Thai VI

มีบทความตอนหนึ่งของอ.นิเวศน์ที่ชื่อว่า "มรดกหุ้น มรดกรัก" ซึ่งอ.ได้สรุปไว้ว่าหุ้น เป็นทรัพย์สินที่ดีที่พ่อแม่สามารถตกทอดเป็นมรดกให้แก่ลูกๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหุ้นที่ตกทอดเป็นมรดกนั้นเป็นการกลั่นกรองที่เข้าหลักเกณฑ์การลงทุนเน้นคุณค่ามาแล้วด้วย การโอนหุ้นเป็นมรดกสามารถแบ่งสันปันส่วนกันได้ง่าย สะดวก(ในกรณีที่มีลูกหลายคน) มรดกหุ้นสามารถให้ผลตอบแทนได้ทันทีในรูปของเงินปันผล และจะมีมูลค่าเติบโตขึ้นในอนาคตตามการเติบโตของกิจการที่รุ่นพ่อแม่ได้คัดกรองมาแล้ว

ไอเดียของอ.นิเวศน์ถือว่าโดนใจสำหรับตัวผมมาก ถ้ามองไปอีกขั้นหนึ่งในเมื่อตัวผมเอง ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่าแนวทางการลงทุนแบบวีไอ มีความเหมาะสมและได้รับผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมจริง ถ้าเราต่อยอดโดยการมอบความรู้ให้ลูกๆของเราสามารถนำเอาไปปกปักรักษาดูแลพอร์ตลงทุนที่รุ่นพ่อแม่ได้ตกทอดไว้ให้ น่าจะเป็นการดีกว่าที่จะตกทอดทรัพย์สินเป็นหุ้นเพียงอย่างเดียว

ปัญหาก็คือเท่าที่ผมทราบมาการลงทุนแบบวีไอนั้น มันไม่มีเบ้าหลอมสำเร็จรูป อยากเป็นวีไอ  ก็ต้องศึกษาแนวทางการลงทุนแบบวีไอ(จากหนังสือ เว็บบอร์ด) ซึ่งยังไม่มีสถาบันใดๆในประเทศหรืออาจจะในโลกนี้เปิดสอนกันเป็นเรื่องเป็นราว

เกริ่นมาซะยาว เลยอยากขอไอเดียครับ อยากบ่มฟักให้ลูกของเราให้เป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า ควรเน้นการศึกษาพื้นฐานในสายใดครับ เพื่อให้เขาได้นำความรู้พื้นฐานมาต่อยอดศึกษาการลงทุนเพิ่มเติม

-เศรษฐศาสตร์
-บริหารธุรกิจ
-บัญชี
-วิทยาศาสตร์
-ศิลปศาสตร์ etc.

เคยดูในมันนี่ชาแนล คุ้นๆว่าเซียนเต่าเคยบอกไว้ว่าตอนปริญญาตรีควรเรียนกว้างๆเป็นความรู้ทั่วไป เช่น เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ (ผมจำได้วิชาเดียว)
แล้วค่อยไปเน้นๆแนวทางเฉพาะตอนปริญญาโท ถ้าจำผิดก็ขออภัยด้วยครับ แต่เหมือนผมเคยได้ยินมาอย่างนั้น

ตอนเกรแฮมยังไม่ตายสอนกันที่โคลัมเบีย
ตอนนี้ไม่รู้แต่ในบทนำหนังสือบอกว่า secutity analydisใช้สอนกันอยู่แต่ไม่รู้ อนที่ไหนคับ

jek ae เขียน:เกริ่นมาซะยาว เลยอยากขอไอเดียครับ อยากบ่มฟักให้ลูกของเราให้เป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า ควรเน้นการศึกษาพื้นฐานในสายใดครับ เพื่อให้เขาได้นำความรู้พื้นฐานมาต่อยอดศึกษาการลงทุนเพิ่มเติม

-เศรษฐศาสตร์
-บริหารธุรกิจ
-บัญชี
-วิทยาศาสตร์
-ศิลปศาสตร์ etc.

ไม่รู้ว่าตอบได้หรือเปล่า เพราะยังไม่มีลูก แต่อยากจะบอกว่าลูกจะเรียนอะไรก็ต้องปล่อยเขาเรียนไปครับ ความรู้โดยเฉพาะที่สามารถหางานหาเงินได้เป็นทรัพย์สมบัติที่ดีที่สุดที่พ่อแม่จะให้ลูกได้ครับ ผมบอกอย่างนี้เพราะว่าความรู้พวกนี้ติดตัวไปแล้ว ใครก็แย่งมาไม่ได้ น้ำท่วม หรือไฟไหม้ พอกลับมาทำงานได้ก็ทำเงินได้อีกครับ

ในทางกลับกัน ถ้าอยากจะสอนเองจริงๆ สอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน การตีความตีราคาทรัพย์สิน การวางแผนทางการเงินต่างๆ เรื่องพวกนี้คณิตศาสตร์ระดับประถมหรืออย่างมากมัธยม ใครๆก็เรียนรู้ได้ เข้าใจได้ครับ

สอนทายาทให้บริหารจัดการความมั่งคั่งผ่านหนังสือ รูปไม่หล่อ พ่อไม่ดัง ก็มั่งคั่งได้

Posted on Thursday, October 28, 2010
นายธีระ ภู่ตระกูล ผู้ก่อตั้ง JT Financial Planners กล่าวผ่านรายการ Smart Money ว่า ผลการศึกษาในเรื่องการรักษาความมั่งคั่งของประชากรในสหรัฐฯและออสเตรเลีย พบว่า ความมั่งคั่งของบุคคลหนึ่ง ๆ มักจะสิ้นสุดลงภายในรุ่นที่ 3 หรือรุ่นหลาน จึงต้องการให้คนไทยเห็นความสำคัญของการบริหารความมั่งคั่ง เพื่อให้สามารถรักษาความมั่งคั่งสืบต่อไปยังรุ่นลูกหลานได้  

สำหรับการมอบมรดกให้กับผู้สืบทอดของครอบครัว ก็อาจเรียกได้ว่าเป็นดาบ 2 คม โดยหากผู้สืบทอดไม่มีความรู้ในการบริหารจัดการทรัพย์มรดก ก็จะทำให้หมดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่หากพ่อแม่ได้มอบความรู้ในการบริหารจัดการมรดกไปให้ด้วย ก็จะทำให้สามารถจัดการกับมรดกที่ได้รับได้เป็นอย่างดี

สำหรับหนังสือ รูปไม่หล่อ พ่อไม่ดัง ก็มั่งคั่งได้ จะมีเนื้อหาตั้งแต่การสร้างความมั่งคั่งไปจนถึงการส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาท รวมถึงการบริหารความเสี่ยงในการจัดการเงิน และการวางแผนเกษียณอายุ เป็นต้น ซึ่งสามารถอ่านได้ทุกเพศทุกวัย และจะเปิดตัวครั้งแรกในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 11 (Bookexpo Thailand 2010) ที่ Hall A ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม 2553 เวลา 16.00 น.
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Sma ... fault.aspx

มีขายที่ซีเอ็ดไหมครับ เล่มนี้ กำลังจะอ่านหาวิธีสวนลูกให้เป็นนักลงทุนวีไอเหมือนกัน

ขอบคุณครับ น่าสนใจครับหนังสือเล่มนี้

สอนลูกให้มีศิลปะการอดออมครับ พื้นฐานที่สำคัญที่ซู้ด

สอนลูกให้ประหยัด ไม่ขี้เหนียว ไม่สุรุ่ยสุร่าย ได้ก็โอแล้ว
ที่เหลือให้ลูกดำเนินชีวิตไปตามที่ต้องการ
หากมาขอคำปรึกษายินดีทุกเรื่อง  :lol:

jek ae เขียน: -เศรษฐศาสตร์
-บริหารธุรกิจ
-บัญชี
-วิทยาศาสตร์
-ศิลปศาสตร์ etc.

ตอบแบบกวน ๆ ก็ต้องว่าทุกสายครับ  :lol:


แต่ถ้าเป็นผม คงไม่เน้นความรู้ตอนตอนที่เขายังเด็กครับ

แต่จะเน้นทักษะ ความสามารถ ทัศนคติ ค่านิยม พวกนี้มากกว่า

มันเป็นเหมือนกรอบที่จะให้เขา "เลือก" เอาอะไรมาใส่ลงในตัวของเขา

ความรู้สำหรับคนใฝ่รู้ มันหามาได้ไม่ยากเลยครับ

และนับจากนี้ไป การเข้าถึงองค์ความรู้ต่าง ๆ ยิ่งจะง่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ


ต่างจากทักษะ ความสามารถ ทัศนคติ และค่านิยม

สิ่งเหล่านี้ต้องใช้ความพยายาม และกาลเวลาในการบ่มเพาะ

ไม่สามารถหามาได้ในชั่วงเวลาเพียงข้ามคืน หรือไม่กี่สัปดาห์


ตัวอย่างของอะไรพวกนั้น เท่าที่ผมนึกออกก็เช่นว่า
- Long term orientation
- ความอดทน มานะ และพยายาม

เท่าที่นึกออกตอนนี้ก็มีแค่นี้ครับ

ให้เล่นไพ่จับหมูให้เก่งๆครับ

por_jai เขียน: ให้เล่นไพ่จับหมูให้เก่งๆครับ

งี้พอโตขึ้น จะได้ขายหมูเก่งๆใช่มั้ยครับ :lovl:
ทำกระทู้รกอีกละ ไปดีกว่า

ลูกของผมนังเล็ก  อายุประมาณ  12 - 10 ขวบ

แน่นอนว่าลูกก็รู้ว่าผมทำงานอะไร

สิ่งที่ผมเริ่มสอนให้ลูกรู้ก็เรื่องราวของการทำธุรกิจเบื้องต้นง่ายๆ  ธุรกิจที่ดีเป็นอย่างไร  ถ้าธุรกิจดีแล้ว  ผู้ถือหุ้นได้อะไร

jack_jack เขียน:

por_jai เขียน: ให้เล่นไพ่จับหมูให้เก่งๆครับ

งี้พอโตขึ้น จะได้ขายหมูเก่งๆใช่มั้ยครับ :lovl:
ทำกระทู้รกอีกละ ไปดีกว่า

คนเล่นจับหมูเ่ก่ง
     ต้องมีความจำที่ดีมั่กๆครับ

ขอบคุณทุกท่านสำหรับคำตอบครับ

บทความล่าสุดของอ.นิเวศน์ ก็ได้ให้ไอเดียเกี่ยวกับการฝึกปรือวิชาลงทุนอยู่พอควร ตัวผมเองจบมาทาง pure science เลยต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับเรื่องการเงิน และบัญชีอยู่พอดู โชคดีที่นิสัยทนอ่านทำให้พอทำความเข้าใจเรื่องงบได้บ้าง เอาเป็นว่าขั้นแรกต้องฝึกให้รักการอ่านเยอะๆไว้ก่อนครับ

อีกหน่อยผมจะสอนลูกผมอย่างนี้บ้าง ตอนนี้ 10 เดือน

สิ่งที่สำคัญอันดับแรกๆ  ผมว่า  สถาบันครอบครอบ  ต้องสอนลูกหลานของเรา
     1.เป็นคนมีระเบียบวินัย  รู้จักความอดทน  มีความพยายาม
     2.การใช้ชีวิตประจำวัน  อยู่บนความพอเพียง
     3.สอนลูกหลานให้เป็นคนช่างคิด  และแก้ปัญหาเป็น

     ในความคิดส่วนตัว  น่าจะเป็นพื้นฐานในการจะเป็นนักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จในอนาคตครับ  :)

ส่วนสาขาความรู้  ด้านอื่นๆ  ยิ่งรู้มากสาขา  ผมว่าน่าจะเป็นผลดีต่อการเป็นนักลงทุนแนว  vi  

    อย่างตัวผม  จบมาทางด้านรัฐศาสตร์  นิติศาสตร์  ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์  การเงิน  บัญชี   แทบเป็นศูนย์   พอมาลงทุนแนว  vi  ก็ต้องพยายามศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเอาภายหลัง  การลงทุนก็พอประคองเอาตัวรอด :lol:  :lol:

----------------------------
ความรู้  คู่คุณธรรม