกลุ่มนี้ผมขอเซโนครับ เพราะผมรู้สึกว่าเค้ารู้เรื่องหุ้นดี และคงไม่อยากแบ่งผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย ดังนั้นถ้ามีโอกาส เค้าจะถ่ายโอนเงิน ย้าย ไปซื้อหลักทรัพย์โยงไปมา จนเราปวดหัว ทั้งที่ควรจะเอามาปันผลให้ผู้ถือหุ้น ผู้บริหารยังได้รับเงินเดือน และผลประโยชน์อื่นๆที่มองไม่เห็น แต่รายย่อยกินแกลบ อย่าว่าแต่ผู้ถือหุ้นเลยครับ แม้แต่แบงค์ยังให้ติดแบล็คลิสไม่ปล่อยสินเชื่อเลย ดูจากข่าวที่แจ้งตลาดซิครับ

พี่ลูกอีสาน พูดถูกใจผมมากครับ
เรายังไม่ซื้อเท่ากับว่าเรายังมีโอกาศเลือก แต่ถ้าเราถือแล้วเท่ากับเงินของเราต้องไปขึ้นกับผู้บริหาร แล้วถ้าผู้บริหารสกปรก เป็นผมก็คงเซโนเช่นกัน

ว้าว ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากๆครับ ตามที่พี่สามัญชนพูดผมก้ไม่รู้หรอกครับว่า จ้าวนี้เค้าทำอะไรบ้างแต่ถ้าทำทั้งหมดที่พี่กล่าวมาผมคงไม่แปลกใจเลย 555 ตอนนี้ผมเลือกที่จะ observe อย่างเดียว คงไม่ไปแหย่ปลั๊กไฟแล้วหละครับ

พี่ลูกอีสาน ตามที่พี่ว่ามาทั้งหมด โดยเฉพาะ นาย ก แนวโน้มที่จะเป็นจ้าวเดียวกันสูงมากครับ