Thai VI

ผมอยากให้พี่ ๆ ในเวปนี้ ช่วยแชร์ความคิดหน่อยนะครับว่า
หุ้นที่เราจะซื้อมันถูกหรือแพงกว่ามูลค่าจริง ดูอย่างไรกันบ้างครับ

ึคือหุ้นบางตัวผมคิดว่าพื้นฐานดีนะครับแต่ไม่รู้ว่าถ้าซื้อที่ราคานี้
จะแพงไปมั๊ย ใช้หลักการอะไรมาคิดครับว่าแพงหรือไม่แพงไป

ขอบคุณครับ

ปล. ฉลองครบรอบการลงุทนแบบ vi ครบ 1 ปี พอดีๆ ครับ
(รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง ...)

ราคาถูกหรือแพง ถูกเมื่อเทียบกับความเสี่ยง และมีผลตอบแทนชนะตลาด
คือต้องรู้ก่อนว่าเราลงทุนแล้วเสี่ยงกับอะไร เข้าใจมันมากจริงไหม
แล้วสุดท้ายก็มาดูผลตอบแทนที่จะได้ว่าคุ้มไหม

วิธีที่ผมฝึกใช้อยู่

เริ่มจากการประเมินมูลค่าหุ้นที่เราสนใจจะลงทุนคร่าวๆเอาไว้ครับ
เช่น หุ้น A เราประเมินให้ PE 10 เท่า
จากนั้นลองประเมิน EPS ในอนาคต เช่น อีก2 ปีข้างหน้า สมมุติว่าได้ 0.2 บาท/หุ้น
ราคาเหมาะสมในอีก2ปี คือ 10*0.2 เท่ากับ 2 บาท
สมมุติหุ้น A วันนี้ราคา1.5 บาท
แสดงว่าหุ้นตัวนี้ยังมีอัพไซด์(ยังถูกอยู่) 33 เปอร์เซ็นต์
ถ้าผมพอใจที่ผลตอบแทนไม่รวมปันผลที่ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์/ปี
ผมก็ซื้อเก็บไว้เนื่องจากมันยังถูกสำหรับผม

แต่หากปัจจุบันราคาหุ้นอยู่ที่ 1.8 บาท แสดงว่ามีอัพไซด์แค่ 11เปอร์เซ็นต์
ซึ่งผมคิดว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยงลงทุน ผมถือว่าหุ้นตัวนี้แพงไปสำหรับผม
ผมก็ไปหาตัวอื่นต่อหรือรอราคาให้มันลงมาเท่าที่ผมพอใจ
ผมค่อยเข้าไปซื้อ แล้วรอให้ราคาสะท้อนมูลค่าที่ประเมินได้เอาครับ

ลองดูน๊ะครับแรกๆจะงงในการประเมินมูลค่านิดๆ แต่พอลองฝึกดูจะทำให้เราได้เรียนรู้หัวใจ
ของการลงทุนที่ผมว่าสำคัญมากข้อหนึ่ง
และทำให้เราลงทุนได้อย่างมีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยครับ

ปล.ผมก็ยังอยู่ในช่วงลองผิดลองถูกอยู่ครับ ถูกผิดประการณ์ใดพี่ๆโปรดแนะนำด้วยน๊ะครับ

เม่าว่ามันเป็นศิลปะ มากๆ เลยล่ะฮ๊าฟฟฟฟ

densin เขียน:ราคาถูกหรือแพง ถูกเมื่อเทียบกับความเสี่ยง และมีผลตอบแทนชนะตลาด
คือต้องรู้ก่อนว่าเราลงทุนแล้วเสี่ยงกับอะไร เข้าใจมันมากจริงไหม
แล้วสุดท้ายก็มาดูผลตอบแทนที่จะได้ว่าคุ้มไหม

saichon เขียน:วิธีที่ผมฝึกใช้อยู่

เริ่มจากการประเมินมูลค่าหุ้นที่เราสนใจจะลงทุนคร่าวๆเอาไว้ครับ
เช่น หุ้น A เราประเมินให้ PE 10 เท่า

เราจะประเมินพีอีในอนาคตยังไงอ่ะครับ ว่าต่อไปจะเป็นเท่าไหร่

B.wisarut เขียน:

saichon เขียน:วิธีที่ผมฝึกใช้อยู่

เริ่มจากการประเมินมูลค่าหุ้นที่เราสนใจจะลงทุนคร่าวๆเอาไว้ครับ
เช่น หุ้น A เราประเมินให้ PE 10 เท่า

เราจะประเมินพีอีในอนาคตยังไงอ่ะครับ ว่าต่อไปจะเป็นเท่าไหร่

คุณB.wisarutลองอ่านดูในกระทู้พวกนี้เอาน๊ะครับ เช่น
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... sc&start=0
เป็นต้นครับ

นอกจากนี้พี่ๆในเวปเคยแนะนำผมเกี่ยวกับปัจจัยในการให้ PE เพิ่มเติมไว้ว่า

1.ถ้ามี story พีอีก็สูงได้
2.งบดี พีอีก็สูง
3.ปันผลดี พีอีก็สูง
4.มีการเติบโตสูง พีอีสูง
5.มี barrier พีอีสูง
6.ผู้บริหารให้ข่าวบ่อยๆ พีอีสูง
ถ้าตรงกันข้ามก็พีอีต่ำนะ..

จากนั้นลองฝึกประเมินเองเอาครับ
แต่ละคนจะให้ PE ไม่เท่ากันแป๊ะๆหรอกครับ แต่ถ้าเราฝึกไปเรื่อยๆ
เราจะพอเห็นภาพคร่าวๆ เช่น กลุ่มค้าปลีก/กลุ่มโรงพยาบาล เค้าอาจจะให้กันถึง 15 เท่า
หุ้นกลุ่มรับเหมาจะให้กัน6-7เท่า เป็นต้นครับ

ลองฝึกดูน๊ะครับ

อยู่ที่ใจ margin of satisfaction ดังเฮียเอนโดว่าไว้

ผมมองว่าขึ้นกับการเติบโตของบริษัท และระยะเวลาที่เราคาดหวังด้วยครับ
ถ้าเรามองเปรีบเทียบระหว่างถือลงทุนระยะยาว ซักสามปีห้าปีข้างหน้า กับกะว่าจะถือปีสองปี หุ้นถูกหุ้นแพงก็แตกต่างกันอีกครับ

อีกอย่าง หุ้นที่มีข่าวร้ายชั่วคราวแล้วเกิดการขายแบบ Panic Sell แต่พื้นฐานหุ้นดี แถมมีการเติบโต ผมมองว่าน่าสนใจครับ เช่น ...

ถ้าแบบมาตราฐาน
ความเสี่ยงกับผลตอบแทน คุณเลือกเป็นคนไหน
1. Risk Seeker
2. Risk Averse
3. Risk Neatural

เมื่อรู้ตัวเอง ก็ต้องรู้ว่า ประเมินหลักทรัพย์อย่างไง
ใช้อดีต ส่องปัจจุบันแล้วไปสู่อนาคต
หรือ ใช้ปัจจุบันเลย หรือ เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น