หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 8:41 pm
โดย sai

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร 
ความคาดหวังเฟ้อ
   เวลาที่เงินในท้องตลาดซึ่งอยู่ในกระเป๋าของคนมีมากเกินไป เงินนั้นก็จะถูกนำไปไล่ซื้อสินค้าทำให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นมา ผลก็คือ สินค้าที่ได้ก็เท่าเดิมถึงแม้ว่าเราจะมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น สถานการณ์แบบนี้เราเรียกว่า “เงินเฟ้อ” ในภาษาไทยนั้น เรายังมีคำว่า “เฟ้อ” ใช้ในหลาย ๆ โอกาส เช่น “ท้องเฟ้อ” นี่ก็เป็นอาการที่ท้องปูดออกมาเพราะข้างในมีลมเต็ม เป็นอาการที่ท้องโตขึ้นเพราะลมไม่ใช่เนื้อหนัง ไม่ช้าก็จะยุบลง อาการ “เฟ้อ” นั้น มักไม่ใช่สิ่งที่ดี สิ่งที่เฟ้อนั้นดูเหมือนจะโตขึ้นแต่ไม่มีเนื้อหา บางครั้งก็มีอันตราย การเฟ้ออย่างหนึ่งที่ผมเห็นในช่วงที่หุ้นบูมเป็นกระทิงในช่วงนี้ก็คือ “ความคาดหวังเฟ้อ” และคนที่มีความคาดหวังเฟ้อมากเป็นพิเศษนั้น ดูเหมือนจะเป็น Value Investor จำนวนไม่น้อย ที่ควรจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมากกว่าคนอื่นและไม่เล็งผลเลิศ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่น่าจะเป็น “ปีทองของ VI” เช่นในปีนี้ ก็เป็นเรื่องยากที่ VI จะไม่ “ฝันสุดขอบฟ้า”
   ความคาดหวังที่เฟ้อมากที่สุดที่ผมเห็นก็คือ ฝันว่าจะสามารถทำผลตอบแทนการลงทุนต่อปีสูงมากกว่าที่น่าจะเป็นไปได้ นี่ก็เป็นความหวังหลังจากที่เขาสามารถสร้างผลตอบแทน บางคนเป็นร้อยหรือหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในเวลาแค่สองปีที่ผ่านมานี้ การลงทุนนั้นดูเหมือนจะ “ง่ายมาก” ซื้อตัวไหน ตัวนั้นก็มักจะวิ่งกันเป็นสิบหรือหลายสิบเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น ดังนั้น การตั้งความหวังของ VI ในเรื่องของผลตอบแทนก็คือ อย่างน้อยก็ต้องได้ 15-20% ต่อปีในระยะยาว คนที่ทำผลตอบแทนได้ดีมากก็อาจจะตั้งไว้ที่ 20-25% บางคนก็อาจจะสูงถึง 30-40% ดูเหมือนว่าการมีเงินหลายร้อยหรือพันล้านบาทเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
   ในเรื่องนี้ผมก็อยากจะบอกว่า ผลตอบแทนระยะยาวทบต้นเป็นเวลาเช่น 30 ปีนั้น เป็นเรื่องยากที่จะทำได้สูงมาก จริงอยู่ในภาวะที่ตลาดหุ้นดีและเป็นช่วงทองของหุ้นแนว “VI” การทำผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ ขนาดได้กำไรเป็นร้อย ๆ เปอร์เซ็นต์ต่อปีนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้โดยเฉพาะที่เรายังมีพอร์ตไม่ใหญ่มาก แต่การที่จะทำผลตอบแทนที่ดีมากต่อเนื่องในระยะยาวเป็นเรื่องที่ยากและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพอร์ตเราใหญ่ขึ้นและเรากล้าเสี่ยงน้อยลง เหนือสิ่งอื่นใด ตลาดหุ้นไม่ได้ดีอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่แล้วดัชนีตลาดหุ้นก็จะปรับตัวขึ้นช้า ๆ เฉลี่ยปีละประมาณ 7% โดยมีปันผลอีกประมาณ 3% รวมแล้วก็คือ 10% ต่อปี สถิติของเซียนหุ้น “ระดับโลก” นั้น ในระยะยาว เขามักจะได้ผลตอบแทนมากกว่าตลาดไม่เกิน 10% ต่อปี นี่ก็คือฝีมือระดับ วอเร็น บัฟเฟตต์ ถ้าเป็นระดับรองลงมาอย่าง จอห์น เนฟฟ์ ก็อาจจประมาณ 3-4% ต่อปี นั่นแปลว่า ถ้าเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้ปีละ 15% ต่อปีในระยะยาวถึง 30 ปี สถิติของเราก็ไม่แพ้ จอห์น เนฟฟ์ และถ้าเราทำได้ 20% ต่อปี เราก็ดีเกือบเท่าบัฟเฟตต์ และถ้าได้ 25% ต่อปี โลกนี้ก็เป็นของเรา เฟ้อไหมครับ?
   ความคาดหวังเฟ้ออีกเรื่องหนึ่งก็คือ การคาดหวังว่าบริษัทที่เราเลือกลงทุนเป็น “หุ้นโตเร็ว” จะมีการเติบโตสูงมาก เช่น รายได้โตได้ปีละ 25-30% ในระยะยาว ในขณะที่ผลกำไรที่ทำได้จะเติบโตตามหรือโตมากกว่าเนื่องจากบริษัทอาจจะมี Economy Of Scale ดีขึ้น ความคาดหวังนี้ มักจะมาจากการที่ได้เห็นการเติบโตของบริษัทในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมาที่น่าประทับใจมาก ประกอบกับ Model หรือรูปแบบการประกอบการของบริษัทนั้นดู “โดดเด่น” กว่าคู่แข่งและไม่เห็นว่าใครจะเข้ามาแข่งขันได้อย่างน้อยในช่วงเวลานี้ ดังนั้น เขาก็จะเข้าซื้อหุ้นโดยหวังว่าหุ้นจะต้องปรับตัวขึ้นไปอย่างโดดเด่น อาจจะเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลาไม่นาน พอเข้าซื้อแล้ว “มหัศจรรย์” ก็เกิดขึ้น หุ้นอาจจะขึ้นไปสองร้อยเปอร์เซ็นต์ สิ่งที่เขาคาดหวังไว้ถูกต้องหมด จริง ๆ มากกว่าที่หวัง ความสำเร็จนี้ ทำให้เขาเชื่อว่า หุ้นที่โตเร็วขนาดปีละ 25-30% ในระยะยาวมีจริงและมีไม่น้อย การซื้อหุ้นเหล่านี้ในช่วงที่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นมากคือหนทางแห่งความสำเร็จ แต่บริษัทที่โตระยะยาวเช่น 20-30 ปีในอัตรา 25-30% ต่อปีนั้น มีจริงไหม? ผมเองไม่ได้ศึกษาลึกซึ้งในเรื่องนี้ แต่จากการติดตามบริษัทที่เติบโตจริง ๆ ไม่ใช่บริษัทที่โตชั่วคราว 2-3 ปี แล้วก็กลับมาที่เดิมนั้นพบว่า บริษัทที่สามารถเติบโตได้ถึงปีละ 10% ก็ค่อนข้างดีแล้ว การเติบโตปีละ 15% แบบทบต้นนั้น ต้องถือว่าเป็น Super Growth หรือเป็นบริษัทที่เติบโตสุด ๆ ถ้ามองระดับอินเตอร์ก็คงจะเป็นระดับบริษัท Exxon ผู้ผลิตน้ำมันระดับต้น ๆ ของโลก หรือถ้ามองในเมืองไทยก็น่าจะประมาณกลุ่มปูนซีเมนต์ไทยที่โตเร็วต่อเนื่องมากว่า 30 ปี ส่วนการโตปีละ 20% นั้น ผมคิดว่าน่าจะหาได้ยากมากประเด็นสำคัญที่ทำให้คนมักเข้าใจผิดถึงการเจริญเติบโตก็คือ เขามักจะมองระยะสั้นแล้วตีความไปว่าระยะยาวก็คงเป็นอย่างนั้น ดังนั้น ในช่วงที่บริษัทขยายตัวมากโดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังร้อนแรงในปีนี้จึงทำให้หลายคนมองว่าหุ้นบางตัวนั้นเป็น “หุ้นโตเร็ว” และโตได้ถึง 25-30% ต่อปี ซึ่งถ้าดูจากสถิติแล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เป็นการคาดหวังเฟ้อ
   อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การเติบโตของธุรกิจนั้น บางทีก็ทำให้เร็วกว่าปกติมาก ๆ ได้ ทางหนึ่งก็คือ ซื้อกิจการของคนอื่น แบบนี้บริษัทก็จะมีต้นทุนทางการเงินที่อาจจะสูงจนทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว อีกทางหนึ่งก็คือ การลงทุนขยายตัวในธุรกิจผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่มักมีผลกำไรในระยะยาวต่ำหรือเท่ากับผลตอบแทนของเงินลงทุนปกติ การทำแบบนี้ก็อาจจะทำให้บริษัทสามารถโตเร็วกว่าปกติได้ เพราะสินค้าโภคภัณฑ์จำนวนมากนั้น มีตลาดไม่จำกัดเพราะเป็นตลาดโลก ดังนั้น บริษัทจะโตเท่าไรก็ได้ แต่โตแล้วก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะต้องลงทุนสร้างโรงงาน กำไรที่เพิ่มขึ้นก็คือผลตอบแทนปกติของเงินทุนที่ลงไป ประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นที่เป็นเจ้าของเงินก็ไม่มี
   ข้อสรุปทั้งหมดของผมก็คือ ความเฟ้อของความคาดหวังที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ระยะสั้นในระยะนี้ที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตเร็วและมาจากฐานที่ต่ำซึ่งเป็นผลจากปี 2008 ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในสหรัฐ ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนดูดีมากและมีแนวโน้มที่จะดูดีต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ดัชนีตลาดหุ้นและราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา “ยืนยัน” ความเชื่อหรือความคาดหวังนั้นส่งผลให้ความคาดหวังในรอบต่อไป “เฟ้อ” เขาคิดว่า อนาคตก็จะเป็นแบบนั้นต่อไปอีกนาน แต่สถิติที่ผ่านมายาวนานบอกว่าสิ่งที่หวังไว้นั้น “ไม่น่าเป็นไปได้” อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะมีคำถามตามมาว่า มีอะไรเสียหายถ้าจะ “ฝันให้ไกล” เพราะถ้าฝันให้ไกลแล้ว ถึงแม้ไปได้แค่ครึ่งทางก็ยังน่าจะดีกว่าตั้งเป้าหมายไว้ต่ำ ๆ คำตอบของผมก็คือ การฝันไกลเกินไปอาจจะทำให้เราพยายาม “เร่ง” ผลตอบแทนเกินตัว เช่น การใช้มาร์จิน การไม่กระจายความเสี่ยงเพียงพอ และนั่นคืออันตราย การลงทุนนั้น เหมือนการแข่งขันวิ่งมาราธอน การวิ่งเร็วมาก ๆ ไม่ใช่หนทางที่จะชนะ เพราะฉะนั้น อย่าตั้งความคาดหวังสูงเกิน และไม่ต้องดูว่าใครจะทำผลตอบแทนเท่าไร กำหนดเส้นทางของตนเองที่เหมาะสมที่สุดแล้วเดินตามทางนั้น ไม่ต้องรีบ
[/size]

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:06 pm
โดย o-bo-ja-ma
ขอบคุณพี่ Sai ครับ และขอบคุณดร. นิเวศน์ครับ เป็นครั้งที่สองแล้วครับที่ ดร.ท่านออกบทความในลักษณะการเตือนให้นักลงทุนระมัดระวัง :bow:

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:27 pm
โดย pawattt
ขอบคุณมากเลยครับผม
ผมพึ่งเข้ามาลงทุนได้ 7-8 เดือน ดีใจครับที่มี web นี้คอยให้คำแนะนำ
และข้อคิด การวิเคราะห์ดี ๆ ทั้งนั้นเลย
:D :D

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:43 pm
โดย dome@perth
ขอบคุณครับอาจารย์

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:46 pm
โดย LittleChicky
ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:49 pm
โดย thaloengsak
ขอบคุณ คุณSAI และ อาจารย์นิเวศน์ครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:54 pm
โดย kabu
เตือนสติสำหรับลงทุนได้ดีเลยครับ
ปีหน้า คงเป็นปีที่น่าสนใจจริงๆ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 10:24 pm
โดย Packky
ขอบคุณครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 10:57 pm
โดย Green_tree
อารมณ์ต่างกับตอนปี 2008 ลิบลับเลยช่วงนี้...

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 10:58 pm
โดย nut776
=ช่วงนี้เหมือนแกพูดทำนองนี้บ่อยนะ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 12:21 am
โดย san
ผมว่าท่านจริงใจดี ท่านเตือนให้ระวังขาลงด้วย
เริ่มเห็นพวกหุ้น นางฟ้าตกสวรรค์ เกิดขึ้นอีก รึป่าวหว่า....
เชียร์กันนักหนา คนมาอ่านต้องระวังด้วยนะครับ

บางคนฝันตาม คนที่เชียร์ ตอนราคาขึ้นไป
แต่พอเชียร์เสร็จ แล้วขายออก.....ตอนนั้นจะมีแต่ความเงียบ....
น่ากลัวๆ
หลายตัวนะครับ
ตัวใครตัวมันครับ
หุ้นที่ขึ้น หลายเด้ง พอลงแล้ว กว่าจะขึ้นอีกก็เป็นปีๆ

ดร. มาเตือนก็ดีครับ ท่านจริงใจดี

เงินของใคร คนนั้นต้องระวังเองนะครับ
จะมาท้วงว่าคนนั้นไม่บอก คนนี้ไม่บอก ก็ไม่ดีเท่าไรนะครับ

ดร.ท่านอุตส่าห์ เตือนๆกันแล้วครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 12:37 am
โดย MrRobot
ในงานสัมนาวันที่ 18 ที่ผ่านมา ดร. ก็เตือนให้ระวังปี 2554 เหมือนกันครับ เเกบอกว่าตอนปี 52 เเกก็บอกว่า ปี 53 หุ้นมันน่าจะลงมากกว่าขึ้น เเต่ก็ผิดมาปีเเล้ว ปี 54 นี้ขอเดาอีกซักปี มันยากที่จะเห็นขึ้นไปได้ 3ปีซ้อนๆ กัน :mrgreen: เเต่ก็อย่างว่าครับมีอีกท่านบอกว่าเคยมี 5ปีนะที่มันขึ้นมาซ้อนๆกันเลย อย่างไรก็ตามผมชอบคำพูดที่ว่าจงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว เเละจงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ เเต่ใครจะรู้นะว่ามันน่าจะอยู่ตรงจุดไหนกันเเน่ :|

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 12:45 am
โดย j21
:bow: :bow: :bow: :bow:

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 8:36 am
โดย miracle
เศรษฐศาสตร์มหภาค กับ การลงทุน
ขอบคุณครับ


:)

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 8:48 am
โดย naris
ขอบคุณครับ อาจารย์ :D

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 8:51 am
โดย sisacorn
ขอบคุณครับ

ผมกำลังความคาดหวังเฟ้ออยู่พอดี :oops:

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 9:22 am
โดย joeco
ขอบคุณคับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 9:28 am
โดย Possible
ขอบคุณครับ อาจารย์

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 10:09 am
โดย rayvi
ขอบคุณมากๆครับ

ไม่เพียงเฉพาะกับนักลงทุนเท่านั้น

แต่อยากให้ผู้บริหารบริษัทที่กำลังตั้งความคาดหวังเฟ้อ ได้อ่านด้วยเหมือนกัน
เพราะเป้าหมายที่มาจากความคาดหวังเฟ้อ จะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ที่ใช้
พันผูกไปกับการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เหมาะสม T-T

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 10:22 am
โดย o-bo-ja-ma
rayvi เขียน:ขอบคุณมากๆครับ

ไม่เพียงเฉพาะกับนักลงทุนเท่านั้น

แต่อยากให้ผู้บริหารบริษัทที่กำลังตั้งความคาดหวังเฟ้อ ได้อ่านด้วยเหมือนกัน
เพราะเป้าหมายที่มาจากความคาดหวังเฟ้อ จะทำให้เกิดความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ที่ใช้
พันผูกไปกับการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่เหมาะสม
T-T
+1 ครับ ชอบครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 1:33 pm
โดย conseto
ขอบคุณครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 2:26 pm
โดย MYBIZ
ขอบคุณครับ อาจารย์ :)

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 2:39 pm
โดย Java The Boy
ขอบคุณครับ อาจารย์ :roll:

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 3:03 pm
โดย janont
ขอบคุณอาจารย์มากครับ ที่คอยเตือนสติเสมอ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 5:56 pm
โดย บัวดิน
ขอบคุณบทความดีๆที่ท่าน ดร.นำเสนอ
ขอบคุณคุณsai ที่ทำให้ชาว vi ได้เข้าถึงข้อมูลดีๆ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 6:20 pm
โดย nut776
ไอ้เราไม่เท่าไหร่
ผบห ความหวังเฟ้อนี่น่ากลัวกว่า

แต่ถ้า บ.ไหน เริ่มขายหุ้นเก็บเงินสด คงบอกอะไรได้บ้างมั้งคับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 6:21 pm
โดย Paul VI
ขอบคุณ ดร.นิเวศน์ ที่มาช่วยเตือนสติพวกเรา

และก็เห็นด้วย กับ ผบห.หลายบริษัทที่ตั้งความหวังมากเกินเช่นกัน

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 6:31 pm
โดย JUMP
ขอบคุณ อาจารย์ มากครับ บ่อยครั้งเลยที่อาจารย์พูดให้สติ ผมก็ได้อาจารย์นี่แหละครับเตือน ขอบคุณมากๆครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 8:08 pm
โดย Leesak
ขอบคุณครับ...รถยนต์ยังต้องมีเบรคห้ามล้อเลย..บ้านนี้ก็มีพี่ๆทุกท่านคอยเตือนสติผู้มาใหม่เสมอขอบคุณครับพี่สายและท่านดร.กับบทความดีๆ..ครับ

Re: ความคาดหวังเฟ้อ -ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 11:23 pm
โดย sorn adis
ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยเตือนสติครับ

อาจารย์เป็นผู้มองเกมส์ออกเสมอ

งั้นต่อจากนี้ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น
และคาดหวังให้น้อยลง