Thai VI

ผมนั่งวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน งบดุลของหุ้นหลายสิบตัว
แต่อยู่ดีดีมีคนบอกว่า

งบการเงินของบริษัทในประเทศไทยเชื่อไม่ได้ เค้าเคยมีอาชีพทำบัญชีมาก่อน
มันผ่านการตกแต่งเป็นสีเทาๆมาทั้งนั้น ถ้าอยากลองวิทยายุทธให้ไปเล่นหุ้นต่างประเทศแทน

เป็นข้อเท็จจริงมากแค่ไหนครับ

ขอบคุณทุกคนครับ

ส่วนตัวคิดว่าเชื่อถือได้ครับ แต่เวลาเขาลงบัญชีเขาใช้เกณฑ์คงค้างนะครับ และแถมบางอย่างยังสามารถเลือกได้อีกเช่นการบันทึกสินทรัพย์บางประเภทการบันทึกจะบันทึกราคาทุน หรือราคายุติธรรม

แต่ผมคิดว่าเราควรประเมินตัวเราเองมากกว่าว่าเราเข้าใจในงบการเงินมากน้อยเพียงใด ถ้าเข้าใจมากก็เห็นจุดสังเกตมาก ทำให้เห็นช่องว่างของงบการเงินได้มาก

สำหรับในส่วนที่เขาบอกว่างบการเงินเชื่อถือไม่ได้ผมว่าเป็นทุกประเทศครับ ถ้าคนคิดจะทำ ผมยกตัวอย่างเช่น ENROn หรืออีกหลาย ๆ บริษัทในต่างประเทศก็มีให้เห็น ทั้ง ๆ ที่บางประเทศระบบบัญชีค่อนข้างรัดกุมและ conser กว่าเรา

สรุปว่าผมคิดว่าเชื่อถือได้ครับ แต่ที่เชื่อไม่ได้คือความรู้ในตัวเราว่ามากพอหรือไม่ครับ

ผมคิดว่า เค้า น่าจะหมายถึง บริษัท นอกตลาดก้ได้นะครับ
ต้องการ เลี่ยงภาษี

ในตลาด ตอนนี้ คิดว่า มีการตรวจสอบกันพอสมควร
สิ่งที่ควรพิจารณาคู่กันไปคือ ธรรมาภิบาลของ บริษัทและผู้บริหาร

ถ้านอกตลาดก็อาจเป็นไปได้ครับ

งบการเงินก็เป็นแค่ภาพสะท้อนของกิจการครับ
ส่วนจะตัดสินใจลงทุนด้วยหรือไม่
ผมว่ามันเป็นแค่องค์ประกอบ

ปล.
ถ้าคิดว่าบ้านเราสีเทาๆ
ผมว่ามันก็เทากันทั้งโลกแหละ
เทามาก กับ เทาน้อย

งบการเงินต่างประเทศที่เขาว่า ใช่งบของบริษัท Enron กับ WorldCom หรือเปล่าครับ ขนาด Auditor ยักษ์ใหญ่ 1 ใน Big 6 สมัยนั้นยังตรวจไม่เจอเลย เลยโดนหางเลขจนต้องล้มไปด้วย

ส่วนตัวเชื่อว่า งบการเงินที่ปรากฏให้เห็นให้ทราบนั้น เชื่อได้ 80% ครับ พอๆ กับงบการเงินของบริษัทต่างชาติที่ว่ามาด้วย

ส่วน auditor ท่านใดจะเก่งขนาดตรวจเจอความผิดปกติของงบการเงินหรือไม่ ก็อยู่ที่

1. ความสามารถของ auditor ท่านนั้น (1 ในนั้น ผมยกให้เจ้านายเก่าผม ที่แค่ดูงบก็บอกให้ไปเก็บรายละเอียดของบัญชีนั้นๆ มาตรวจดูจนเจอครับ)

2. ความสามารถในการปกปิดของผู้จัดทำบัญชีว่า ทำบัญชีได้เนียนแค่ไหน (อย่างกรณีของ Enron กับ WorldCom ไงครับ)

มันก็มีเทาเข้ม เทาปานกลาง เทาอ่อนๆ บางบริษัทเขาใช้เวลาในการตกแต่งบัญชีหลายปีจากบริษัทที่ปรึกษาที่จะเอาเข้าตลาดนะ ต้องเห็นใจเขาแหละมีความมานะ ตั้งใจทำมานาน เพื่อให้นักลงทุนเชื่อถือ ส่วนการลงทุนก็เป็นเรื่องของเรา

tradtrae เขียน:งบการเงินต่างประเทศที่เขาว่า ใช่งบของบริษัท Enron กับ WorldCom หรือเปล่าครับ ขนาด Auditor ยักษ์ใหญ่ 1 ใน Big 6 สมัยนั้นยังตรวจไม่เจอเลย เลยโดนหางเลขจนต้องล้มไปด้วย

แน่ใจหรือครับว่าตรวจไม่เจอ ถ้าตรวจไม่เจอจริงๆ ทำไมต้องทำลายเอกสาร/ลบ email ที่เกี่ยวข้องทิ้ง ปัญหาจริงๆมันคือว่า ผู้ตรวจสอบบัญชี ก็จ้างมาโดยบอร์ดเดียวกับที่เป็นคนจ้างผู้บริหาร

simplelife เขียน:

tradtrae เขียน:งบการเงินต่างประเทศที่เขาว่า ใช่งบของบริษัท Enron กับ WorldCom หรือเปล่าครับ ขนาด Auditor ยักษ์ใหญ่ 1 ใน Big 6 สมัยนั้นยังตรวจไม่เจอเลย เลยโดนหางเลขจนต้องล้มไปด้วย

แน่ใจหรือครับว่าตรวจไม่เจอ ถ้าตรวจไม่เจอจริงๆ ทำไมต้องทำลายเอกสาร/ลบ email ที่เกี่ยวข้องทิ้ง ปัญหาจริงๆมันคือว่า ผู้ตรวจสอบบัญชี ก็จ้างมาโดยบอร์ดเดียวกับที่เป็นคนจ้างผู้บริหาร

ผมมองวิธีการตรวจสอบบัญชีของบ้านเราเป็นหลัก ในฐานะที่เคยทำงานด้านนี้ครับ

โดยปกติแล้ว ผู้ตรวจสอบที่เซ็นงบการเงินจะเข้าร่วมการตรวจสอบน้อยมาก แต่จะใช้เวลาในการพูดคุยซักถามกับผู้บริหารมากกว่า และใช้เวลาสอบทานเอกสารหลักฐานจากการตรวจสอบของผู้คุมงานตรวจสอบ ถ้าเอกสารหลักฐานยังไม่น่าพึงพอใจก็จะให้ไปเก็บข้อมูลเพิ่มครับ

ผู้ที่เข้าตรวจสอบจะเป็นผู้คุมการตรวจสอบและผู้ช่วยผู้ตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว เอกสารประกอบการตรวจสอบจะส่งให้ผู้ตรวจสอบสอบทานอีกทีก่อนออกรายงานการตรวจสอบ

ประเด็นคือ ถ้าผู้คุมการตรวจสอบไม่เก่งจริง ก็อาจจะไม่เจอสิ่งผิดปกติ และทำให้เอกสารหลักฐานดูปกติจนผู้ตรวจสอบบัญชีก็ไม่สงสัยครับ


ส่วนเรื่องของ Enron กับ WorldCom ผมจำรายละเอียดไม่ได้ว่า ผู้ตรวจสอบรับรู้และร่วมปกปิดข้อมูลการทุจริตด้วยหรือไม่ แต่จำได้ว่าผู้บริหารฝ่ายการเงินและบัญชีของทั้ง 2 บริษัท เก่งในเรื่องการตกแต่งตัวเลขมาก จนไม่มีใครจับได้

ที่เรื่องทุจริตของผู้บริหารแดงขึ้นมาก็เพราะ มีพนักงานนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้กับทางการทราบครับ จึงเกิดทฤษฎีการจับทุจริตที่เรียกว่า whistle blowing




ถามว่า ... ถ้าไม่ให้ผู้ถือหุ้นเข้าพิจารณาการแต่งตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี และ ผู้บริหาร ในการดูแลกิจการของผู้ถือหุ้นแล้ว จะให้ใครแต่งตั้งดีครับ

ผมเห็นด้วยเรื่องการตกแต่งบัญชีครับว่าทำกันทั้งนั้น แต่ผมยังคงลงทุนในหุ้นไทยด้วยเหตุผลดังนี้ครับ

1. เวลาเราประเมินมูลค่าหุ้นเราก็ไม่ได้ต้องการตัวเลขเป๊ะๆ สักหน่อย เราก็ใช้วิจารณญาณในการประเมินอยู่แล้ว การตกแต่งบัญชีในระดับที่ไม่มากเกินไปจึงไม่ส่งผลกระทบต่อมูลค่าหุ้นอย่างมีนัยสำคัญครับ
2. เวลาที่เราซื้อหุ้นเราก็ต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัย (MOS) ที่มากพออยู่แล้วครับ ตัวนี้จะลดความผิดพลาดในการประเมินมูลค่าและผลกระทบในการตกแต่งบัญชีได้เช่นกัน
3. สุดท้ายคือการกระจายความเสี่ยงครับ หากจนแล้วจนรอดเราก็ยังไปลงทุนในบริษัทอย่าง Enron เข้าจนได้ แต่หากเราถือหุ้น 10 ตัว และมี Enron แค่ 10% ของพอร์ต ความเสียหายก็ไม่ได้ร้ายแรงจนแก้ไขไม่ได้หรอกครับ พอรู้ว่าพลาดเราขายทิ้งไปก็จบ เผลอๆ พอร์ตโดยรวมอาจจะยังกำไรอยู่ก็ได้ครับ

หากเราไม่เชื่อใจใครในโลกเลยคงทำธุรกิจอะไรไม่ได้ซักอย่างหรอกครับ และแม้มาตรฐานบัญชีต่างประเทศอาจจะรัดกุมกว่า แต่ผมเชื่อว่าการวางแผนรองรับความผิดพลาดหลายๆ ชั้นก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นครับ วิกฤติเศรษฐกิจมันก็เกิดจากตาน้ำข้าวทั้งนั้นแหละครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน โชคดีครับ

ลองศึกษาดูจากที่นี่ครับ

http://www.econ.chula.ac.th/public/memb ... rnance.doc
acct0310.files.wordpress.com/2007/06/creative-accounting1.ppt

หรือลองค้นหาคำว่า ENRON หรือ Worldcom หรือ ROYNET หรือ จะลองอ่านหนังสือของเฮียคลายเคลียดก็ได้ครับ มีบทเรียนที่ชัดเจนครับ

ถามย้อนกลับ ถ้าเราไม่เชื่องบการเงินแล้ว เราจะประเมินมูลค่าบริษัทอย่างไรครับ
ในเมื่อตัวเลขที่เราเห็น เชื่อถือไม่ได้ ???

เวลาจัดทำงบ นักลงทุนเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะเห็นงบนะครับ
ถ้ามันผิดจริง ต้องไปไล่เบี้ยตั้งแต่ต้นทางเลยครับ ว่าปล่อยมาได้อย่างไร

กรณี Enron เท่าที่ทราบ Auditor เอง คือ Arthur Anderson ร่วมปกปิดข้อมูลด้วย (บริษัทเป็นทั้งที่ปรึกษาทางการเงินและเป็น Auditor ด้วย
ซึ่งน่าจะมี conflict กัน แต่กฏหมายไม่ได้ห้ามไว้)

ย้อนกลับมาดูตลาดหุ้นประเทศไทย ที่มีปัญหาเท่าที่น่าจะเป็นประเด็น คือ PINIC กับ SECC
ปิคนิค นี่น่าจะทราบอยู่แล้วว่าบริษัทเป็นอย่างไร
แต่ SECC นี่ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร รถยนต์หายไปทั้งโกดังได้อย่างไร หรือว่าที่จริงแล้ว มันไม่เคยมีอยู่
ผู้บริหาร (อันนี้ควรโดนเป็นกลุ่มแรก) ==> รับเงินเดือน โบนัส หุ้น
กรรมการอิสระ(ผมว่ากรรมการอิสระนี่แหละควรจะรู้ว่ามีปัญหาแล้ว ไม่ใช่มารับตำแหน่งกินเงินเดือนอย่างเดียว) ==> รับเงินเดือน โบนัส
Auditor (ส่วนใหญ่ขอเอกสารอย่างเดียว ไม่รู้เคยเดินไปดูมั้ยว่า มันมีของอยู่จริงรึป่าว) ==> รับค่าตรวจสอบ แพงด้วย
นักลงทุน (ผมดูแต่งบที่ได้มา จะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันมีปัญหา ถ้า Auditor ไม่เขียนไว้ในรายงาน) ==> ไม่รู้เรื่อง แถมขาดทุน หุ้นถูกแขวน

ลองอ่านหนังสือ Financial Intelligence ดูครับ ผมพึ่งอ่านเหมือนกัน ช่วยได้ดีทีเดียว

ผมไม่เชื่อว่าบัญชีที่ไหนจะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะมันถูกปรุงแต่งมาด้วยความรู้สึกของนักบัญชีของบริษัทนั้นๆ และการวิเคราะห์การปรุงแต่งว่ามันพอจะอร่อยหรือเปล่าจากนักตรวจสอบ เราเป็นคนกินอาหารจานนั้น หน้าตาอาจจะดูอร่อยแต่ถ้าวิเคราะห์ด้านอื่นหรือกินจริงอาจจะไม่อร่อยก็ได้ บางแห่งหน้าตาดูไม่ได้อาจจะอร่อยเหาะถ้าเรากินจริง

อยากให้เข้าใจบทบาทของนักบัญชีนะครับ การลงบัญชีลงไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่นโยบายของผู้บริหาร และลงบัญชีตามมาตรฐานการบัญชี ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกนะครับ ส่วนผู้สอบบัญชีก็ตรวจสอบไปตามหลักฐานที่ปรากฏเพื่อให้งบการเงินสามารถที่จะเชื่อถือได้ตามหลักและวิธีการทางบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นโยบายของผู้บริหารอีกเช่นเดียวกันครับ อยากชี้แจงไว้ครับ อย่าคิดว่าการลงบัญชีสามารถที่จะลงได้ตามใจชอบนะครับ :lol:

o-bo-ja-ma เขียน:อยากให้เข้าใจบทบาทของนักบัญชีนะครับ การลงบัญชีลงไปตามหลักฐานที่ปรากฏ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่นโยบายของผู้บริหาร และลงบัญชีตามมาตรฐานการบัญชี ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกนะครับ ส่วนผู้สอบบัญชีก็ตรวจสอบไปตามหลักฐานที่ปรากฏเพื่อให้งบการเงินสามารถที่จะเชื่อถือได้ตามหลักและวิธีการทางบัญชี ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ที่นโยบายของผู้บริหารอีกเช่นเดียวกันครับ อยากชี้แจงไว้ครับ อย่าคิดว่าการลงบัญชีสามารถที่จะลงได้ตามใจชอบนะครับ :lol:

+1 ครับ ผู้ตรวจสอบบัญชีมีหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานต่างๆว่าข้อมูลในงบการเงินมีความน่าเชื่อถือในระดับที่ยอมรับได้ครับ คงไม่สามารถตรวจได้หมด 100% เพราะงานตรวจสอบก็มี scope ไม่เท่ากัน ฉะนั้นนักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้านอื่นประกอบไปด้วย เช่น ธุรกิจดูไม่ค่อยดีหรือมีแนวโน้มที่จะไม่ดี แต่ทำไมตัวเลขในงบถึงดูดี อันนี้คงเป็นคำถามให้กับตัวเอง และระมัดระวังในการลงทุนด้วยครับ การที่จะบอกว่าบัญชีถูกปรุงแต่งโดยความรู้สึกนั้น อาจเป็นไปได้สำหรับกิจการแบบ family หรือแบบบ้านๆ ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่หากเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งถูกดูแลโดยกลต.และผู้สอบบัญชีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงแล้ว มาตรฐานและความถูกต้องของงบการเงินจะสูงขึ้นครับ (อาจไม่ 100% จากเหตุผลที่กล่าวข้างต้นครับ )