หน้า 1 จากทั้งหมด 1

หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 6:52 pm
โดย oatty

โค้ด: เลือกทั้งหมด

[size=150][b]โลกในมุมมองของ Value Investor         4 ธันวาคม 53
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่

	Value Investor จำนวนมากหรืออาจจะเรียกว่าส่วนใหญ่  ชอบลงทุนในหุ้นตัวเล็กหรือบริษัทขนาดเล็ก  เหตุผลก็คือ  พวกเขาเชื่อว่าหุ้นตัวเล็กนั้นจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าปกติได้  หลักฐานที่ปรากฏในตลาดหุ้นก็ “ชัดเจน”  หุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลายเท่า  บางตัวเป็นสิบเท่าภายในเวลาเพียงไม่เกิน 1- 2 ปี ที่ผ่านมานั้น  มักจะเป็นหุ้นตัวเล็กที่มีมูลค่าตลาดของหุ้นหรือ  Market Cap. ไม่เกิน 3-4 พันล้านบาท  หลายตัวอาจจะไม่เกินพันล้านบาทด้วยซ้ำ  หุ้นตัวเล็กนั้นมีเสน่ห์สำหรับนักลงทุนไม่เฉพาะที่เป็นนักเก็งกำไรเล่นหุ้นรายวัน  แต่เป็นขวัญใจของ VI  ด้วย  ว่าที่จริง  VI  ระดับ “เซียน”  ที่ทำผลตอบแทนมหาศาลในช่วงเร็ว ๆ  นี้ต่างก็รวยมาด้วยหุ้นตัวเล็กเป็นส่วนใหญ่  แทบจะเป็นข้อสรุปได้เลยว่า  ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จในหุ้นสูงมากโดยเฉพาะเมื่อพอร์ตของคุณยังเล็กอยู่นั้น  ไม่มีทางอื่นนอกจากลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก  ลองมาดูกันว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่  และความเสี่ยงอยู่ที่ไหน
ประเด็นแรก  มองกันที่พื้นฐาน  หุ้นตัวเล็กนั้นมักจะมีโอกาสเติบโตสูงในขณะที่หุ้นตัวใหญ่นั้น  มักจะเติบโตเต็มที่หรือเติบโตไปมากแล้ว  การที่หุ้นตัวใหญ่จะมียอดขายและกำไรเติบโตขึ้นอีกเท่าตัวภายในเวลา 3-4 ปี นั้นน่าจะทำได้ยากมาก  ในขณะที่หุ้นตัวเล็กนั้น  บางบริษัทสามารถเติบโตเป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัวได้ภายในระยะเวลาเดียวกัน  แนวความคิดก็คือ  หุ้นตัวใหญ่นั้นมักจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงและมักอยู่ในตลาดที่อิ่มตัวหรือใกล้จะอิ่มตัวแล้ว  ดังนั้น  โอกาสที่จะโตต่อไปก็จะน้อยลงในขณะที่หุ้นตัวเล็กนั้นมักจะอยู่ในธุรกิจที่ตลาดกำลังโตหรือไม่ก็ยังเป็นกิจการที่เล็กและมีส่วนแบ่งการตลาดน้อย  ดังนั้น  จึงสามารถแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งได้
ข้อโต้แย้งของผมก็คือ  ในเรื่องของตลาดที่อิ่มตัวนั้น  บ่อยครั้งมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง  แน่นอนว่าการเติบโตระดับที่เกินปีละ 15-20 % ในระยะยาว 4-5 ปีขึ้นไปสำหรับบริษัทขนาดใหญ่นั้น  ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก  แต่การโตปีละ 7-10% ก็น่าจะยังทำได้อยู่ไม่น้อย  แต่ปรากฏการณ์ใหม่ที่เริ่มจะเกิดขึ้นในเมืองไทยก็คือ บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งเริ่ม “Go Inter”  นั่นคือเริ่มขยายธุรกิจไปต่างประเทศ  และถ้าหากว่าทำสำเร็จ  ข้อจำกัดเรื่องตลาดอิ่มตัวก็จะหมดไป  ดังนั้น  บริษัทขนาดใหญ่ก็ยังมีโอกาสโตไปได้เรื่อย ๆ ในระดับที่น่าประทับใจซึ่งก็จะทำให้ราคาหุ้นยังสูงขึ้นได้เรื่อย ๆ  นี่ทำให้ผมนึกถึงหุ้นโค๊กที่ วอเร็น บัฟเฟตต์ ลงทุนเมื่อราวสิบกว่าปีก่อน  ในช่วงนั้นถ้าไม่คิดถึงตลาดต่างประเทศแล้วโค๊กก็น่าจะเป็นหุ้นที่ “อิ่มตัว”  เพราะคนอเมริกันทุกคนดื่มโค๊กกันแทบจะแทนน้ำ  แต่หลังจากนั้น  โดยเฉพาะเมื่อจีนและประเทศกำลังพัฒนาเปิด  กิจการโค๊กก็โตขึ้นจากการขยายกิจการไปต่างประเทศและทำให้หุ้นโค๊กปรับตัวขึ้นมหาศาล
	แน่นอนว่าหุ้นตัวเล็กที่เติบโตสูงนั้น  สามารถเติบโตได้มากกว่าหุ้นตัวใหญ่  แต่ความเสี่ยงของหุ้นตัวเล็กก็สูงกว่ามาก  ถ้ามองจากสถิติโดยรวม  บางทีก็อาจจะพบว่าหุ้นตัวเล็กจำนวนมากนั้น  ไม่ได้โตไปไหนเลย  เคยเล็กอย่างไรก็เล็กอย่างนั้น  หุ้นตัวเล็กหลายตัวที่โตขึ้นนั้น  บางทีก็โตแบบไม่มีคุณภาพ  นั่นคือ  โตโดยที่กำไรไม่เพิ่มหรือโตโดยที่ต้องลงทุนไปมากจนแทบไม่คุ้มที่จะโต  อาจจะมีเพียงบางบริษัทเท่านั้นที่โตจริงและโตมากซึ่งทำให้เกิดภาพว่าหุ้นตัวเล็กโตเร็ว  ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร  ความเสี่ยงในแง่ของธุรกิจนั้น  หุ้นตัวเล็กก็น่าจะสูงกว่าหุ้นตัวใหญ่  ดังนั้น  สำหรับ VI หรือนักลงทุนที่ไม่ใช่  “เซียน” แล้ว  การเล่นหุ้นตัวเล็กก็อาจจะไม่ใช่กลยุทธ์ที่เหนือกว่า  ถ้าจะพูดไป  การลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ที่ยังเติบโตดีในระดับ 15%  ต่อปีนั้น  ผมคิดว่าดีกว่าเล่นหุ้นตัวเล็กที่มีโอกาสโต 30%  แต่ความเสี่ยงสูงกว่ามาก
	ประเด็นที่สอง  คือเรื่องที่หุ้นตัวเล็กนั้น  ไม่มีนักวิเคราะห์หุ้นติดตามหรือวิเคราะห์หามูลค่าที่แท้จริง  ดังนั้น  หุ้นตัวเล็กส่วนใหญ่จึงถูก  “มองข้าม”  หุ้นหลายตัวอาจจะมีราคาต่ำกว่าพื้นฐานมากเรียกว่าเป็นหุ้นที่  “Under Valued”  สุด ๆ   จึงเป็นโอกาสที่ VI จะสามารถเข้าไปซื้อและทำกำไรได้มหาศาลหลังจากที่คนจำนวนมากเริ่มที่จะตระหนักถึงมูลค่าของมันและเข้ามาซื้อหุ้นทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปมาก
	ข้อโต้แย้งของผมก็คือ  ในภาวะที่ตลาดหุ้นบูม  มีการเก็งกำไรสูงอย่างในปัจจุบันนั้น  หุ้นตัวเล็กกลับกลายเป็นหุ้นยอดนิยม  ถึงแม้ว่านักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์อาจจะไม่ได้ทำรายงานการวิเคราะห์เป็นเรื่องเป็นราวหรือไม่วิเคราะห์เลย  แต่นักลงทุนโดยเฉพาะที่เป็นแนว VI ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากและมีความสามารถสูงไม่แพ้นักวิเคราะห์ก็หันมาสนใจหุ้นเล็ก ๆ  เหล่านี้  ดังนั้น  ที่บอกว่าหุ้นตัวเล็กนั้นเป็นหุ้นที่ถูกมองข้ามนั้น  ในอดีตอาจจะเป็นจริง  แต่ในปัจจุบัน  ผมคิดว่ามีน้อยลงไปมาก  ว่าที่จริงถ้าดูกันที่ค่า PE ซึ่งบ่งบอกถึงความถูกความแพงของหุ้นโดยรวมแล้ว  หุ้นตัวเล็กไม่ได้ถูกกว่าหุ้นตัวใหญ่เลย  ซึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า  หุ้นตัวเล็กนั้น  ในขณะนี้ไม่ได้ถูก “มองข้าม” อีกต่อไป  และดังนั้น  หุ้นตัวเล็กก็ไม่ได้  Under Valued  ตรงกันข้าม  จำนวนไม่น้อยน่าจะ  Over Valued ด้วยซ้ำ
	ประเด็นสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ  การลงทุนในหุ้นตัวเล็กนั้น  มีโอกาสที่จะถูก  “แจ็คพ็อต”  คืออาจจะทำกำไรได้หลาย ๆ  “เด้ง”  หรือหลาย ๆ  เท่าหรือหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น  บางทีไม่ถึงปี  ในขณะที่หุ้นตัวใหญ่นั้น  ไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็มักจะไม่สามารถทำกำไรแบบนั้นได้  ถ้าจะโตระดับนั้นได้ก็มักจะต้องอาศัยเวลาหลาย ๆ  ปี ซึ่งทำให้ไม่สามารถสร้างผลตอบแทน  “ระดับเทพ”  ได้  ประเด็นนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องจริง  แต่นี่อาจจะเป็นเรื่องของการ “เก็งกำไร” ที่มีความเสี่ยงและเป็นเรื่องที่เราจะต้องเลือกว่าเราจะไปในเส้นทางไหน  นั่นก็คือ  จะเติบโตอย่างปลอดภัยและไปช้ากว่า  หรือจะโตอย่างรวดเร็วแต่เสี่ยงที่จะล้มเหลวเมื่อหุ้นที่อาจจะโตหลายเด้งนั้นกลายเป็นลดลงหลายสิบเปอร์เซ็นต์  เหนือสิ่งอื่นใด  ความสำเร็จสูงมากในระยะยาวไม่จำเป็นต้องได้ผลตอบแทนดีผิดปกติในปีใดปีหนึ่ง  แต่ขึ้นอยู่กับความคงเส้นคงวาของผลตอบแทนที่ดีปีแล้วปีเล่า  วอเร็น บัฟเฟตต์ เองนั้น  ไม่เคยมีปีใดที่เขาสามารถทำผลตอบแทนของพอร์ตได้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์เลย  แต่สถิติระยะยาวของเขาไม่มีคนเทียบได้  และเขาแทบจะไม่ลงทุนในหุ้นตัวเล็กเลย
	ทั้งหมดนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบหุ้นตัวเล็ก  ว่าที่จริงในช่วงแรก ๆ  ของการลงทุนนั้น  ส่วนใหญ่ผมมักจะลงทุนในหุ้นตัวเล็ก  และทุกวันนี้ผมก็คิดว่าโอกาสในหุ้นตัวเล็กก็ยังดีกว่าหุ้นตัวใหญ่แม้ว่าหุ้นตัวเล็กสำหรับผมในปัจจุบันอาจจะเป็น “หุ้นขนาดกลาง”  มากกว่า  อย่างไรก็ตาม  ผมคิดว่าเหตุผลในการลงทุนในหุ้นตัวเล็กหลาย ๆ  เรื่องนั้นในปัจจุบันมีน้ำหนักน้อยลงไป  พูดง่าย ๆ  หุ้นตัวเล็กไม่ใช่ขวัญใจของผมและผมไม่เน้นหุ้นตัวเล็ก  ไม่ใช่แค่เพราะว่าหุ้นตัวเล็กหาซื้อหุ้นยากไม่มีสภาพคล่อง  แต่เป็นเพราะว่าหุ้นตัวเล็กนั้น  ส่วนใหญ่ไม่มีความเข้มแข็งหรือความโดดเด่นพอในแง่ของธุรกิจ ซึ่งทำให้การลงทุนระยะยาวไม่สามารถทำได้ง่าย  เช่นเดียวกัน  ความเสี่ยงก็มักจะสูงกว่าที่ผมอยากจะรับ[/b][/size]
[/size]

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 7:20 pm
โดย dome@perth
ก็พอร์ตท่านอาจารย์ใหญ่มหึมา
จะหาหุ้นลงๆลง มันยาก
พอร์ตแมงหวี่ วีไอ
อย่างผมยังหากินกับหุ้นเล็กๆได้สบายครับอาจารย์ :D

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 10:03 pm
โดย MrRobot
ปี 53 นี้ ผู้ที่ลงทุนหุ้นเล็กกับกลางๆ ได้ capital gain มากกว่าผู้ที่ลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่มากทีเดียวครับ ชนะตลาดอยู่โขเลยครับ เเต่ก็ยกเว้นบางตัวนะ อย่าง IVL นี่เเต่ก่อนเป็น IRP ก็ยังเล็กอยู่ จนเดี๋ยวนี้มันมี ขนาดเทียบชั้นกับ PTTCH เลยไม่น่าเชื่อ
:mrgreen:

ท่าน ดร. คงสื่อถึงพวกเราในเเง่การเติบโตเเบบยั่งยืนนะครับ หุ้นใหญ่ๆ น่าจะดีกว่าหุ้นขนาดเล็ก เเต่พวกเรา VI คงชอบหาหุ้นที่เติบโตขนาดเล็กหรือกลาง ที่มีความเสี่ยงที่รับได้ เเละมี upside เยอะๆมากกว่าเป็นเเน่ :lovl:

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 10:29 pm
โดย unnop.t
ส่วนผมไม่นิยมหุ้นขนาดใหญ่ แต่นิยมหุ้นขนาดกลาง ๆที่มีแนวโน้มจะโต

หุ้นขนาดเล็กมากผมก็ไม่ค่อยนิยมเหมือนกัน เพราะเหตุผลคล้าย ๆกับอาจารย์ ผมเลยไม่เคยเจอหุ้นประเภทสองสามเด้งเหมือนคนอื่น :lol:

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 07, 2010 8:19 pm
โดย pak
วันนึงผมเองก็อยากเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯใหญ่บ้างอ่ะนะครับ

ไม่รู้ว่าระหว่าง "รอเก็บเงินอีก 20 ปีเพื่อสะสมเงินไปเรื่อยๆ" กับ "รอให้บริษัทฯที่เราถือหุ้นไว้จากตัวเล็กๆโตขึ้นมาเรื่อยๆ"
อะไรจะเป็นไปได้ง่ายกว่ากันนะ 555

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับบทความมากๆเลยนะครับ
ได้ข้อคิดเพิ่มเติมจากท่านอาจารย์เยอะเลยขอรับ

(^_^)

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 08, 2010 9:25 am
โดย Peyton
เป็นบทความเตือน วีไอทั้งหลายในห้องนี้ที่ชอบเล่นหุ้นตัวเล็กๆ ได้ดีมากๆเลยครับ ... ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ตรงที่ว่า หุ้นตัวเล็กๆ ในปัจจุบัน ก็ไม่ถูกอีกแล้ว

กลุ่ม แพ็คเกจจิ้ง เดี้ยวนี้ก็เก็งกำไรกันสนุกเลย เช่นเดียวกับกลุ่มยานยนต์ วอลุ่มการซื้อขายไม่ได้ต่างอะไรกับหุ้นตัวใหญ่แม้แต่น้อย

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 08, 2010 11:53 am
โดย แม่แฝด3
ขอบคุณอาจารย์ค่ะ โดนใจมากมาก

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 08, 2010 11:18 pm
โดย วินวิน
ขอบคุณคับ ปารมาจารย์ VI คับ
ผมได้แนวคิดเลยคับ

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 8:20 am
โดย akindle
ดีครับ

อ่านแล้วได้แนวทางในการลงทุนแบบ VI&GROWTH

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 9:17 am
โดย jek ae
หุ้นราคาเล็กแต่มาร์เก็ตแคปไม่เล็กนี่เข้าข่ายไหนครับ

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 11:35 am
โดย chatchai
ผมไม่ค่อยได้ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ก็เนื่องมาจาก บริษัทขนาดใหญ่มักจะมีธุรกิจที่หลากหลาย มีบริษัทในเครือมากมาย งบการเงินซับซ้อน ทำให้ผมไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์ได้ละเอียด และคาดการณ์ผลการดำเนินงานได้อย่างแม่นยำ

ในขณะที่บริษัทขนาดกลางและเล็ก จะมีธุรกิจเดียว ไม่มีบริษัทในเครือมากมาย งบการเงินอ่านง่ายไม่ซับซ้อน เข้าใจธุรกิจได้ง่ายกว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานได้ใกล้เคียงกว่า

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 10, 2010 2:22 pm
โดย kmphol
ปีนี้เห็นวีไอ หุ้นเล็ก วิ่งกระจายหลายร้อยเปอร์เซน ได้ฟังแล้วก็อยากได้แบบเขาเหมือนกัน
แต่มาลองนั่งคิด นั่งนึกถึงคำที่ ดร นิเวศน์ สอนไว้ เดี๋ยวนี้ก็เลยเฉยเฉย
ใครจะได้อะไร หลายร้อยเปอรเซนแค่ไหน ก็เรื่องของเขา
แค่เราลงทุนแล้วรู้สึกสบายใจ ความเสี่ยงต่ำ เน้นเรื่องการอย่าขาดทุน มากกว่าการหวังผลตอบแทนสูงสูง
เน้นเรื่องการบริหารความเสี่ยงมากกว่าบริหารผลตอบแทน เน้นเรื่องความสุขในการลงทุน มากกว่าความไม่สบายใจจากการลงทุน

ขอรวยช้าช้า แบบปีละ10-15เปอเซนต์ แต่อนาคตรวยได้แน่นอน
ดีกว่าต้องมานั่งเสี่ยงสูงสูงบนความไม่สบายใจเพราะว่าอยากรวยเร็ว จากหุ้นเล็ก เก็งกำไร

ขอขับรถช้าช้า แล้วถึงที่หมายแน่นอน คงดีกว่าขับรถเร็วเร็ว แล้วแหกโค้งตายก่อนถึงที่หมาย

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 12, 2010 4:49 pm
โดย moongmun_vi
ขอบคุณครับอาจารย์ที่ให้แนวคิดที่หลากหลาย

Re: หุ้นตัวเล็ก VS หุ้นตัวใหญ่ / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 16, 2010 8:05 pm
โดย lex999
ช้างอย่างท่านคงไม่ลงมาเล่นนำในถังหลอก