วิปัสสนากับโซรอส
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 27, 2010 5:19 pm


การสนทนาสมมุติ
ผมเขียนด้วยอคติ
โปรดอ่านด้วยความระมัดระวัง
คุณสมบัติลักษณะที่พิเศษของอาจารย์?
ความคลุมเครือ เป็นอย่างที่คุณคิดหรือปล่าว?
ทำไมถึงคิดอย่างนั้น ผมว่ามันน่าจะเป็นจุดด้อยของเขาซะอีก ?
ผมเดาเอา มันไม่ง่ายที่คุณจะเป้นคนคลุมเครืออย่างนั้นได้ ไม่เชื่อไปทำอย่างนี้ดู ลองคิดไตร่ตรองถึงด้านตรงข้ามกับความคิดของตัวเองก่อนอื่น ตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้นว่าสิ่งที่เรา เราทำมันผิดตรงไหนบ้าง คิดเยอะๆ อย่าหยุดคิด มันอยู่ที่ว่าคุณรู้ตัวหรือปล่าวว่ากำลังคิดเรื่องอะไร
เกี่ยวกับ INVEST FIRST INVESTIGATE หรือปล่าวครับ?
ผมไม่แน่ใจครับ อาจเกี่ยวก็ได้ อย่างน้อยเขายอมรับอย่างนั้นว่าการใช้ประสาทสัมผัสของเขาในการสำรวจสมมุติฐานต่างๆ นำเขาไปสู่ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและค้นพบโอกาสในการทำเงินที่ยิ่งใหญ่มากมาย ผมคิดว่าอย่างหนึ่งที่เขาไม่เคยบอกต่อสาธารณะชน แต่เราพอมองกันออกคือ เขามีสามารถที่พิเศษมากกว่าคนปกติในการจัดการกับความเครียดอันเกิดจากความขัดแย้ง เขาไม่เพียงการยอมรับความไม่แน่นอนและความกำกวมต่างๆ เขาเล่นกับความกำกวมต่างหาก
มีความอดทนต่อความไม่แน่นอนสูง?
คงมีแต่อัฉริยะผู้ยิ่งใหญ่เช่น โซรอส เท่านั้นครับที่มีความอดทนต่อความไม่แน่นอนสูงระดับนั้น โลกการเงินทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมาก สภาวะความคลุมเครือทบต้นทวีขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ยอมรับว่าเขาไม่สามารถมองทะลุภาพลวงตาของความไม่แน่นอนไว้ได้ตลอดเวลา ถ้าไปอ่านประวัติการลงทุนของโซรอส เราจะเห็นว่าเขาปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เข้ากับสภาวะความคลุมเครือที่เกิดขึ้นในตลาดตลอดเวลา เขาปรับสมมุติฐานสิ่งต่างๆ ให้เข้ากันได้กับความคิดที่ขัดแย้งทั้งจากของตัวเขาเอง และ ของนักลงทุนส่วนใหญ่ การมี paradox อย่างนั้น ผมคิดว่ามันสำคัญทั้งต่อประสิทธิผลของกองทุนและต่อความปกติในจิตใจของเขาภายใต้สภาวการณ์ของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอีกด้วย
คุณสมบัติอย่างอื่นที่เห็นได้ชัด?
ความสามารถของเขาในการหยั่งรู้ภายในตัวตน
STEVEN COHEN พูดถึง แล้วก็ PUAL TUDOR JONES ด้วย?
ครับ สำหรับพวกเขา ผมคิดว่าเขาถือเป็นพันธกรณีตลอดชีวิตที่ต้องคิดไตร่ตรองความรูสึกนึกคิดของตนเอง คุณก็ทำได้เหมือนพวกเขา
ทำอย่างไรครับ ต้องฝึกกันอย่างไร ?
ถามคนรอบข้างในสิ่งที่เราคิด เราพูด เราทำ ลองถามจุดด้อยและจุดแข็งของเรา สิ่งที่เราต้องปรับปรุง ฟังอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะสิ่งที่เราไม่อยากฟัง หรือ ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน อย่าชี้แจง อย่าตัดสินโต้แย้ง อย่าออกความเห็น shut up ฟังอย่างเดียวครับ อย่าลืมพกสมุดติดตัว คุณต้องใช้มันเพื่อจดบันทึกความคิดของคนอื่นที่มีต่อเรา มองอย่างรอบครอบว่าเขาโจมตีความคิดเราด้วยเหตุผลหรืออารมณ์
ทำไมถึงห้ามโต้แย้ง ?
คุณต้องฝึกเรื่องความอดทนต่อสภาวะความคลุมเครือของตัวเองก่อนอื่นใด อันที่จริงก่อนไปถามคนอื่น คนลองนั่งจัดอันดับความอดทนต่อสภาวะความคลุมเครือของตัวเองว่าอยู่ระดับไหน
มีกี่ระดับ ?
ผมไม่ทราบ ตัวคุณเท่านั้นที่รู้
พอมี guide line ไหมครับ?
ผมจัดระดับล่างสุด คือ ความต้องการความแน่นอนอยู่ตลอดเวลา ลองสังเกตดูครับ ลองดูว่าตัวเราวันหนึ่งๆ พูดคำที่แสดงความเด็ดขาดทั้งหมดกี่ครั้ง ตัวอย่างเช่น มั่นใจ แน่ใจ อย่างแน่นอน ต้องทำอย่างนั้น ไม่เคยผิดพลาด ถูกเสมอ โดยเด็ดขาด ต้องใช่แน่ๆ ผมว่าไม่ผิดหรอก แสดงว่า เพราะว่าอย่างนั้น สังเกตว่าเวลาคุณจบการสนทนากับคนอื่นๆ คุณมักจบการพูดคุยด้วยคำบอกเล่า ประโยคคำสั่ง หรือ การตั้งคำถาม
นั่นระดับหนึ่งหรือครับ?
ครับ เราพัฒนาตัวเอง ไต่ลำดับไปเรื่อยๆ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ โดยการไต่ระดับไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่สิบเที่ยบเท่าปรมาจารย์อย่างโซรอส ตัวคุณมีกี่ระดับ ?
ผมไม่เคยคิดเลย บอกได้ไหมครับว่าคุณฝึกอย่างไร ผมหมายถึงแบบฝึกให้ยกระดับขึ้นไปเรื่อยๆ ?
คุณควรเริ่มจากประเมิณตนเอง
ประเมิณอย่างไรครับ ?
ในระดับหนึ่ง ถ้าคุณชอบด่วนสรุปในประเด้นต่างๆ ผมคิดว่าคุณอาจมีปัญหากับความคิดเรื่องความสัมพันธ์เชิงภาพสะท้อนซึ่งอยู่บนรากฐานว่าโลกนี้เป้นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้และความไม่แน่นอนคือสิ่งที่ต้องให้ความสนใจกับมันมากที่สุด คุณจำที่สิ่งที่โซรอสพูดไดไหมครับ วิธีหาเงินคือมองสิ่งความไร้เสถียรภาพจากสิ่งที่ไม่คาดหวัง
ความไร้เสถียรภาพก็คือความขัดแย้ง?
ครับ นั่นอาจเป้นระดับสองว่าเราเห็นความสำคัญของความขัดแย้งมากแค่ไหน คุณเห็นมันสำคัญต่อชีวิตคุณไหมครับ?
ผมไม่แน่ใจ ผมยอมรับว่าความไม่แน่นอนก็คือสิ่งที่แน่นอนที่สุด แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสกับประโยคนี้อย่างจริงจังมากนัก มันสำคัญมากใช่ไหมครับ?
สำหรับนักลงทุนที่ติดตามสิ่งที่โซรอสสอน มันสำคัญมากครับ คุณจะไม่ทางเข้าใจทฤษฎีการสะท้อนได้อย่างลึกซึ่ง ถ้าคุณมาไม่ถึงระดับสอง มันหยุดอยู่ตรงนั้น
ระดับสามละครับ ?
คุณอ่อนไหวกับสิ่งที่ขัดแย้งต่างๆ และ สถานการณ์ตรงกันข้ามกับการคาดหวังของตัวเอง แต่นั่นยังไม่เปลี่ยนบุคคลิกภาพบางอย่างในตัวคุณ คุณต้องไประดับสี่ ถึงระดับนี้ คุณไม่น่ามีปัญหากับความคิดที่ขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดรอบตัว คุณจะชอบความขัดแย้ง มันทำให้คุณเรียนรู้จากเคสที่เป้นประสบการณ์จริงจากตัวคุณเอง คุณจะกลายเป็นคนสงบนิ่งแม้อยู่ในสภาวะที่มีอารมณ์
ถึงระดับ STEVEN COHEN ?
ยังอีกไกลครับ คุณต้องฝึกจับความขัดแย้งที่เกิดในความคิดคุณเองจนเกิดความเชี่ยวชาญ ถึงระดับนี้แล้วคุณต้องฝึกอย่างหนักด้วยความวิริยะอุตสาหะที่จะจับผิดตัวเองอย่างยาวนานพอ แล้ววันหนึ่งจะมาถึงเมื่อคุณทราบวาคุณได้พัฒนาไปอีกขั้นที่สูงกว่าขึ้นไป
ฟังแล้วเหมือนฝึกกำลังภายใน หลังจากนั้นคุณจะลอยได้ มีวิชาตัวเบาหรือปล่าว ?
ไม่ใช่ลอยครับ คุณจะจมลงไปมากกว่า เราจะจมลงไปกับความรู้สึกของตัวเองเมือเกิดความกังวลใจในสภาวการณ์ที่ขัดแย้ง เมื่อถึงระดับนี้คุณน่าจะอธิบายความรู้สึกของความกำกวยของตัวเอง ได้
เมื่อกี้ คุณบอกว่า กำ อะไรนะครับ ผมฟังไม่ถนัด?
กำกวมครับ คุณฟังเป้นกำอะไรหรือครับ
ปล่าวครับ ผมคงฟังผิดไปเอง อธิบายความรู้สึกกำกวมอย่างไร?
ถ้าความกำกวมมี รูปร่าง สี เสียง รส กลิ่น สัมผัส มันจะเป้นอย่างไร? ใช้ประสามสัมผัสของตัวเอง ถ้าคุณนึกมันเป้นตัวตนได้ คุณน่าจะตอบสนองต่อความรู้สึกถึงมันอย่างไรได้เวลาที่มันเข้ามาใกล้คุณ ที่สำคัญ มันทำให้คุณกังวลใจอย่างไรได้บ้าง
กำกวม กับ กังวลใจ เหมือนกันหรือปล่าวครับ?
นักลงทุนส่วนมากมักไม่รู้เมื่อเกิดความกังวลใจ นอกเสียจากว่าจะได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดจากการฝึกสมาธิ หรือ ไม่ก็ได้รับการบำบัดจากจิตแพทย์ด้านการลงทุน คนส่วนใหญ่มีปฎิกริยาต่อความกังวลโดยอัติโนมัติ ถ้าหุ้นที่ซื้อไม่แป้นอย่างที่คิด เกิดปรับตัวลง ลองสังเกตว่าเราทำอะไรก่อนอย่างแรก เสยผมหรือปล่าว หรือว่า หยิบบุหรี่ ไม่ก็หมุนปากกา เริ่มพูดมาก กินเหล้า ดูหนังโป๊ หรือไม่ก็เริ่มโพสลงใน webboard
เหมือนคุณตอนนี้?
อาจจะใช่ครับ
อย่างน้อยรู้ตัวก่อนอื่นเมื่อใดที่เรามีความกังวลใจเกิดขึ้น?
เมื่อความไม่แน่นอนเกิด ถ้าเราตะหนักรู้ถึงความกังวลใจแล้ว คุณต้องอย่าหนีมัน อ้าแขนยอมรับมัน สัมผัสมัน ออกไปกอดมันเหมือนโฆษณาที่ชวนให้ไปกอดเมื่องไทย และปลดปล่อยตัวเองให้เป้นอิสระจากแรงกดดันภายใต้ขอบข่ายความคิดและการกะทำที่เป้นตัวกหนดพฤติกรรมของคุณมานาน เราจะไม่มีวันได้พบกับความไม่แน่นอนอย่างแท้จริง การพบและเป็นหนึ่งเดียวกับความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คุณเริ่มยอมรับมันอย่างเต็มใจและเผชิญหน้ากับมันด้วยขีดจำกัดของตัวเอง การเรียนเรื่องทฤษฎีการสะท้อนอย่างแท้จริงเริ่มขึ้นจากจุดนี้
สิ่งที่เปลี่ยนไปในบุคคลิกภาพ ระดับนี้เห้นอะไรที่ชัดเจนบ้าง ?
คุณปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดี สนุกกับการทายปัญหา เกมปริศนา และการเล่นคำ ผมสังเกตเห้นบางอย่าง ว่า เราปรับตัวเข้ากับจังหวะการรับรู้ต่างๆ โดยใช้สัญชาติญานของตัวเองมากขึ้น แต่ผมยังไม่เคยรู้สึกว่าสามารถร้องเพลงพี่เบิรดให้ความไม่แน่นอนฟังได้
เพลงพี่เบริด?
สบายๆ หากเราจะคบกันไป….
ผมไม่เคยรู้สึกสบายๆ กับ สภาวะความคลุมเครือเลยสักครั้ง
ระดับสูงสุดที่กำลังก้าวไปถึงคืออะไร?
ผมอยากหัวเราะกับมันได้ อยากรู้สึกถึงความตลกขบขันในแต่ละวันเมื่อเจอกับความไม่แน่นอนในชีวิตได้
ฝึกอย่างไรครับ ?
ถ้าผมรู้ ผมคงทำไปนานแล้ว ผมว่าคุณถามมากไปแล้ว
ผมก็ว่าคุณขี้โม้จริงๆ ?
เออ.... คุณออกไปชกกับผมข้างนอกเลยดีกว่า
#$##%$#$&^$%*%(*^)&(*^(*^*&%&^%$^$^$^$%#$%@%#^#^%#%#%#&&^$*%(*&)_*_*_)*()&*^*(^)(^*&%%#$%#*&^(*^(**^(*^&(*(*
ไอ้บ้าสองคนนี้ติงต้องจริงๆครับ
ไปละครับทุกท่าน ขอบคุณและสวัสดีครับ