วิธีบริหารจัดการอารมณ์(2)
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 10, 2010 6:21 pm
ผมว่าจุดนี้เป็นจุดที่แยกความแตกต่างของนักลงทุน
ที่ดีกับคนธรรมดาทั่วๆไป เพราะพฤติกรรมของคนมีแนว
โน้มจะทำตามสัญชาติญาณดิบ(โลภ,กลัว)อย่างห้ามตัวเอง
ไม่ได้ สมองจะปรุงแต่งความคิดให้เราเชื่อไปในทาง
ที่สอดคล้องกับสัญชาติญาณอย่างที่เราไม่รู้ตัว ทุก
คนจะมีสมองส่วนดึกดำบรรพ์แบบสัตว์ติดตัวมาทุกคน แต่ถ้า
ใครมีสมองส่วนหน้าที่พัฒนาแล้วจากสติปัญญา ก็จะ
สามารถเข้าใจและจะควบคุมสัญชาติญาณส่วนนี้ได้ดีมากขึ้น
การพัฒนาสติปัญญา ทำได้หลายวิธี เช่น เห็นครั้ง
แล้วครั้งเล่าจนใจยอมรับ ถ้าเราเห็นตลาดหุ้นเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยว
ลงเรื่อยๆก็จะเกิดความชาชิน(ตายด้านทางอารมณ์) การเข้า
ใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง เข้าใจธรรมชาติตลาดหุ้นอย่างถ่องแท้
ก็ทำให้เกิดความมั่นใจมากเช่นกัน(เพียงแต่นักลงทุนใหม่ๆ
มักจะนึกว่าเข้าใจธุรกิจแล้ว แต่จริงๆยังรู้ไม่พอ เรียกว่า เส้น
แบ่งวงกลมของความรู้ความเข้าใจยังไม่ชัดเจน)
ตรงจุดนี้ จึงเป็นโอกาสให้คนที่มีEQ,มีสติมั่น
คงกว่า สามารถใช้ประโยชน์จากนายตลาดได้ ในขณะที่นัก
ลงทุนส่วนใหญ่ จะเป็นนายตลาดเสียเอง
อีกวิธีหนึ่งที่จะพัฒนาจุดนี้ได้ก็คือการเจริญสติให้เข้า
ใจ,รู้เท่าทันกิเลสของตนเอง ไม่เมาหุ้น(คนที่จมอยู่กับหุ้น
ทั้งวัน บางทีเมามาก ตัดสินใจจะพลาด) ไม่โลภ,ไม่กลัว
มากเกินไป ผมขอแนะนำ web ฝึกการเจริญสตินะครับ ลอง
เข้าไปศึกษาดูที่
http://www.wimutti.net/
การใช้วิธีจดไว้ก่อน,วางแผนไว้ก่อน แล้วปฏิบัติตาม
แผนที่วางไว้อย่างมีวินัย(ยืดหยุ่นได้บ้าง) ก็เป็นการลด
อิทธิพลของอคติจากความโลภ,ความกลัวได้เช่นกัน
(เพราะตอนเราวางแผน เรามีเวลาคิดไตร่ตรองให้ดี ไม่มี
ความกดดัน)
สรุปสุดท้าย การลงทุน ยังกลับมาที่ Basic Keyword
3 คำ 1.DCA 2.MOS 3.นายตลาด (ซื้อธุรกิจดี ราคาดี ใน
จังหวะที่ดีครับ)
(บทความนี้ให้ลูกสาวป.5พิมพ์ให้ หากมีอะไรผิดพลาด ขออภัยด้วย )
ที่ดีกับคนธรรมดาทั่วๆไป เพราะพฤติกรรมของคนมีแนว
โน้มจะทำตามสัญชาติญาณดิบ(โลภ,กลัว)อย่างห้ามตัวเอง
ไม่ได้ สมองจะปรุงแต่งความคิดให้เราเชื่อไปในทาง
ที่สอดคล้องกับสัญชาติญาณอย่างที่เราไม่รู้ตัว ทุก
คนจะมีสมองส่วนดึกดำบรรพ์แบบสัตว์ติดตัวมาทุกคน แต่ถ้า
ใครมีสมองส่วนหน้าที่พัฒนาแล้วจากสติปัญญา ก็จะ
สามารถเข้าใจและจะควบคุมสัญชาติญาณส่วนนี้ได้ดีมากขึ้น
การพัฒนาสติปัญญา ทำได้หลายวิธี เช่น เห็นครั้ง
แล้วครั้งเล่าจนใจยอมรับ ถ้าเราเห็นตลาดหุ้นเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยว
ลงเรื่อยๆก็จะเกิดความชาชิน(ตายด้านทางอารมณ์) การเข้า
ใจธุรกิจอย่างลึกซึ้ง เข้าใจธรรมชาติตลาดหุ้นอย่างถ่องแท้
ก็ทำให้เกิดความมั่นใจมากเช่นกัน(เพียงแต่นักลงทุนใหม่ๆ
มักจะนึกว่าเข้าใจธุรกิจแล้ว แต่จริงๆยังรู้ไม่พอ เรียกว่า เส้น
แบ่งวงกลมของความรู้ความเข้าใจยังไม่ชัดเจน)
ตรงจุดนี้ จึงเป็นโอกาสให้คนที่มีEQ,มีสติมั่น
คงกว่า สามารถใช้ประโยชน์จากนายตลาดได้ ในขณะที่นัก
ลงทุนส่วนใหญ่ จะเป็นนายตลาดเสียเอง
อีกวิธีหนึ่งที่จะพัฒนาจุดนี้ได้ก็คือการเจริญสติให้เข้า
ใจ,รู้เท่าทันกิเลสของตนเอง ไม่เมาหุ้น(คนที่จมอยู่กับหุ้น
ทั้งวัน บางทีเมามาก ตัดสินใจจะพลาด) ไม่โลภ,ไม่กลัว
มากเกินไป ผมขอแนะนำ web ฝึกการเจริญสตินะครับ ลอง
เข้าไปศึกษาดูที่
http://www.wimutti.net/
การใช้วิธีจดไว้ก่อน,วางแผนไว้ก่อน แล้วปฏิบัติตาม
แผนที่วางไว้อย่างมีวินัย(ยืดหยุ่นได้บ้าง) ก็เป็นการลด
อิทธิพลของอคติจากความโลภ,ความกลัวได้เช่นกัน
(เพราะตอนเราวางแผน เรามีเวลาคิดไตร่ตรองให้ดี ไม่มี
ความกดดัน)
สรุปสุดท้าย การลงทุน ยังกลับมาที่ Basic Keyword
3 คำ 1.DCA 2.MOS 3.นายตลาด (ซื้อธุรกิจดี ราคาดี ใน
จังหวะที่ดีครับ)
(บทความนี้ให้ลูกสาวป.5พิมพ์ให้ หากมีอะไรผิดพลาด ขออภัยด้วย )