Thai VI

พอดีผมเพิ่งหัดอ่านงบการเงินจนได้ระดับหนึ่ง แต่พบว่าเมื่อคิดมูลค่าหุ้นและลด MOS จึงได้ราคาที่เหมาะสมแต่กลายเป็นว่า ผมซื้อตามโบรกเลยแพงกว่าที่คำนวณไว้ เกือบ 15% อย่างนี้ผมควรขายเพื่อรอจังหวะซื้อถูกหรือถือรอไป อย่างไหนดีกว่ากันครับ พื้นฐานบริษัทนี้ดีครับ อัตราการเติบโตประมาณปีละ 10%

เมื่อคิดหามูลค่าได้แล้วจะซื้อตามโบรกทำไมละครับ

ถ้าคิดว่าวิเคราะห์ไม่พลาด ประกอบกับเงินเย็น ผมว่าเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบCutt นะครับ

murder_doll เขียน:ถ้าคิดว่าวิเคราะห์ไม่พลาด ประกอบกับเงินเย็น ผมว่าเราก็ไม่จำเป็นต้องรีบCutt นะครับ

ผมกลับมองต่างมุมนะครับ คือถ้าเรามั่นใจในการวิเคราะห์ของเราจริงๆ(ซึ่งเราก็ควรจะมั่นใจล่ะ อุส่าเสียเวลานั่งวิเคราะห์ ผิดก็เป็นประสบการณ์) แล้วเราได้ราคานึงออกมาที่มี MOS เพียงพอ แต่เรากลับไปซื้อที่ราคาแพงกว่านั้นตั้ง 15% เป็นผมๆขายทิ้งครับ

มีเหตุผลดังนี้ครับ
1. เราจะได้มีวินัยในการซื้อขายหุ้นของเราครับ ไม่ได้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ผิดหรือถูกนะครับ ซึ่งการจะสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้ วินัยเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
2. ในตลาดหุ้นไม่ได้มีหุ้นตัวเดียวให้เลือกครับ ถ้าตัวนี้ตกมาไม่ถึงราคาที่ MOS ก็รอครับ อาจจะโยกเงินไปใส่ตัวอื่นก่อน

ปล. หลังจากที่ขายราคามันอาจจะวิ่งก็ได้นะครับ ถ้ามันวิ่งเราคงต้องมานั่งดูว่า เป็นเพราะอารมณ์ระยะสั้นหรือเราคำนวนผิดกันแน่

ก่อนจะทำอะไร
ดูว่าผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้รับในปีหน้า และปีต่อๆ ไปเป็นเท่าไหร่
ยังดีอยู่หรือไม่ ปลอดภัยหรือเปล่า และยังไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าใช่หรือไม่
(หรืออาจจะมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าก็ได้ แต่เราอาจจะยังหาไม่เจอ)
ถ้าเป็นแบบนี้ ผมก็จะเลือกถือตัวเดิมต่อไปครับ

การคิดหา MOS ไม่ทราบว่าคิดอย่างไร ช่วยอธิบายที

MOS ไม่ต้องคิดยุ่งยากซับซ้อนหรอกครับ ก็แค่การคิดเผื่อ เผื่อไว้เยอะๆ เผื่อกำไรมันไม่ดีเหมือนที่คิด เผื่อว่าตลาดไม่ได้ให้ PE เท่าที่เราให้ เผื่อเรามองปัจจัยพื้นฐานไม่ครบถ้วน เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เผื่อว่ามันขาดทุน เผื่อบริษัทมันเจ๊ง จะเผื่อมากน้อยเท่าไร สุดแต่ใจแต่ละคนจะคิด เหมือนสร้างลิฟต์ที่เพื่อรับน้ำหนัก 2 ตัน ก็ควรสร้างให้รับได้ซัก 2.5-3 ตัน เผื่อมีใครอุตริใช้งานผิดประเภทจะได้ไม่เกิดอันตราย

จินตนาการถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท (ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นพอสมควร พวกโดนอุกาบาตตกใส่คลังสินค้า พนักงานในบริษัทกลายเป็นซอมบี้ออกอาละวาด หรือพวกกัมมันตรังสีจากมะเขือเทศเขตร้อนไม่นับ 555) ถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมูลค่าบริษัทจะเหลือเท่าไร ถ้าเราซื้อได้ต่ำกว่าราคานั้น ก็เท่ากับเราปิดประตูขาดทุน

เรามีความอดทนพอทีจะซื้อหุ้นที่ราคานั้นหรือเปล่า
รอไหวหรือเปล่า รอจนกว่าจะได้ราคาแทบที่ไม่มีทางขาดทุน

ถ้ารอไหวจนโอกาสมา
จะกล้าซื้อหรือเปล่า จะโลภในขณะที่คนอื่นกลัวได้หรือเปล่า กล้าที่จะแตกต่างและเชื่อมั่นในตัวเองหรือเปล่า

ผมเขียนไป ก็เตือนตัวเองไปด้วย แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นอีกปีที่น่าพอใจก็อย่าประมาท ปีหน้าขอให้ร่ำรวยกันทุกคน สวัสดีปีใหม่ครับ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

สรุปผมตัดใจขายครับ ^^ ไปซื้อตัวที่ยังไม่เกินมูลค่า จะรอดูผลหลังการวิเคราะห์ของตัวเองครับว่าจะเป็นอย่างไร

GOINTER เขียน:ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

สรุปผมตัดใจขายครับ ^^ ไปซื้อตัวที่ยังไม่เกินมูลค่า จะรอดูผลหลังการวิเคราะห์ของตัวเองครับว่าจะเป็นอย่างไร

เยี่ยมครับ

หลังจากตัดสินใจขาย T_T มันขึ้นมาเกือบ 5% ครับ

เสียดายดีกว่าเสียใจครับ ท่องประโยคนี้ไว้

อิอิ ขอบคุณคร๊าบบบบบบ แต่ยังเง็งกับ งบกระแสเงินสด มะเข้าจายยยยย พออธิบายคร่าวๆได้ไหมครับว่าเขาดุยังไง

งบกระแสเงินสดไม่จำเป็นต้องดูลึกมานะครับ แต่หลักๆคือ
1.กระแสเงินสดจากการดำเนินงานสม่ำเสมอ(ควรเป็นบวก)หรือไม่ และสอดคล้องกับยอดขายและกำไรของบริษัทหรือไม่ ซึ่งควรวิ่งไปในทิศทางเดียวกัน
2.Free Cash Flow เป็นบวกหรือไม่ ถ้าเป็นลบต้องดูว่าเป็นลบเพราะบริษัทเอาไปลงทุนเพื่อการเติบโตหรือเพราะแค่maintainธุรกิจ ถ้าเป็นอย่างแรก FCF เป็นลบถือว่ายอมรับได้ครับ

เห็นภาพชัดเลยครับ ^_^ ขอบคุณครับ