หน้า 1 จากทั้งหมด 1

การลด การคุ้มครองเงินฝาก 2555

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 13, 2010 3:04 pm
โดย Vagabondz
สวัสดีครับพี่ๆ ทั้งหลาย ผมเป็นมือใหม่ที่สนใจในหุ้น และกำลังศึกษาอยู่
ผมมีข้อสงสัยจะถามพวกพี่ครับ คือผมไปอ่านเจอหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า ปี 2554-2555
รัฐบาลมีโครงการจะปรับลดการคุ้มครองเงินฝาก จากคุ้มครองทั้งหมด เหลือ 5ล้านบาท ในปี 2554
และเหลือ 1ล้านบาทในปี 2555 คำถามมีดังนี้ครับ

1.จะเกิดผลอย่างไรต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศบ้างครับ
2.เมื่อถึงตอนนั้น คนที่มีเงินฝากเยอะๆ จะเห็นว่าเงินฝากในธนาคารไม่มั่นคงอีกแล้ว จะนำเงินไปลงทุนเพิ่มขึ้น
ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับหุ้นมากหน่อย แต่คนที่ไม่มีความรู้เรื่องหุ้น จะมองหากองทุนต่างๆ ทั้ง RMF, LTF หรือกองทุนหุ้น
ถ้าถึงตอนนั้นผมคิดว่าหุ้นต่างๆจะปรับราคาขึ้นตามแรงซื้อที่มีมากขึ้น ถ้าเรารู้อย่างนี้เราก็ควรซื้อไว้ตั้งแต่ตอนนี้ เป็นพวกหุ้นบลูชิพ ที่มั่นคง หรือพวกที่กองทุนต่างๆ ชอบ แล้วถือรอไว้จนถึงวันนั้น น่าจะได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำดีนะครับ นี่เป็นความคิดของผมนะครับ พี่ช่วยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อนี้ทีครับ
3.กองทุนต่างๆ ชอบหุ้นกลุ่มไหนบ้างครับ

ช่วยผมวิเคราะห์ด้วยครับ

Re: การลด การคุ้มครองเงินฝาก 2555

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 13, 2010 3:58 pm
โดย simplelife
ที่เราคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวณ เข้าใจว่าเป็นแค่การช่วยธนาคารขนาดเล็กๆ จากการขาดสภาพคล่องตั้งแต่ยุค 2540 ในสภาวะปรกติ ไม่มีที่ไหนเขาคุ้มครองเงินฝากเต็มจำนวนหรอกครับ อย่าง FDIC ในสหรัฐ แต่ก่อนก็คุ้มครองแค่ 100k USD (~สามล้านบาท) ช่วง subprime ที่ผ่านมา เกิดปัญหา bank ล้ม เพื่อป้องกัน bank-run FDIC ก็เลยเพิ่มความคุ้มครองเป็น 250k (มั้ง)

ผมไม่เชื่อหรอกครับว่า แค่คุ้มครองเงินฝากลดลง แล้วคนจะมาลงทุนในหุ้นเพิ่มขึ้น มันเหมือนกับพูดว่า ไหนก็จะเสี่ยงแล้วก็เสี่ยงเยอะๆไปเลย คนที่ conservative ขนาด take พรบ คุ้มครองเงินฝาก ก็คงจะ conservative ต่อไปครับ

ประโยชน์ที่จะได้จริงๆมากกว่าคือคนที่มีเงินฝาก อาจจะย้ายธนาคารไปอยู่ธนาคารที่ใหญ่กว่ามั่นคงกว่า ธนาคารที่เล็กๆอาจจะเสียเปรียบธนาคารขนาดใหญ่ได้มากขึ้น แต่ให้เดาจริงๆ effect ก็อาจจะไม่มากอย่างที่คิดครับ

Re: การลด การคุ้มครองเงินฝาก 2555

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 13, 2010 9:39 pm
โดย navapon
คนก็กระจายความเสี่ยงโดยใส่ไข่ในตะกร้าหลายๆใบไงครับแต่ไม่ใช่จะเอาเงินมาเล่นหุ้นมากขึ้นหรอกครับ
แต่ใช้วิธีฝากกระจายไปหลายๆธนาคารและหลายๆชื่อเช่นใช้ชื่อบัญชีลูกเมียด้วย ซะมากกว่า
เพราะรัฐบาลรับประกันแค่ชื่อละหนึ่งล้านต่อหนึ่งธนาคาร และธนาคารคงไม่เจ๊งพร้อมกันหลายแห่ง