หน้า 1 จากทั้งหมด 2
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 6:07 am
โดย คนแก่มือเก่า
ผมยังเชื่อว่า การลงทุนในหุ้นหลายๆบริษัท
ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีมากสำหรับการลงทุน และให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ดีมากเช่นกัน........ในทางโลก
แต่ทางธรรมแล้ว น่าคิดมากว่าเป็น
เป็นกิจการที่ดีมากจริงหรือไม่สำหรับการลงทุน
........................
เอา link จากห้องศาสนา ในพันทิพย์มาฝากครับ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 96283.html
คนที่นั่นอาจจะไม่ได้ลงทุนหุ้นเหมือนคนที่นี่นะครับ
ทำให้อาจจะคิดไม่เหมือนกันได้ครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 6:10 am
โดย เด็กใหม่ไฟแรง
อ่านเรื่องนี้แล้ว อยากฟังทัศนะของพี่ๆหลายๆคนเลยครับ
โดยเฉพาะ พี่หมอสามัญชน พี่ฉัตร พี่ป้อม พี่picatos และอีกหลายๆพี่ครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 8:14 am
โดย teetotal
สาธุครับ
เราถือหุ้นใด เราก็เหมือน ร่วมกลุ่มกันทำกิจการนั้น
ถ้ากิจการนั้น ทำ มิจฉาชีพ 5 ล่วงศีล 5
ก็เหมือน หนึ่ง เรามีส่วนร่วมในการสนับสนุน
ผมเคยซื้อ หุ้นตัวหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับ หนึ่งใน มิจฉาชีพ 5
และ ต้อง ผิดศีล 5 ในการทำธุรกิจ เมื่อคิดได้ ก็ขายทิ้งไม่เคยซื้ออีก
เคยเจอ คุณป้า เล่นหุ้น คนหนึ่ง
ผมบอกแก ว่า ขายออกเพราะ เป็นหนึ่งในมิจฉาชีพ 5 ไม่ควรทำ
แกก็ว่า แกคิดเช่นนั้น แต่แกก็ไม่คิดว่า ผมจะมีเหตุผลแบบแก
ผมคิดว่า ถ้าสืบสาวขึ้นไปตาม supply chain คงมีหลายตัว
ที่มีการสืบเนื่อง เกี่ยวข้อง มาจาก มิจฉาอาชีพ 5 และ การล่วงศีล 5
แต่ตอนนี้ ผมก็ถือ กลุ่มอาหาร โรงแรม สืบไป ก็ใช้เนื้อสัตว์ทำอาหาร และมีการบริการ สุราเมรัย แต่ก็ คิดว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องใกล้ชิดนัก เลย ขอถือไปก่อน
ผมขอเอาตัวที่ชัดๆ ออกไป ก่อนละกัน
ผมของดเว้น ด้วยความเชื่อส่วนบุคคล
ผมคิดว่า แม้เราไม่ได้ทำเอง แต่ กำไร ปันผล ที่เราได้รับ ก็เป็นสิ่งสืบเนื่องจาก เหตุปัจจัย จาก มิจฉาอาชีพ และ การล่วงศีลนั้น
แม้เราก็เอาไปทำบุญ ก็เป็นเงินจากการมิจฉาอาชีพ และการล่วงศีล
ผมคิดว่า ควรละบาปอกุศลกรรม ก่อน ทำบุญ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 8:45 am
โดย por_jai
เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:อ่านเรื่องนี้แล้ว อยากฟังทัศนะของพี่ๆหลายๆคนเลยครับ
โดยเฉพาะ พี่หมอสามัญชน พี่ฉัตร พี่ป้อม พี่picatos และอีกหลายๆพี่ครับ
ผมมาตอบกระทู้นี้เพราะพี่เด็กใหม่เรียกมา
ด้วยสัตย์จริง
ผมนั้นมีความรู้ในเรื่องปริยัติน้อยจนไม่รู้จะน้อยอย่างไร
ด้วยผมไม่เคยอ่าน เคยอยากจะอ่าน ก็อ่านไม่เข้าไปในใจ
ชีวิตทางธรรมนี้ก็ได้แต่ฟังซีดีที่หลวงพ่อปราโมทย์สอน
ท่านสอนอะไรผมก็ทำตามนั้นไปเรื่อยๆ
ท่านสอนผมว่า
ทุกอย่างไม่พ้นกายพ้นใจของเรา
มีแค่นี้ที่ควรสนใจ ควรตามดู ควรตามรู้สึกให้เท่าทันตลอด
จะได้อาวุธสำคัญชื่อสติมา
วันนึงสติที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆนี้จะนำพาให้พบให้เข้าใจในธรรมชาติได้
เบื้องต้นท่านใ้ห้ถือศีล5ให้มั่นคง
ท่านว่าเรารักษาศีล ศีลจะรักษาเรา
พิสูจน์ในเวลาต่อมาก็จริงตามนั้น
เรื่องที่พี่เด็กใหม่ หรือพี่มือเก่ายกมาปุจฉานั้น
ผมก็ไ่ม่ทราบจะวิสัชนาอย่างไร
ผมไม่สนใจเรื่องภายนอกกาย...ภายนอกใจ
ว่าใครหรือบริษัทไหนจะถือศีลหรือไม่อย่างไร
ด้วยเกินกว่าผมจะไปสนใจในกรรมของคนอื่นได้
เฉพาะกรรมของผมเองที่ทำสิ่งไม่ดีสิ่งอกุศลไว้ก็เยอะมาก
ที่จะใคร่ครวญให้เบาบางลงไปบ้างก็ยากพออยู่แล้ว
เรื่องธรรมชาติกับการเล่นหุ้น
ที่ผมพบกลับเป็นว่า
สติตัวเก่ง ทำให้ผมรู้จักตัวโลภ ตัวกลัว
เรียกว่าจับมาคลึง มาเค้นได้เลย
ผมรู้ว่าต้องมีใครซักคนในตลาดที่มาทำให้ผมเป็นอย่างนั้น
แล้วเขาไม่ได้จะมาแจกเ้งินให้ผมหรอก
เขาจะมาเอาตังเหาฉลามอย่างผมซะละมากกว่า
พอตัวโลภกระพือมา
ผมเห็นปั๊บก็จะระวังตัวแจ เตรียมขายหุ้น
แต่พอตัวกลัวมายิ่งตัวใหญ่เท่าใด
ยิ่งต้องสวนให้จงหนักเท่านั้น...ฮ่า...
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 8:58 am
โดย MO101
ถ้าถือศีลกันเคร่งมากๆ ก็คงซื้อ LTF ที่มีการลงทุนในหุ้นไม่ได้เลยละมั้ง
ถ้าหนักกว่านั้น กบข และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็ผิดศิลกันหมด
สรุปว่าขาราชการ ศีลขาดชัวร์ (เวอร์ไปไหมนะ)
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 9:12 am
โดย nuttadet
ถ้าคิดกันแบบเคร่งจริงๆ สงสัย ก็ไม่ต้องกินเนื้อหมู เนื้อปลาเลยซิครับ
เพราะถ้าคิดกันจริงๆ เงินที่คุณจ่ายไป ก็ไปเข้าร้านแม่ค้า เงินที่ร้านแม่ค้า
ก็เอาไปจ่ายให้กับ คนจับปลา คนเลี้ยงหมู เท่ากับคุณก็มีส่วนในการจับปลาและหมูมาฆ่าให้คุณกิน
ผมว่า เอา พอดีๆ ดีกว่านะครับ ทางสายกลาง ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 9:39 am
โดย chatchai
เรื่องการรักษาศีล 5 นั่น
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 10:35 am
โดย Mr. Boo
สรรพสิ่งมันเป็น chain reaction
เลี่ยงได้ก็พยายามเลี่ยง
chain reaction มันก็จะเป็นกรรมที่สั้นลงสั้นลง
เรามีทางเลือกครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 11:43 am
โดย ลูกอิสาน
ผมคิดว่าการคิดเรื่องบุญบาป เป็น
อคติอย่างหนึ่งของการลงทุน ก็เหมือนอคติอื่นๆที่ทำให้เราเลือกที่จะลงทุนหรือไม่ลงทุน
ถ้าเราเชื่อว่ากำไรเป็นตัวขับดันราคาหุ้น เราก็ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่กำไรจะเติบโต ประเด็นอื่นไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคำนึงถึง นี่เป็นเหตุเป็นผลที่ตรงไปตรงมาทางธุรกิจ
มีคนถามวอร์เรนในประชุมผู้ถือหุ้นว่าทำไมต้องไปซื้อหุ้นน้ำมันแห่งชาติของจีนซึ่งไปทำธุรกิจในซูดานที่มีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน ถ้าจำไม่ผิดวอร์เรนตอบว่าเค้ามองการลงทุนเป็นเรื่องธุรกิจเท่านั้น เรื่องอื่นไม่สนใจ
ในหนังสือ one up ของปีเตอร์ลินซ์ หุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดตัวนึงในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นอเมริกาคือหุ้นขายบุหรี่
ฟิลิป มอร์ริส เหตุผลนึงคือทุกคนกลัวปัญหาการฟ้องร้อง แต่อีกประเด็นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรม นัยนึงคือเป็นธุรกิจที่น่ารังเกียจ นั่นอาจจะเป็นอคติที่สร้างผลตอบแทนมหาศาลให้กับคนที่ไม่เชื่ออย่างนั้นครับ
ถ้าพูดแบบตรงๆคือการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ต้องมองเหตุผลแบบธุรกิจ ไม่เอาประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาตัดสินใจครับ
แต่อย่างที่รู้คือมนุษย์ไม่ใช่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่สามารถตัดสินแบบไร้อคติได้ ตัวผมก็เช่นกัน
ถ้าลงทุนในหุ้นที่ค้าสัตว์ ผมรับได้เพราะตัวเองก็กิน
ถ้าลงทุนในหุ้นขายสุรา คงคิดดูก่อน ถ้าราคาถูกๆก็ไม่แน่
ถ้าลงทุนในหุ้นยาสูบ นี่ต้องคิดหนัก
ถ้าลงทุนในบริษัทนวดอบอาบของเสียชู ผมคงบ๊ายบาย
เรื่องศาสนาก็เหมือนเรื่องการเมือง ผิดกับถูกเป็นความเชื่อ พิสูจน์กันยาก พูดกันหอมปากหอมคอ อย่าเอาชนะคะคาน ไม่เป็นประโยชน์ครับ :D
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:15 pm
โดย dome@perth
ผมก็คิดว่าขึ้นอยู่กับระดับความเชื่อของแต่ละท่านครับ
บางคนที่มีระดับความเชื่อสูงเรื่องทำบาป ยกตัวอย่างเรื่อง ฆ่าสัตว์
1. กินเจ 100% ตลอดชีวิต
2. กินเจ...แต่ไม่ร้อย
3. กินมังสวิรัต
4. ไม่กินเนื้อสัตว์บก....กินอาหารทะเล
5. ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่...กินหมูกินไก่
6. กินเนื้อวัว ควาย แต่ไม่ใช่ ช้าง ม้า เสือ สิงห์ หมี
7. กินรวบ.....เหมือนเจ้ามือหวย......ฮา...
ลงทุนตามความเชื่อของตนครับ บังคับกันไม่ได้ ก็เช่นนั้นแล.........
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:22 pm
โดย f.escape
สำหรับตัวเองเลี่ยงได้ก็เลี่ยงค่ะ และไม่ซื้อ CPF เพราะเหตุนี้ แต่ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกับหุ้นเขาหรือคนซื้อหุ้น เคยคิดจะซื้อ TUF เพราะคิดว่าสั่งซื้อทูน่าที่ตายแล้วจากต่างประเทศอย่างเดียว แต่อ่านเจอว่ามีเลี้ยงเองบ้าง ก็เลยตัดทิ้งไป
วันก่อนเพิ่งดู AVATAR ชนเผ่านั้น เวลาฆ่าสัตว์ ขณะฆ่ามีกล่าวคำขอโทษและขอบคุณด้วย คืออยู่ในโลกแบบนี้ ไม่พ้นที่จะต้องเบียดเบียนสัตว์อื่น (เหมือนกำจัดปลวก) ก็เป็นบาปทั้งนั้น มากน้อยต่างกัน บางทีอาจจะน้อยมาก เมื่อเทียบกับวาจาที่เราเบียดเบียนคนด้วยกันเอง (เมื่อวานเพิ่งเข้าเวบหุ้นอีกเวบหนึ่งมา เดี๋ยวนี้แรงมาก)
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:23 pm
โดย pat4310
ผม
เรื่องสุดท้ายที่จะถามวันนี้นะครับ
หลวงพี่คิดเห็นอย่างไรกับการกินเจครับ?
ผมรู้ว่า คนละยานกัน แต่อยากทราบความคิดเห้นหลวงพี่ครับ
พระ
หมู 1 ตัว มี 1 จิต
แมลง 1 ตัว มี 1 จิต
ฆ่า 1 ก็บาป 1
แล้วปลูกผัก แมลงตายเยอะกว่าหมูหรือเปล่า
ถ้าไม่ได้ปลอดสารพิษ
http://www.pantip.com/cafe/religious/to ... 81851.html
ถ้ามามัวคิดมากก็ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี แค่คุณขยับตัวก็ฆ่าแบททีเรียไปไม่รู้กี่ตัว ไม่กินสัตว์หันมากินพืชก็ฆ่าแมลงไปไม่รู้เท่าไรแถมพืชก็เป็นสิ่งมีชีวิตกิพืชก็ปาบอีก ธรรมชาติมนุษย์เป็นสัตว์กินแมร่งทุกอย่าง(สัตว์ พืช อิฐ หิน ภาษี ฯลฯ) จะไปฝืนธรรมชาติก็คงลำบาก พระพุทธเจ้าถึงไม่ได้ห้ามฉันเนื้อสัตว์ไงครับเพราะมันจะยุ่งแบบนี้แหละ
เอาสติมาอยู่กับปัจจุบันดีกว่าครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:35 pm
โดย naris
เรื่องนี้เถียงกันไม่จบหรอกครับ เพราะมองกันคนละมุม เราต้องหาคำถอบก่อนให้ได้ว่าจะถกกันเรื่องทางโลกหรือทางธรรม เพราะทางโลกมีแต่จะเอา ทางธรรมมีแต่จะให้.....
ผมมีแนวคิดในเรื่องนี้อย่างหนึ่งคือ ความเชื่อ ถ้าเราเชื่อในสิ่งไหน เราก็จะได้ในสิ่งนั้น
เช่นบางคนเขาเชื่อว่า......
เปลี่ยนชื่อแล้วดี.....
ติดสติ๊กเกอร์สีรถตนเองใหม่ตามโฉลกของเรา......
ฤกษ์การออกไปติดต่อธุรกิจ.......
การทำศัลยกรรมหน้าตาเพื่อโหวเฮ้ง......
การหาและแต่งฮวงจุ้ยในการสร้างบ้าน.......
การกราบไหว้ต้นโพธิ์หรือศาลเพียงตาข้างถนน......
การนับถือองค์โป๊ยเซียน หรือเทพยดาที่มองไม่เห็น.......
การนับถือพระเพราะผ้าเหลือง.......
การนับถือกราบไหว้หินที่เป็นพระพุทธรูป.......
หรือการนับถือ ธรรม คำสั่งสอนที่เป็นสัจธรรม
การเชื่อในสิ่งเหล่านั้นไปสร้างขวัญกำลังใจให้กับตนเอง และบางครั้งเหมือนการเพ่งจิตให้มีสมาธิ มีพลังในการทำงานนั้นๆ งานจึงประสบความสำเร็จ ตามความเชื่อของพวกเขา
แต่ถ้าพูดในมุมมองของจิตแต่ละสิ่งที่ผมไล่ตามลำดับที่กล่าวไปนั้น เป็นความเชื่อในจิตในแต่ละข้อทีละข้อของผมเองที่ก้าวข้ามทีละขั้น.....ตอนนี้ผมก็ยังติดอยู่ในส่วนของการนับถือเทพยดาที่มองไม่เห็น ซึ่งคนที่ไม่เชื่อหรือคนที่มีจิตที่ข้ามตรงนี้ไปแล้วก็จะมองห็นความงมงายของผม
ส่วนตัวผมคิดว่า การก้าวข้ามในความเชื่อในเรื่องต่างๆต้องอาศัยปัญญาเข้ามาเป็นตัวตัดสินขั้นสุดท้าย.....(เชื่อด้วยใจนะครับ แต่ไม่สมอง)
ในเรื่องทางโลกและทางธรรมก็เหมือนกัน ถ้าท่านไม่เชื่อท่านมองในส่วนของทางโลก ซื้อขายหุ้นในรูปแบบการเล่นเกม จิตท่านก็ไม่เข้าไปรับ ในทางโลกท่านไม่ผิด แต่ในทางธรรม หลวงตามหาบัวเคยเทศน์เรื่องเป็ดอยู่ในขี้เลนใต้ถุนบ้าน ท่านบอกว่าเขาไม่รู้ตัวของเขาดอกว่าเขากำลังเล่นอยู่ในน้ำสกปรกฉันใด.... จิตคนที่อยู่ในสภาวะทางโลกก็ไม่รู้ว่าตนเองกำลังที่ไหนฉันนั้น.....เพราะความหลงครอบงำเราอยู่
สวนผมก็ยึดหลักง่ายๆว่า ในเมื่อเรามองว่าเรากำลังลงทุนในธุรกิจ เหมือนเราเป็นเจ้าของกิจการ และเงินไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายที่เราต้องได้
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:56 pm
โดย scg
บาปไม่บาปมันตัดสินยากสักหน่อย
เพราะแต่ละคนมีระดับการนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน
เรื่องบาปกับหุ้นนี้ผมได้คุยกับนาย ก (นามสมมุติ) ก เป็นนักธุรกิจ sme ที่
ผลิตสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ ทานแต่ผักทุกมื้อไปวัดบ่อย ทำบุญบ่อย
ก บอกผมว่าทุกคนที่เล่นหุ้นเป็นคนบาป เพราะไม่มีทางที่ซื้อหุ้นแล้วไม่ได้ขาย
คุณขายหุ้นเพราะคุณคิดว่ามันจะลง(บางครั้งคุณอาจขายหมู บางครั้งขายแล้วลง)
แต่ถ้าขายแล้วลง คนที่ซื้อต่อไปจากคุณก็จะขาดทุนแล้วก็ทุกข์ หรือ
คุณขายหุ้นให้นาย q ขายต่อให้->นาย w ขายต่อให้->นาย e ขายต่อให้->นายr
แล้วหุ้นลงคุณก็บาป (นาย ก ว่ามันก็คล้ายคุณทานเนื้อนั่นแหละที่คุณไม่ได้ฆ่าแต่คุณก็บาปเช่นกัน)
คุณทำให้คนอื่นเป็นทุกข์ คุณก็เป็นคนบาป
ต่อมาผมได้คุยกับนาย ข เพื่อนนาย ก ซึ่งสนใจจะลงทุนในหุ้น คนนี้เป็น
พนักงานประจำ ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดี ดีกับทั้งคนอื่นและครอบครัว
สนใจจะลงทุนในหุ้น คุยไปเรื่อยผมก็บอกให้เขาฟังว่าและหุ้นอาจจะบาปนะ
แล้วผมก็เล่าแนวคิดของนาย ก ให้นาย ข ฟัง นาย ข ก็พูดออกมาว่า
ถ้างั้นการขับรถ เปิดแอร์ ทำให้โลกร้อนมนุษย์และสัตว์เดือดร้อนเป็นบาป
แล้วสินค้าที่นาย ก ผลิตมา ลูกค้าบางคนใช้แล้วไม่ได้ผลหรือแพ้ยานั้น
เท่ากับนาย ก ก็บาปเช่นเดียวกันหรือไม่
ผมก็อึ้งอย่างเดียวเลยครับ
ทำให้ผมนึกถึงคำว่า vi ก็มีหลายระดับ
-vi แบบเบนจามิน เน้นสินทรัพย์ของกิจการ
-vi แบบเน้นเติบโต
-vi แบบลงทุนในหุ้นวัฐจักรด้วย
-vi แบบได้ทุกแนวให้หุ้นที่ เค้าจะลงทุน เค้าต้องเข้าใจมันแล้วทำให้เค้ามีกำไร
ตามที่ผมเข้าใจ วอเรน บัฟเฟ็ต น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้
-vi แบบดูกราฟ
-vi ฯลฯ ที่เค้าคิดว่าเค้าเป็น vi
ไปๆมาๆ สุดท้ายผมเลยสรุปว่า คนไหนจะเป็น vi มันก็แล้วแต่ว่าคนนั้นคิดว่าเค้า
เป็น vi หรือ คนอื่นคิดว่าเค้าเป็น vi หรือเปล่า
เช่น วอเรน บัฟเฟ็ต บอกว่าเค้าเป้น vi
นาย a ก็คิดว่า วอเรน บัฟเฟ็ต เป็น vi เพราะลงทุนโดยดูจากมูลค่าของกิจการ ฯลฯ
นาย b คิดว่า วอเรน บัฟเฟ็ต ไม่เป็น vi เพราะลงทุนในหุ้นวัฐจักรและอนุพันธ์ด้วย
สุดท้ายเลยผมไม่กล้าบอกคนอื่นว่าผมเป็น vi หรือไม่ทั้งที่มีคนบอกว่าผมเป็น vi
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 3:19 pm
โดย MO101
สรุปสั้นๆ ไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน ไม่รู้สึกว่ายินดีในการฆ่า ก็ไม่บาปครับ
เช่นเดินๆ ไปเหยียบแมงสาปตาย ไม่บาป แต่ถ้าจงใจใช้ไบก้อนก็บาป
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 12:20 pm
โดย teetotal
จำนวนสัตว์ที่ถูกฆ่ากินเนื้อ เป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์
คนต้องการกินมาก จำนวนที่ถูกฆ่าก็มาก
ดูอย่างตอนกินเจ สิ
เลิกไม่ได้ ก็ลดๆ ลงบ้าง
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 12:54 pm
โดย RONNAPUM
ธรรม คือ ธรรมชาติ
การกิน การใช้ การฆ่าสัตว์ คือห่วงโซ่อาหาร
ห่วงโซ่อาหาร คือการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ในธรรมชาติ
ดั้งนั้น ปาปหรือไม่ ไม่มี (ในมุมมองของผม) มีแต่การทำเกินพอดีไหม
ก็ต้องขึ้นอยู่ กายและใจของแต่ล่ะคนด้วย ว่าแค่ไหนพอ
แค่ไหนอิ่ม ซึ้งตรงขั้นต้นตรงนำศีลเข้ามา เป็นตัวตั้ง ว่าแค่ไหนพอดี
แค่ไหนเกินไป เช่นการ ฆ่าสัตว์ เราก็ต้องดูว่าทำเราเพื่อการดำชีพหรือการค้า
หรือไม่ ...
สุดท้ายเรื่องพวกนี้ มันอยู่ที่ใจเรา ถ้าใจเราโปร่ง โล่งสบายขณะทำ
คำถามข้อสงสัยพวกนี้มันจะไม่เกิด เพระตัวเราจะตอบได้ดีที่สุดครับ :D
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 12:57 pm
โดย tansit
เห็นทุกคนถกกันเรื่องนี้ เลยขอแสดงความเห็นร่วมด้วย
การถือศีลเกี่ยวกับความเชื่อส่วนบุคคลครับ
ถ้าเราเชื่อ (จริงๆ ไม่ได้อ้างตำรา) ทำแล้วจะไม่มีความอึดดัดใจในการทำเช่นนั้น
เช่นคนที่ถือมากเรื่องการไม่โกหกจะรู้สึกไม่ดีมากหากต้องโกหกใคร
เขาจะรักษาศีลข้อนี้ดีมาก ซึ่งตรงนี้ผมเก็นว่าขึ้นกับประสพการณ์ส่วนตัว
ดังนั้นคนที่ไม่ลงทุนในหุ้นที่เห็นว่าละเมิดศีลข้อไหนขึ้นกับความเชื่อของคนนั้นๆ ครับ
ถ้ามองเป็นหุ้นๆ ที่มีการละเมิดศีลชัดๆ ผมก็ไม่เอาครับ เช่น
บริษัทที่มีการทำการค้าอาวุธ, บ่อนพนัน, บริษัทค้าเหล้าหรือเกี่ยวข้อง
ผมจะไม่เอาเด็ดขาด
แต่...หลายท่านอาจยอมรับได้แยกเรื่องการลงทุนกับชีวิตประจำวัน
ที่ศีลออกจากกันผมก็ไม่แปลกใจ
เพราะศีลแต่ละคนไม่เท่ากัน เชื่อต่างกัน รู้ต่างกัน จึงปฏิบัติต่างกัน
เฉกเช่นเียวกับ ราคาหุ้น ที่ยอมรับได้ที่ราคาต่างกันแล้วแต่ความเชื่อ
ข้อสำคัญขอให้ซื่อสัตย์กับตเองก่อนแล้วจะมีความสุขขอรับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 7:14 pm
โดย Ii'8N
ผมเป็นคนหนึ่งละ ที่ไม่สนใจเหล้า บุหรี่ ไม่เหล่ถ้ารู้ว่าเธอเดินมากับสามี (แต่ไม่รู้ก็ช่วยไม่ได้ แฮ่...)
แต่ไม่ใช่ผมถือศีลนะครับ ไม่ได้อยากเป็นคนดี ผมทำเพราะรู้สึกว่าสบายใจ เพราะประสบกาณ์ที่ผมเรียนรู้มาตลอด มันคือการทำให้ชีวิตผมมีความสุข ผมว่าตรงกับหลายความเห็นข้างต้น
ซึ่งผมคิดว่าไอ้เรื่อง "สบายใจ" หรือ "ไม่สบายใจ" นี่แหละ เป็นที่มาของคำว่าบาป-ไม่บาป
คนเราจะรู้สึกว่าบาป เมื่อให้เชือดไก่
แต่เวลาเหยียบมด ตบยุง ตีแมลงสาป หลายคนไม่รู้สึกว่าบาปหรืิอบาปน้อยกว่า ทั้งๆ ที่ศีลข้อหนึ่งบอกไว้
ไปถามพระ ก็บอกว่า มี 1 ชีวิตเท่ากัน
(แต่ไปถามเด็กวัด ดันทะลึ่งบอกว่า ข้อหนึ่ง ห้ามฆ่าสัตว์ แต่ยุงกัด เราค้องตบ ข้อสองห้ามลักทรัพย์ แต่เขาหลับ เราก็หยิบ ข้อสาม ห้ามผิดกาม ถ้าเธอไม่ตาม เราต้องฉุด... :twisted: ... อันนี้เอาฮาครับ จะไร้รู้ว่าผมไม่ได้เครียดมากมาย ตอนพูดเรื่องนี้
)
เอาตัวอย่างชัดๆ อีกข้อก็ได้ แล้วคุณคิดว่าการคุมกำเนิดเป็นการทำบาปหรือไม่ ถ้าจะบอกว่าอสุจิยังไม่มีแขนขา ลองเอาไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดู สิ่งมีชีวิตตามคำนิยามของบาป เด๊ะเลย
แล้วบางคนกลัวบาป แต่ก็ยังกินเนื้อสัตว์อยู่ แต่ต่อให้่เราไม่ฆ่าด้วยตัวเอง ก็ไป "จ้างวาน" ให้ผู้อื่นฆ่าอยู่ดี แค่เป็นการหลบบาปด้วยการหลอกตัวเองเท่านั้น
ที่เราทำอะไร ไม่รู้สึกบาป เป็นเพราะเราไม่รู้สึกกลัว
แต่ถ้าให้เราเชือดไก่ เรารับไม่ได้ ที่เห็นมันดิ้นพราดๆ หรือเลือดกระฉูด
แต่เราไม่รู้ ว่าเราขยี้ผิวหนังนิดเดียว มีสิ่งชีวิตมองไม่เห็นตายเป็นหมื่นเป็นแสน ตอนเรามี sex กับคู่ครองของเรา ก็มีสิ่งมีชีวิตอีกไม่รู้กี่ล้านต้องตาย นานๆ ทีจึงจะรอด 1 ชีวิต มาฟักตัวเป็นลูกของเรา
แล้วไปกินผัก รู้หรือไม่ ว่านักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ออกมาแล้ว ว่านอกจากเปิดเพลง ทำให้ผักโตได้ดีกว่าธรรมดาแล้ว
ไม่ใช่แค่ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบสังเคราะห์แสงได้เท่านั้น ผักที่เราหั่น มันก็เจ็บตามวิถีของมัน คือสารเคมีจะเปลี่ยนตอนเราหั่น เหมือนวัวควาย ร้องไห้ ตอนรู้ว่าจะเอาไปเชือด
เพียงแต่ว่าคนไม่รู้ว่ามันเป็นเช่นนั้น เพราะมันไม่เหมืิอนการแสดงออก ในการเจ็บแบบประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่เรามองเห็น เราได้ยิน มนุษย์เรารับรู้
แล้วเรารู้สึกบาปหรือไม่ ถ้าทราบเช่นนั้น.... ผมว่าคงไม่มีใครรู้สึกบาปเมื่อหั่นผัก แม้จะมีคนพิสูจน์ได้แบบนี้
แล้วใครคิดว่าเสือ สิงโต จระเข้ มันบาปหนาหรือไม่
มันฆ่าไม่รู้กี่ชีวิต จนมันตาย ชวนมันกินมังสวิรัต ก็ไม่สนใจ ส่้ายหน้าอย่างเดียว
ดังนั้น ผมจึงสรุป เอาตามความเห็นของผม ว่า ทำอะไรที่สบายใจดีที่สุด
มีชีวิตอยู่กับเพื่อนร่วมโลกตามปกติสุข อย่าไปเบียดเบียนเอาเปรียบใคร ไม่ต้องกลัวบาปก็ได้ กลัวเขาหมั่นไส้ หันกลับมาทำบาปกลับเราก็พอ
ถัดมา ที่ดีกว่านั้นอีก ไม่จำเป็นต้องอยากเป็นคนดี คอยช่วยคนอื่นถ้าช่วยได้ แล้วเราไม่เดือดร้อนไม่เหลือบ่ากว่าแรงเรา เพราะซักวันเราก็มีโอกาสเดือร้อนเดือดร้อน คนที่เราช่วย ก็จะเต็มใจมาช่วยเราเอง
แค่นี้ก็ไม่บาปแล้ว กินเพราะให้เพียงพอแต่การดำรงชีพสักพัก ก็ให้รางวัลชีวิตกับตัวเองที แต่ก็ไม่แหวกแนวเกินไป ถึงขั้นสมองลิง อุ้งตีนหมี
ถ้าบางอย่างมันเป็นอุตสาหกรรม ก็ปล่อยไปตามวิถีของมัน เพราะมนุษย์ไม่ได้เป็นสัตว์กินพืช แต่กินทั้งสัตว์และพืช เป็นธรรมดาของ demand supply เพราะในโลกนี้ มีผู้จ้างวานเยอะกว่าลงมือทำเอง
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 8:58 pm
โดย สามัญชน
สงสัยอยู่เหมือนกันครับว่าอาชีพที่ควรทำมีอะไรบ้าง. ก็ไปเจอ
สัมมาอาชีวะ จาก
http://th.wikipedia.org/wiki/สัมมาอาชีวะ
สัมมาอาชีวะเป็นหนึ่งในมรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด
เลี้ยงชีพชอบ หมายถึงการทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริต
ฆราวาส สัมมาอาชีวะ หมายถึง การเว้นมิจฉาอาชีวะ อันได้แก่ การเลี้ยงชีพไม่ชอบ คือการแสวงหาปัจจัยมาบริโภคที่มิชอบ คือการโกงหรือหลอกลวง เว้นการประจบสอพลอ การบีบบังคับขู่เข็ญ และการต่อลาภด้วยลาภ หรือก็คือการแสวงหาลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร (สัมมาวายามะ ) คือขี้เกียจ อยากได้มาง่ายๆโดยไม่อาศัยกำลังแห่งสติปัญญาและแรงกาย ซ้ำโลภจนไม่ชอบธรรม เช่น เบียดเบียนลูกจ้าง และทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่ออย่างได้มาก เสียให้น้อย รวมถึงอาชีพอีก 5 ประเภท ดังนี้
สัตถวณิชชา คือ การขายอาวุธ ได้แก่ อาวุธปืน อาวุธเคมี ระเบิด นิวเคลียร์ อาวุธอื่น ๆ เป็นต้น อาวุธเหล่านี้หากมีเจตนาเพื่อทำร้ายกัน จะก่อให้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกัน โลกจะไม่เกิดสันติสุข
สัตตวณิชชา หมายถึง การค้าขายมนุษย์ ได้แก่ การค้าขายเด็ก การค้าทาส ตลอดจนการใช้แรงงานเด็กและสตรีอย่างทารุณ
มังสวณิชชา หมายถึง ค้าขายสัตว์เป็น สำหรับฆ่าเพื่อเป็นอาหารเป็นการส่งเสริมให้ทำผิดศีลข้อที่ 1 คือการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
มัชชวณิชชา หมายถึง การค้าขายน้ำเมา ตลอดจนการค้าสารเสพติดทุกชนิด
วิสวณิชชา หมายถึง การค้าขายยาพิษ ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ รวมทั้งเป็นอันตรายต่อสัตว์
บรรพชิต (นักบวช)สัมมาอาชีวะ หมายถึง การใช้ชีวิตด้วยการบริโภคปัจจัยสี่ อย่างมักน้อย จำเป็น ถ้าเป็นักบวชที่อยู่ด้วยการขอ ต้องรักษาปัจจัยสี่ของทายกอย่างดี เพื่อให้คุ้มค่าต่อผู้ให้ ไม่เบียดเบียน และไม่เสพสิ่งที่นอกเหนือจากปัจจัยสี่โดยไม่จำเป็นเช่นกามคุณ 5 เพราะแม้ไม่เสพกามคุณ มนุษย์ก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ สัมมาอาชีวะของผู้บวชคือไม่เสพบริโภคเกินจำเป็น เช่น ดูการละเล่น แต่งตัว เป็นต้นตลอดจนยาเสพติด เพราะไม่ได้มนุษย์เติบโตมาได้เพราะบริโภคยาเสพติด แต่เพราะบริโภคข้าวและอาหาร
[แก้]อ้างอิง
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์".
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม".
สัจจบรรพ มหาสติปัฏฐานสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 9:18 pm
โดย สามัญชน
ทีนี้ถัดจากเรื่องบาปแล้ว ผมขออณุญาตคุยเรื่งบุญควบไปด้สยนะครับ
บางคนทำบุญมาก บางคนน้อย.
บางคนทำบาปมาก บางคนน้อย
แต่ปุถุชนทุกคนล้วนทำทั้งบุญและบาป
ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ผมเชื่อเช่นนั้น
เลยมาคิดแบบวีไอว่า
วีไอเราซื้อหุ้น undervalue มาก
ขณะเดียวกันก็ขายหุ้นที่ undervalue น้อยๆ หรือ overvalue
ทำอย่างนี้บ่อยๆ. พอร์ทเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ
แล้วเรื่องบุญและบาปเราจะใช้วิธีของวีไอดีไหม
ถ้าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้บุญมากกว่าบาปเยอะ. เราก็ทำ
ให้บาปมากกว่า. เราก็ไม่ทำ
ให้บุญหรือบาปนี้ นับรวมถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ. พอร์ทบุญเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ
ถามว่าเรามีวิธี valuation อย่างไรว่า อันนี้บุญเยอะบุญน้อย. บาปเยอะบาปน้อย
ในเรื่องบุญ. ท่านเรียงลำดับบุญไว้ดังนี้ครับ
1. ทาน ให้อานิสงฆ์มาก. และในบรรดาทานด้วยกันก็ยังมีแบ่งในรายละเอียดอีก. ท่านที่สนใจลองค้นคว้าดูนะครับ
2. ศีล. ให้อานิสงฆ์มากกว่าทานเสียอีก
3. ภาวนา อันนี้มากที่สุดเลย
ส่วนเรื่องบาปก็มีแบ่งระดับตามความหนักและเบาเช่นกัน ลองค้นดูอีกนะครับ
ผมไม่มีประสบการณ์ในทางธรรม
เลยประยุกต์ประสบการณ์ในการลงทุนมาใช้
ไม่ทราบว่าจะถูกหรือผิดอย่างไรบ้างครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 9:45 pm
โดย สามัญชน
มีภิกษุไปถามพระพุทธเจ้าว่า ชาวบ้านถวายอาหารที่มีเนื้อมา จะฉันได้หรือไม่
ท่านก็ตอบว่า.
ถ้าเธอไม่เห็นการฆ่านั้น
ถ้าเธอไม่ได้ยินเสียงร้อง(ของสัตว์นั้น)
ถ้าเธอไม่มีความรังเกียจ
ก็อณุญาตให้ฉันได้
ทีนี้ผมตีความเอาเองต่อว่า
ท่านอณุญาตเพราะท่านต้องการให้สาวกของท่านเป็นผู้เลี้ยงง่าย
ชาวบ้านกินอะไร. ภิกษุก็กินอันนั้น
ไม่อย่างนั้นจะเกิดผลกระทบต่อชาวบ้านโดยตรง
ท่านยังตำหนิการเป็นคนเลี้ยงยากด้วยอีกต่างหาก
ภิกษุฉันเนื้อก็สามารถบรรลุอรหันต์ได้
กระทั่งองคุลีมาลย์ซึ่งไม่ใช่แค่ฆ่าเนื้อ แต่หนักถึงขั้นฆ่าคน และยังฆ่าแล้วฆ่าอีก
เรียว่าผิดศีลซ้ำซาก
แต่เมื่อได้เข้าสู่โหมด ภาวนา ซึ่งมีอานิสงค์สูงกว่าทานและศีล
องคุลีมาลย์ก็สามารถบรรลุอรหันต์ได้
ที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้หวังจะให้สมาชิกมุ่งสู่ภาวนาอย่างเดียวโดยละเลยทานและศีล
เพราะทั้งสามอย่างนี้เกื้อกูลกันและกัน
แต่แม้จะเกื้อกูลกัน ก็ต้องไม่ลืมว่ามีความสำคัญไม่เท่ากัน
องคุลีมาลย์ทำอย่างนั้นได้ อาจจะเป็นเพราะเขาเคยทำบุญมามาก มีอินทรีย์แก่กล้่ามาก่อน
เป็นความสามารถเฉพาะตัว. ห้ามเลียนแบบ. เพราะเราอาจจะอินทรีย์อ่ออนมากก็ได้
:lol:
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 9:52 pm
โดย Tihdnab
ขออนุญาตปันข้อคิดบางประการ ตามความรู้และความเข้าใจ (ที่ยังต้องตรวจทานซ้ำ และใช้วิจารณญาน) เพื่อประกอบการพิจารณา
* ศีล บาป (อกุศลกรรม) และกรรม มีขอบเขตแตกต่างกัน e.g. บางกรณีไม่ผิดศีล แต่เป็นบาปและเป็นกรรม ก็มี
ว่ากันเฉพาะ ศีล
* ศีล คือ ความประพฤติดีทาง"กาย"และ"วาจา"
* รักษาศีล ก็คือ รักษาความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงาม หรือฝึกหัดให้ดียิ่งขึ้นไป
* การรักษาศีล คือการถือเอา รับเอา (สมาทาน) ศีลข้อต่าง ๆ มาเป็นข้อถือปฏิบัติ (อาจจะมีการกำหนดระยะเวลา)
* ลักษณะของวิธีการ"รักษา"ศีล คือ มี"เจตนา"เป็น"เครื่องเว้น"จากการ...xxxx...(เช่น ฆ่า/ทำลายชีวิต)...(กำกับไว้ตามความหมายของศีลว่า "ทางกายและวาจา")
* สมาทานแล้ว ไม่รักษา อาจจะยังไม่ผิด
* ลักษณะของการ"ผิด"ศีล คือ เมื่อมีการถือเอา รับเอา (สมาทาน) ศีลข้อต่าง ๆ แล้ว ไม่ได้รักษา (คือ ขาดเจตนาเป็นเครื่องเว้น) และต้องมีการ...xxxx...(เช่น ฆ่า/ทำลายชีวิต) สำเร็จเสร็จสิ้น complete ทางกาย หรือแม้แต่ทางวาจา
เกร็ด:
* ผิดศีลข้อ ปาณาฯ ทางวาจา: เช่น นาย A สมาทานศีล 5 กำหนด 5 วัน แล้วระหว่าง 5 วันนั้น ได้บอกให้นาย B ไปยิงนาย C ให้ตายด้วยปืน ภายในคืนนี้ นาย B complete mission ตามนาย A บอกเป๊ะ อย่างนี้ นาย A ผิดศีล
* ในกรณีข้างต้น เคยได้ฟังผู้รู้อธิบายอย่างพิศดารลงรายละเอียดว่า นาย A อาจจะไม่ผิดศีล ถ้านาย B ไม่ได้ฆ่าด้วยปืน หรือนาย B ไม่ได้ฆ่านาย C ภายในคืนนั้น หรือนาย C ไม่ตาย เป็นต้น
Key words:
สมาทานศีล, รักษาศีล, ผิดศีล, ทางกายและทางวาจา
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 9:58 pm
โดย เด็กใหม่ไฟแรง
แล้วเรื่องบุญและบาปเราจะใช้วิธีของวีไอดีไหม
ถ้าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้บุญมากกว่าบาปเยอะ. เราก็ทำ
ให้บาปมากกว่า. เราก็ไม่ทำ
ให้บุญหรือบาปนี้ นับรวมถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ. พอร์ทบุญเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ
พี่หมอครับ
ผมคิดว่ากรรมไม่สามารถหักล้างหักลบกลบหนี้กันได้เหมือนทรัพย์สินทางโลกนะครับ
ขออภัยด้วยครับหากผิดพลาด
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 10:35 pm
โดย สามัญชน
เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:แล้วเรื่องบุญและบาปเราจะใช้วิธีของวีไอดีไหม
ถ้าการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้บุญมากกว่าบาปเยอะ. เราก็ทำ
ให้บาปมากกว่า. เราก็ไม่ทำ
ให้บุญหรือบาปนี้ นับรวมถึงผลกระทบที่ตามมาด้วย
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ. พอร์ทบุญเราก็โตขึ้นเรื่อยๆ
พี่หมอครับ
ผมคิดว่ากรรมไม่สามารถหักล้างหักลบกลบหนี้กันได้เหมือนทรัพย์สินทางโลกนะครับ
ขออภัยด้วยครับหากผิดพลาด
คือผมหมายถึงการกระทำเดียวแต่ส่งผลให้ทั้งบุญและบาปน่ะครับ
คือนับรวมถึงผลกระทบที่ตามมาด้วยแบบ butterfly effect เพราะเหตุการณ์ที่เกิดโดดๆ และไม่ส่งผลกระทบอะไรเลยนั้น. การตัดสินใจก็ไม่ยากมาก
อย่างเช่น. ถ้าผมจะฆ่าไก่เพื่อนำมาถวายพระ
แบบนี้แปลว่าผมผิดศีลศีลข้อ1 (สมมติว่าผมรับสมาทานศีลและตั้งใจรักษาศีลตามที่พี่บัณฑิตว่าไว้)
ผมเป็นวีไอ. ผมย่อมไม่ทำ เพราะบาปย่อมตกกับผมแนในการฆ่าไก่ ในขณะที่บุญจากการถวายพระคือ การให้ทาน ซึ่งดูแล้วไม่คุ้มกันและไม่วีไอ บุญนี้ผมไม่เอาก็ได้
แต่ถ้าเหตุการณ์นี้ไปเกิดในป่าลึกและพระอดอาหารมาหลายวันและผมก็ไม่มีอาหารอย่างอื่นนอกจากไก่(สมมตินะครับ)
อย่างนี้ผมย่อมเลือกที่จะฆ่าไก่และรับบาปไป. เพราะไม่อย่างนั้นเท่ากับผมฆ่าพระ
แม้ผมจะไม่ได้ฆ่าพระโดยตรง แต่ก็ถือว่าฆ่าโดยอ้อม
ซึ่งคิดว่าเป็นบาปกว่าฆ่าไก่เสียอีก
หรือต่อให้ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้. ไม่ฆ่าไก่. ทำเป็นมองไม่เห็นพระ. แต่ถ้าพระมรณภาพขึ้นมา. ผมก็ว่าผมต้องรับบาปอยู่ดี
ผมอาจจะยกตัวอย่างได้ไม่ดี. มีท่านใดจะช่วยไหมครับ. แบบว่าผมต้องการสื่อว่าเราเลือกกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงกว่าน่ะครับ และก็ทราบด้วยว่าบาปและบุญเอามหักลบกันไม่ได้
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 11:13 pm
โดย สามัญชน
ปล.การที่พระพุทธเจ้าอณุญาตให้ภิกษุฉันเนื้อได้
การตัดสินใจครั้งนี้ก็มีผลกระทบทั้งสองทาง
แต่ท่านพิจารณาดีแล้วว่า การตัดสินใจแบบนี้ดีกว่าบังคับให้ฉันเฉพาะมังสวิรัติอย่างเดียว
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 11:30 pm
โดย naris
พี่หมอขอให้ยกตัวอย่าง อย่างนี้ถ้าช่วยถือว่าได้บุญใช่ไหมพี่ เอาตัวอย่างใกล้ๆตัวพี่แล้วกันนะครับ
เช่น หมอโกหกคนไข้ที่ใกล้ตายว่าท่านยังอยู่ได้อีกหลายเดือนครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 12, 2010 12:08 am
โดย Tihdnab
สามัญชน เขียน:
.....
ผมอาจจะยกตัวอย่างได้ไม่ดี. มีท่านใดจะช่วยไหมครับ. แบบว่าผมต้องการสื่อว่าเราเลือกกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงกว่าน่ะครับ และก็ทราบด้วยว่าบาปและบุญเอามหักลบกันไม่ได้
"เราเลือกกระทำสิ่งที่มีคุณค่าสูงกว่า"
ก็ชัดเจนดี โดยไม่ต้องมีตัวอย่าง (ก็ได้)
หมอโกหกคนไข้ที่ใกล้ตายว่าท่านยังอยู่ได้อีกหลายเดือน
ตัวอย่างนี้ classic ดีครับ ขอจำไปใช้
ว่ากันว่า เรื่องกรรมเป็นหนึ่งในเรื่องที่เกินวิสัยของคนธรรมดาจะเข้าใจ
แต่ผลของกรรมดี/ชั่ว หักลบกัน (เกือบจะได้) ก็พอมีตัวอย่างประกอบ
สมมตินาย A (ใครชื่อ A ขอโทษด้วย) ฆ่าสัตว์และให้ทานเป็นประจำ (ฆ่าสัตว์ ผล เจ็บป่วย อายุสั้น, ให้ทาน ผล มีทรัพย์มาก)
เกิดมาชาิติหนึ่ง ผลของกรรมทั้งสอง ส่งผลพร้อมกัน ป่วยเป็นโรคร้ายและมีทรัพย์มาก จึงใช้ทรัพย์หาหมอ รักษาด้วยยาราคาแพง รักษาได้ ก็ยืดอายุไปได้อีก อย่างนี้จะว่าหักลบกันก็ไม่ได้ เพราะนาย A ก็ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแล้ว ซึ่งเป็นผลของการฆ่าสัตว์
แต่สมมติว่านาย A ทั้งฆ่าสัตว์และปล่อยหอยขมเป็นประจำ ทีนี้หล่ะ...จะเป็นยังงัย...งงกันเลยทีเดียว...
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 12, 2010 6:18 am
โดย เด็กใหม่ไฟแรง
ว่ากันว่า เรื่องกรรมเป็นหนึ่งในเรื่องที่เกินวิสัยของคนธรรมดาจะเข้าใจ
แต่ผลของกรรมดี/ชั่ว หักลบกัน (เกือบจะได้) ก็พอมีตัวอย่างประกอบ
สมมตินาย A (ใครชื่อ A ขอโทษด้วย) ฆ่าสัตว์และให้ทานเป็นประจำ (ฆ่าสัตว์ ผล เจ็บป่วย อายุสั้น, ให้ทาน ผล มีทรัพย์มาก)
เกิดมาชาิติหนึ่ง ผลของกรรมทั้งสอง ส่งผลพร้อมกัน ป่วยเป็นโรคร้ายและมีทรัพย์มาก จึงใช้ทรัพย์หาหมอ รักษาด้วยยาราคาแพง รักษาได้ ก็ยืดอายุไปได้อีก อย่างนี้จะว่าหักลบกันก็ไม่ได้ เพราะนาย A ก็ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแล้ว ซึ่งเป็นผลของการฆ่าสัตว์
แต่สมมติว่านาย A ทั้งฆ่าสัตว์และปล่อยหอยขมเป็นประจำ ทีนี้หล่ะ...จะเป็นยังงัย...งงกันเลยทีเดียว..
ผมว่าผลของกรรม จะส่งผลเป็นกรณีๆไปครับ ไม่ส่งผลพร้อมๆกันแบบหักลบกันครับ
ตอบแบบคนไม่รู้ปริยัตินะครับ
หมอโกหกคนไข้ที่ใกล้ตายว่าท่านยังอยู่ได้อีกหลายเดือนครับ
ถ้าผมเป็นคนไข้ ผมคงขอให้หมอพูดความจริงกับผมครับ เพราะ
1. หมอไม่ต้องโกหก โดยเฉพาะถ้าเป็นพี่หมอสามัญชน :lol: :lol:
2. ผมอยากรู้และมีเวลาเตรียมตัวครับว่าความตายกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
ขอบคุณตัวอย่างพี่นริศนะครับ
การลงทุนหุ้นกับศีล5
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 12, 2010 7:49 am
โดย Ii'8N
จำได้ว่าเคยมีพระสอน ว่าบางทีเราก็ต้องโกหก แต่ด้วย "สัมมาทิฐิ" ตัวอย่างคุณนริศข้างต้นเป็นตัวอย่างหนึ่ง เพราะถ้าพูดความจริืงตรงๆ ไปทันที คนไข้บางคนอาจช็อคคาเตียง หรือเสียกำลังใจ
คนที่มีกำลังใจสู้ต่อ จะอยู่ได้อีกนานมาก
ถ้าบอกตรงๆ เลย บางคนแทนที่จะอยู่ได้อีกห้าหกเดือน อาจตายตอนนั้น
หรือหมดกำลังใจ "ทรุด" ตายภายในไม่กี่วันก็ได้ เพราะกำลังใจสำคัญกับคนป่วย เรื่องนี้สำคัญนะครับ ส่วนใหญ่ในทางปฏิบัติต้องให้ญาติหรือสามี-ภรรยาตัดสินใจเพราะจะรู้ดีที่สุด ว่าคนไข้เป็นคนอย่้างไร บางคนจะไม่บอกเลย เพราะญาติๆ รู้ว่าที่ผ่านมาเขาเป็นคนรับความจริงไม่ได้ หรือบางคนก็ค่อยๆ บอกทีละนิด เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ
ที่พูดมาเพราะเห็นเพื่อนผม ที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้า่ยไม่ทันตั้งตัว มีลูกกำลังน่ารัก 2 คนที่ต้องเป็นภาระให้ภรรยาดูแลต่อ กว่าญาติจะให้รู้ความจริง ก็จนไม่ไหวแล้วจริงๆ
แต่ตัวอย่างที่พระยกมาให้ฟังนั้น ท่านบอกว่าสมมติมีชาย 2 คนไล่ฆ่ากันอยู่ ไม่ได้สนใจ ว่าใครเป็นคนดีคนร้าย รู้แต่ว่้าอีกคนกำลังหนี และอาจไม่รอดชีวิตแน่ๆ คนหนีผ่านหน้าพระไป คนตามก็วิ่งมาผ่านพระแล้วถามว่าท่านเห็นคนหนีมาทางนี้ไหม แล้วหนีไปทางไหน
ถ้าไปบอกชัดเจน มัวแต่เคร่งครัดเรื่องไม่โกหก แต่ทำให้เกิดการฆ่ากัน อย่างหลังบาปกว่า จึงต้องเลือกทำสิ่งที่บาปน้อยกว่า
ฝรั่งเขามีคำเฉพาะเลย ไม่ใช่ศัพท์ยากอะไร ผมได้ยินคนพูดคนแรก (จากในทีวีหรือหนังสืออะไรสักอย่าง) คือ ศ.คุณหญิงจินตนา ยศสุนทร ท่านบอกว่า แบบนี้ ฝรั่งเรียกว่า "White lie" จะแปลตรงๆ ว่า "โกหกขาว" ก็อาจพอได้ แต่ความหมายคือโกหก ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ดีกว่าพูดตรงแล้ว เกิดเรื่องหนักกว่า
ในชีวิตประจำวัน เกิดขึ้นอยู่แล้วเราไม่รู้สึกตัว คือจำเป็นต้องไม่พูดความจริง เพื่อรักษาความรู้สึกอีกฝ่าย อย่างเช่น มีเพื่อนอ้วนตุ้ยนุ้ย กำลังลดน้ำหนัก แต่ก็ขาดความมั่นใจ เมื่อเขาถามความเห็นว่าช่วงนี้เขาเป็นอย่างไร
อาจจะบอกไปว่า เออ...เห็นบอกว่าลดน้ำหนักเป็นการใหญ่ ควบคุมอาหารด้วย หน้าตาสดใสขึ้น แสดงว่าควบคุมได้ดี ดูเหมือนจะผอมลงได้จริงนะ
เท่านี้ เพื่อนก็จะมีกำลังใจในการทำการลดน้ำหนักต่อไป
แต่ถ้าคุณจะทำร้ายความรู้สึกเพื่อน ด้วยการบอกเขาตรงๆ หรือว่า เอ็งกำลังอ้วนน่าเกลียดว่ะ ตายแล้วเกิดใหม่เอ็งก็ยังไม่มีทางลดได้...คงได้ศัตรูเพิ่มขึ้นมาในชีวิตอีกคน