ความหมายของการลดการเติบโตในจีนและการขึ้นดอกเบี้ย

[chatchai]

การที่ผ้บริหารจีนแสดงออกถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ว่าจะต้องลดอัตราการเติบโต และการที่ FED แสดงออกว่าจะต้องมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในรรยะเวลาไม่นานนี้ แสดงถึงอะไรครับ

ทั้งสองสิ่งที่กำลังจะเกิด มีจดหมายเดียวกันคือ ลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ กล่าวคือ ทั้งจีนและสหรัฐมีอัตราการเติบโตที่มากเกินไปแล้ว หรืออาจจะกล่าวได้ว่าสถานะการในอดีตที่ผ่านมาเป็นสถานะการณ์ที่เอื้ออำนวยในการลงทน ค้าขายมากที่สดแล้ว

ต่อจากนี้ไป ถ้าเศรษฐกิจยังดีมากขึ้น จีนและสหรัฐก็จะต้องมาตรการณ์สกัดการเติบโตให้ลดลง

สิ่งเหล่านี้แน่นอนว่าจะต้องกระทบต่อเศรษฐกิจของโลกแน่นอน รวมทั้งไทยด้วย

การที่ผ้บริหารของประเทศออกมาพดว่าจะกระทบไทยน้อยมาก เพราะเราส่งออกให้จีนเพียงเล็กน้อยนั้น ก็เหมือนทกครั้งที่ประเทศกำลังจะประสบปัญหา ซึ่งไม่เคยพดในแง่ร้ายให้นักลงทนหรือประชาชนระวังตัวไว้ก่อน เหมือนตอนก่อนเกิดวิกฤตปี 40 ก็มีแต่คนคอยปลอบใจ ไม่มีใครพดความจริง

การที่จีนลดการเติบโตอาจจะส่งผลกระทบต่อไทยทางตรงไม่มาก โดยจะส่งผลกระทบอย่างมากแก่ เกาหลีใต้ ญี่ป่น ไต้หวัน เป็นอย่างมาก แต่นั้นก็ย่อมทำให้เกิดผลกระทบทางอ้อมแก่ไทยแน่นอนครับ เพราะการที่เศรษฐกิจทั้ง 3 ประเทศถกกระทบอย่างมาก การค้าขายกับไทยต่อ 3 ประเทศย่อมลดลงด้วย เหมือนตอนเกิดวิกฤตที่ไทย ทำไมเกาหลีใต้ รัสเซีย ถึงได้รับผลกระทบด้วยละครับ

การลงทนในตลาดหลักทรัพย์ไทยต้องระวังตัวให้มาก อย่าเชื่อนักวิเคราะห์ ผ้บริหารรัฐบาล ผ้บริหารธนาคารประเทศไทย ให้มากนัก คอยถามตัวเองว่าถ้าไม่กระทบ ทำไมต่างชาติถึงได้ขายไม่หยด

คนที่ผ่านประสบการณ์ปี 40 มาแล้วจะร้ดีครับว่าเราควรจะเชื่อใคร สมัยนั้นใครเชื่อรัฐบาลก็หมดตัวครับ

สิ่งที่น่ากลัวที่สดตอนนี้ก็คือ การที่จีนและสหรัฐต้องออกมาตรการณ์ที่เข้มงวดมากๆถึงจะหยดยั้งการเติบโตได้ ซึ่งบางครั้งอาจจะสายเกินไป และหลายครั้งที่เราทราบถึงปัญหาแต่การแก้ไขก็ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ เหมือนตอนไทยปี 40 ที่ใครๆก็ทราบว่าจะแก้ไขที่จดไหน พยายามทำเต็มกำลัง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทันถ่วงที

การที่ราคา Commodity ต่างๆยังไม่ลดลงมากนัก อาจจะเป็นข่าวดีระยะสั้นของบางบริษัทเพราะคิดว่าผลการดำเนินงานยังคงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ถ้าคิดอีกด้านอาจจะแสดงว่าจีนยังคงไม่ลดความร้อนแรงลงก็ได้ ซึ่งจีนก็คงต้องออกมาตรการณ์ที่เข้มขึ้นออกมาอีก

[อินเดีย]

ผลกระทบนี้ น่าจะส่งผลไปทั่วโลก แล้วแต่ละประเทศมากน้อยแค่ไหน

กระทบโดยตรงโดยอ้อม

ส่วนผลกระทบจากนโยบายน่าจะเห็นชัดปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า