Thai VI

นักลงทุนvi คงไม่ได้รับผลกระทบจากการลงเที่ยวนี้เท่าไร
เพราะหุ้นปันผลก็ยังเป็นแหล่งการลงทุนที่ดีต่อ

แต่การที่หุ้นลงมากมาก จะมีผลทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดเสื่อม
มากขึ้น จนคนคิดว่าเงินสดดีกว่าหลักทรัพย์หรือเปล่าผมกำลังเป็นห่วง

เพราะถ้าเราไม่เชื่อแล้ว คงยากที่จะให้ต่างชาติเชื่อได้

ผมว่าเป็นจุดที่น่าห่วงเหมือนกัน

จริงๆแล้วหุ้นที่ลงมากๆ ก็เป็นหุ้นที่ขึ้นไปแล้วมากๆ

ส่วนหุ้นแนว VI เช่น makro bigC และอื่นๆ ยังไม่ได้ขึ้นไปมาก และเมื่อดัชนีลงมา ผมก็เห็นว่า หุ้นทั้งสองตัวก็ไม่ได้ลงไปมากเช่นกัน

เพราะฉะนั้น

ผมเชื่อว่าการที่ดัชนีลงมามากๆ น่าจะกระทบหุ้นบางกลุ่ม

ส่วนหุ้นในกลุ่ม VI นั้น ชาว VI เขาเน้นดูพื้นฐาน ดูกำไร ดูยอดขาย

เรื่องราคาก็เน้นให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม ลงมากๆ เขาก็ซื้อ แต่ปัญหา คือ ก็ไม่เห็นมีหุ้นแนว VI ตัวไหน ที่ลงมากๆจนกระทั่งอยู่ในจุดที่น่าซื้อ

ถ้าเราเที่ยบกับตอนดัชนี 400 - 450 ตอนนั้น หุ้นแนว VI ที่น่าซื้อมีตรึมเลย

ตอนนี้ รู้สึกว่า อยู่ระหว่างกลาง

คือ จะซื้อ VI ก็ยังไม่น่าซื้อ

จะเก็งกำไร ก็ยังไม่น่าเก็ง

หมายเหตุ สมัยก่อน มีหุ้นที่สามารถคำนวณว่าซื้อทั้งบริษัทแล้ว ผลกำไร จะได้ ประมาณ 12.5 % ถึงน่าซื้อ ซึ่งเทียบได้เท่ากับ PE 8 แต่เป็นหุ้นที่ไม่ได้เป็น cycle นะครับ

ปรับตัว 30% ในปีนี้ก็ถือว่าไม่ได้มากนักนะครับ เทียบกับขึ้นมาแล้วถึง
100%

ถ้า 30% จากดอย (หย่อน 800 ไป 8 จุด) ก็คงประมาณ 560 ครับ
คนอื่นว่าไงไม่รู้ แต่ก๊อกสุดท้ายผมอยู่ประมาณ 560 และอาทิตย์ที่ 3
ของเดือนพฤษภาคมครับ

คิดว่าอาจจะไปบรรจบกันพอดีก็เป็นได้

แต่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เชื่อ เลยเสียโอกาสไปเยอะมาก ถูกสลับขาหลอก
สองสามครั้ง งงไปเลยครับ

ผมจำได้ว่า วันที่เป็น bottom คนไทยส่วนใหญ่จะคิดว่าหุ้นไทยไม่น่า
สนใจแล้ว มีแต่ข่าวร้ายเต็มไปหมด แต่บักสีดาเริ่ม net buy มากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วข่าวดีค่อยตามมา

เหมือนพวกต่างชาติจะเก่งกว่าเรายังไงไม่รู้ครับ (หรือเงินหนากว่า?)