สุขสันต์วันเกิด 80 ปี วอร์เรน บัฟเฟตต์
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 14, 2010 11:21 am
นักลงทุนระดับตำนาน วอร์เรน บัฟเฟตต์ มีอายุครบ 80 ปี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2553 ที่ผ่านมา อายุขนาดนี้หลายๆ คนอาจเลิกทำงานไปหลายปีแล้ว แต่บัฟเฟต์ยังดูเหมือนว่าเขายังคงสนุกกับงานที่เบิร์คไซน์มากขึ้นทุกวัน ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2007 เขาเขียนในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่าเขาคาดว่าตนเองคงมีอายุไปได้อีกสีก 12 ปีนับจากวันนั้น ประเมินคราวๆ ว่า เขาคงอยู่ได้ถึงอายุ 88 ปี แต่หลายคนที่ใกล้ชิดกับเขาคิดเหมือนกันว่าเขาเก่งขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุและไม่มีแนวโน้มว่าเขาจะเลิกทำงานแต่อย่างใด
บัฟเฟตต์ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า "วางแผนที่จะทำงานจนอายุเลย 100 ปี แต่ถ้าจะทำอย่างนั้นได้คงต้องเรียนรู้ที่หัดคิดอะไรนอกกรอบมากๆ" เขาไม่คิดที่จะเกษียณอายุการทำงานเพราะรักงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับบัฟเฟตต์จริงๆ คณะกรรมการของบริษัทเบิร์คไซน์มีหน้าที่ประกาศตำแหน่งซีอีโอคนใหม่มาแทนเขา ในการบริหารงานและผู้บริหารอีกคนที่มาดูแลด้านการลงทุน ปัจจุบันมีผู้ถูกวางตัวอยู่ "สามคน" ที่จะมาทำหน้าที่แทนบัฟเฟตต์ได้ หนึ่งในนั้นคือ เดวิค โซคอล (David Sokol) ผู้บริหารของบริษัทมิดอเมริกันเอเนอยี่ (MidAmerican Energy Holding) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเบิร์คไซน์ในปัจจุบัน
ในส่วนของผู้บริหารเงินลงทุนยังไม่มีความชัดเจนเท่าไรว่าใครจะเป็นผู้มาแทน บัฟเฟตต์ การขาดแผนที่ชัดเจนในการหาผู้มาแทนเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงสำคัญของ บริษัทในการดำเนินงานให้มีผลประกอบที่ดีเยี่ยมเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ปี 1965-2009 เบิร์คไซน์ทำผลตอบแทนได้เฉลี่ยปีละ 20.3% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี (S&P 500) มีผลตอบแทนเพียง 9.3%
ชาร์ลี มังเกอร์ คู่หูของบัฟเฟตต์และผู้ช่วยประธานกรรมการเบิร์คไซน์เคยถูกคาดหมายว่าจะเป็น ผู้มาดำรงตำแหน่งแทนบัฟเฟตต์ แต่ปัจจุบันชาร์ลีมีอายุ 86 ปีแบ้ว ซึ่งมากกว่าบัฟเฟตต์เสียอีก ตัวแทนอีกคนที่เคยถูกคาดหมายว่าจะมาทำหน้าที่แทนบัฟเฟตต์ คือ ลู ซิมป์ สัน (Louis Simpson) ผู้ทำหน้าที่บริหารเงินลงทุนของบริษัทไจโค (Geico insurance) แต่ปัจจบุนลูตัดสินใจเกษียณอายุจากการทำงานในปลายปีนี้เขาอายุ 73 ปีน้อยกว่าบัฟเฟตต์ไม่มาก
บัฟเฟตต์ กล่าวว่า เขาคงไม่สามารถยืดเวลาทำงานของลูไปได้มากกว่านี้เพราะเป็นการตัดสินใจของลู เอง แต่เขาก็ยังหวังว่าลูจะเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย บัฟเฟตต์กล่าวว่าคงต้องนำเงินลงทุนจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ของไจโคมารวมกับเงินลงทุนขนาด 5 หมื่นล้านดอลลาร์ของเบิร์คไซน์
ผู้ที่ถูกคาดหมายว่าจะมาทำหน้าที่แทนบัฟเฟตต์ในเรื่องของการบริหารเงินลงทุน อีกคนคือ ลี ลู (Li Lu) อดีตนักศึกษาจีนผู้ลี้ภัยจากเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเมิน ปัจจุบันลีอายุ 44 ปี เขาเป็นคนที่แนะนำให้บัฟเฟตต์ลงทุนในบริษัทบีวายดี ผู้ผลิตแบตเตอรี่และรถไฟฟ้าชั้นนำของจีน แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าลีเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารเงินลงทุนของ เบิร์คไซน์ในปัจจุบัน
สำหรับตัวบัฟเฟตต์เอง ถึงแม้เขาจะชอบอาหารขยะอย่างแฮมเบอร์เกอร์และชอบดื่มน้ำอัดลมเชอร์รี่โค้ก เป็นชีวิตจิตใจเขายังไม่มีอาการของความเจ็บป่วยร้ายแรงแต่อย่างใด บัฟเฟตต์เคยเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อหลายปีก่อนว่าเขาเข้าใจดีว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาหมดสภาพที่จะบริหารงานต่อไปแล้ว ในความเป็นจริงตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่าตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงเวลานั้นอาจจำเป็นต้องมีใครบางคนคอยเป่านกหวีดบอกหมดเวลาสำหรับเขาแล้ว
บัฟเฟฟต์เคยกล่าวไว้เขาหวังว่า เมื่อวันหนึ่งที่สมองของเขาเกิดเลอะเลือนขึ้นมา บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ผู้เป็นเพื่อนเล่นบริดจ์และเป็นหนึ่งในกรรมการของเบิร์คไซน์ จะช่วยเป่านกหวีดนั้น เพื่อบอกเขาให้เลิกทำงาน ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ วันนั้นก็ยังมาไม่ถึง :oops:
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
บัฟเฟตต์ให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า "วางแผนที่จะทำงานจนอายุเลย 100 ปี แต่ถ้าจะทำอย่างนั้นได้คงต้องเรียนรู้ที่หัดคิดอะไรนอกกรอบมากๆ" เขาไม่คิดที่จะเกษียณอายุการทำงานเพราะรักงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับบัฟเฟตต์จริงๆ คณะกรรมการของบริษัทเบิร์คไซน์มีหน้าที่ประกาศตำแหน่งซีอีโอคนใหม่มาแทนเขา ในการบริหารงานและผู้บริหารอีกคนที่มาดูแลด้านการลงทุน ปัจจุบันมีผู้ถูกวางตัวอยู่ "สามคน" ที่จะมาทำหน้าที่แทนบัฟเฟตต์ได้ หนึ่งในนั้นคือ เดวิค โซคอล (David Sokol) ผู้บริหารของบริษัทมิดอเมริกันเอเนอยี่ (MidAmerican Energy Holding) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของเบิร์คไซน์ในปัจจุบัน
ในส่วนของผู้บริหารเงินลงทุนยังไม่มีความชัดเจนเท่าไรว่าใครจะเป็นผู้มาแทน บัฟเฟตต์ การขาดแผนที่ชัดเจนในการหาผู้มาแทนเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงสำคัญของ บริษัทในการดำเนินงานให้มีผลประกอบที่ดีเยี่ยมเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ปี 1965-2009 เบิร์คไซน์ทำผลตอบแทนได้เฉลี่ยปีละ 20.3% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี (S&P 500) มีผลตอบแทนเพียง 9.3%
ชาร์ลี มังเกอร์ คู่หูของบัฟเฟตต์และผู้ช่วยประธานกรรมการเบิร์คไซน์เคยถูกคาดหมายว่าจะเป็น ผู้มาดำรงตำแหน่งแทนบัฟเฟตต์ แต่ปัจจุบันชาร์ลีมีอายุ 86 ปีแบ้ว ซึ่งมากกว่าบัฟเฟตต์เสียอีก ตัวแทนอีกคนที่เคยถูกคาดหมายว่าจะมาทำหน้าที่แทนบัฟเฟตต์ คือ ลู ซิมป์ สัน (Louis Simpson) ผู้ทำหน้าที่บริหารเงินลงทุนของบริษัทไจโค (Geico insurance) แต่ปัจจบุนลูตัดสินใจเกษียณอายุจากการทำงานในปลายปีนี้เขาอายุ 73 ปีน้อยกว่าบัฟเฟตต์ไม่มาก
บัฟเฟตต์ กล่าวว่า เขาคงไม่สามารถยืดเวลาทำงานของลูไปได้มากกว่านี้เพราะเป็นการตัดสินใจของลู เอง แต่เขาก็ยังหวังว่าลูจะเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย บัฟเฟตต์กล่าวว่าคงต้องนำเงินลงทุนจำนวน 4 พันล้านดอลลาร์ของไจโคมารวมกับเงินลงทุนขนาด 5 หมื่นล้านดอลลาร์ของเบิร์คไซน์
ผู้ที่ถูกคาดหมายว่าจะมาทำหน้าที่แทนบัฟเฟตต์ในเรื่องของการบริหารเงินลงทุน อีกคนคือ ลี ลู (Li Lu) อดีตนักศึกษาจีนผู้ลี้ภัยจากเหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเมิน ปัจจุบันลีอายุ 44 ปี เขาเป็นคนที่แนะนำให้บัฟเฟตต์ลงทุนในบริษัทบีวายดี ผู้ผลิตแบตเตอรี่และรถไฟฟ้าชั้นนำของจีน แต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าลีเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารเงินลงทุนของ เบิร์คไซน์ในปัจจุบัน
สำหรับตัวบัฟเฟตต์เอง ถึงแม้เขาจะชอบอาหารขยะอย่างแฮมเบอร์เกอร์และชอบดื่มน้ำอัดลมเชอร์รี่โค้ก เป็นชีวิตจิตใจเขายังไม่มีอาการของความเจ็บป่วยร้ายแรงแต่อย่างใด บัฟเฟตต์เคยเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อหลายปีก่อนว่าเขาเข้าใจดีว่า ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาหมดสภาพที่จะบริหารงานต่อไปแล้ว ในความเป็นจริงตัวเขาเองอาจไม่รู้ว่าตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ช่วงเวลานั้นอาจจำเป็นต้องมีใครบางคนคอยเป่านกหวีดบอกหมดเวลาสำหรับเขาแล้ว
บัฟเฟฟต์เคยกล่าวไว้เขาหวังว่า เมื่อวันหนึ่งที่สมองของเขาเกิดเลอะเลือนขึ้นมา บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ ผู้เป็นเพื่อนเล่นบริดจ์และเป็นหนึ่งในกรรมการของเบิร์คไซน์ จะช่วยเป่านกหวีดนั้น เพื่อบอกเขาให้เลิกทำงาน ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ วันนั้นก็ยังมาไม่ถึง :oops:
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ