หน้า 1 จากทั้งหมด 1

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 3:00 pm
โดย ซากคน
26 February 2005
Value Way : อยู่ไม่สุข...จริงๆ ~มนตรี นิพิฐวิทยา

เรื่องราวของการอยู่ไม่สุขไม่ใช่มีแค่การไม่รู้จะไปทำอะไรถ้าไม่ซื้อขายหุ้น การที่อยู่ไม่สุขยิ่งขึ้นไปอีกก็คือการซื้อๆ ขายๆ ยิ่งทำกิจกรรมทั้งสองอย่างนั้นอย่างรวดเร็วและหลายรอบในวันเดียวกันนั้น ถือเป็นการอยู่ไม่สุขเป็นอย่างยิ่ง

ผมเองเมื่อเริ่มลงทุนเองก็ทำการซื้อขายในวันเดียวกันบ่อยมาก เรียกว่าทำได้ทุกวันและวันละหลายรอบเป็นที่สนุกสนานยิ่งนักเพราะได้เงินใช้ทุกวัน แม้ว่าบางวันจะพลาดบ้างก็ยังไม่ค่อยเจ็บตัวเท่าไรในความรู้สึกตอนนั้น

การจะทำการซื้อขายแบบหักลบกันในวันเดียวหรือ Net settlement แล้วได้เงินนั้น มักจะเกิดในช่วงหุ้นนั้นๆเป็นขาขึ้น และที่สำคัญต้องรู้ข่าวมาบ้าง ไม่อย่างนั้นจะได้บ้างเสียบ้าง จนสุดท้ายเสียมากกว่าได้

ถ้าหากเป็นช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้นและหุ้นส่วนใหญ่ขึ้นจะเล่นง่ายมาก เพราะซื้อตัวไหนมันก็ขึ้น ได้เงินใช้จนเกิดอาการผยองกันเลยก็ว่าได้

...เล่นไม่ยากนี่หว่า!

มาดูตลาดหุ้นช่วงหลังๆนี่เล่นยากขึ้นมาก โอกาสได้เงินใช้น้อยกว่าโอกาสเสียเงิน เพราะแม้ตลาดหุ้นจะขึ้นแต่ก็ขึ้นไม่มาก แกว่งตัวแคบๆ ไม่ค่อยมีช่วงให้ทำกำไรเร็วๆ ยิ่งบางช่วงผันผวนเสียจนสิงห์ Net ทั้งหลายกระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน

เมื่อวันก่อนเก็บกวาดบ้านก่อนวันตรุษจีน เกิดไปเจอกับข้อมูลที่ผมเคยซื้อขายหุ้นเมื่อหลายปีก่อนที่ทั้งซื้อและขายอย่างรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มก่อนหมดสภาพกลายเป็นกามนิตติดยา ก็เลยเก็บเอามาดูและนึกสนุกเอามาคิดเล่นๆยามว่างหลังตรุษจีน ผลที่ได้เป็นที่น่าตกใจยิ่งนัก...

เมื่อแรกก็คิดเหมือนกันว่า เล่นหุ้นได้บ่อยๆ ทำไมเงินทองมันไม่ค่อยจะเพิ่มขึ้นเท่าไรเลย แต่มันก็มีความสุขที่ได้เล่นและได้เสีย นี่ถ้าไม่หมดสภาพซะก่อนก็คงไม่รู้ตัวหรอกว่าเป็นเพราะอะไร

การเล่นเร็ว ซื้อขายหุ้นบ่อยๆ นั้นมันมีต้นทุนที่แฝงอยู่ครับ นั้นคือค่าคอมมิชชั่น และภาษีมูลค่าเพิ่ม บางคนอาจจะคิดว่า มันจะเท่าไรกัน ก็แค่ 0.25 % กับ อีก 7% จากค่าคอมมิชชั่นนั้น รวมๆ แล้วก็แค่ 0.267%

มันไม่มากเลยครับ เมื่อเทียบกับมูลค่าเงินลงทุนทั้งหมด เช่นซื้อหุ้น 1,000,000 บาท ค่าคอมฯ รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วแค่ 2,875 บาท แต่ถ้าเอามาเทียบกับมูลค่าของผลตอบแทนที่ได้รับแล้วน่าคิดครับ

ผมไม่ได้บอกว่ามันสูงหรือต่ำแต่กำลังบอกให้คิด ลองคิดดูว่า วันหนึ่งคุณซื้อหุ้นราคา 70 บาท จำนวน 10,000 หุ้น เป็นเงินลงทุน 70,000 บาท เสียค่าคอมมิชชั่น 1,872.5 บาท ปรากฏว่าหุ้นนั้นขึ้นไปหนึ่งบาท ได้กำไรแล้วหนึ่งบาทต่อหุ้น หรือหนึ่งหมื่นบาท ถ้าขายเลย (เก็บไว้เดี๋ยวลงจะอด) คุณจะเหลือเงินกำไรนี้หลังหักค่าคอมฯและภาษีทั้งสองขาแล้วเท่ากับ 6,228.25 บาท คิดเป็นผลตอบแทนเท่ากับ 0.89% ทั้งนี้คุณจ่ายค่าคอมฯและภาษีฯสองขาเท่ากับ 3,771.75 บาท คือแบ่งผลกำไรของคุณไปให้โบรกเกอร์และรัฐบาลเท่ากับ 37.72%

ในกรณีอย่างนี้ผลกำไรที่คุณจะได้ทั้งสิ้น ถูกแบ่งไป 37.72% สำหรับผมแล้วมากเอาการ แต่บางคนบอกก็ได้ฟรีนี่นา ซื้อเช้าขายบ่าย ได้ก็ถือว่าดีแล้ว

อาจจะจริงครับ ถ้าได้แล้วเลิกเลยก็ได้เงินใช้ แต่ถ้าวันต่อมาเสียละก็...

วันรุ่งขึ้นซื้อหุ้นเดิมอีกเพราะลงมา 70 บาทให้ซื้อได้อีก ซื้อเท่าเดิมคือ 10,000หุ้น วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานหุ้นลงมาที่ 69 บาท คิดง่ายๆขาดทุนไป 10,000 บาท ยังไม่หมดครับ ยังมีค่าคอมฯและภาษีฯอีกนิดหน่อย (?) รวมๆ แล้วต้องจ่ายทั้งสิ้น 13,718.25 บาท เวลาได้เงินได้แค่ 6,228.25 บาท เวลาเสียทำไมจ่ายมากกว่า 2 เท่าเลยละนี่? สรุปรวมแล้วสองวันจ่าย 7,490 บาท

ถ้าคุณโชคดีเล่นได้สองครั้งเสียหนึ่งครั้ง คุณยังเสียเงินอยู่ดีครับ แต่ถ้าได้สามครั้งเสียหนึ่งครั้งคุณถึงจะได้เงิน แต่ก็แค่ 4,966.5 บาท ไม่ใช่ 20,000 บาท

ตัวอย่างนี้ยกมาให้เห็นง่ายๆ ว่าถ้าคิดจะรวยเพราะเล่นเร็วละก็ "ยากส์..." โอกาสจะรวยก็มี แต่ผมว่าน้อยมาก และเห็นมีไม่กี่คนหรอกครับ เพราะพวกนี้เขามีอะไรดีๆ เช่นวงใน หรือไม่ก็ขาใหญ่ ส่วนถ้าไม่ใช่พวกวงในหรือขาใหญ่แล้วต้องมีวินัยอย่างสูง ได้แล้วต้องเลิก ขาดทุนน้อยๆ แล้วต้องรีบขาย คือเอาไว้ก่อนไม่อย่างนั้นอด...

ทีนี้มาดูว่าถ้าเราปล่อยให้กำไรมันสูงขึ้นแล้วเราขาย เราจะมีต้นทุนค่าคอมฯและภาษีมากน้อยอย่างไรครับ จากการคำนวณแล้วพบว่า ถ้าขายที่ผลตอบแทน 10% เราจะต้องจ่ายค่าคอมฯและ ภาษี เท่ากับ 5.62% ที่ผลตอบแทน 20% จ่าย 2.94% ที่ผลตอบแทน 30% จ่าย 2.05% ยิ่งผลตอบแทนยิ่งสูงมากขึ้นเท่าใดเรายิ่งจ่ายน้อยลง กำไรก็จะเป็นของเรามากขึ้น

ลองคิดว่าถ้าเราลงทุนซื้อหุ้นราคา 10 บาท 100,000 หุ้น ใช้เงิน 1,000,000บาท ถ้าเราขายที่ผลตอบแทน 1% เราจ่ายค่าคอมฯ กับภาษีฯ เท่ากับ 5,376.75 บาท คิดเป็นร้อยละจากผลตอบแทนแล้ว เท่ากับ 53.77% เงินกำไร 10,000 เหลือแค่ 4,623.25 บาท แต่ถ้าขายที่ผลตอบแทน 20% เราจ่ายค่าคอมฯกับภาษีฯ เท่ากับ 5,885 บาท คิดเป็นร้อยละจากผลตอบแทนแล้ว เท่ากับ 2.94% เงินกำไร 200,000 บาท ได้จริงๆ 194,115 บาท

มันต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ และถ้าคุณปล่อยให้ผลตอบแทนมากถึง 100% คุณลองคิดดูว่ากำไรที่ได้มาอีกหนึ่งล้านบาท เสียค่าคอมฯกับภาษีฯแค่ 8,025.214บาทเอง คุณเอาเงิน 992,054.70 บาท เข้ากระเป๋ากับบ้านสบายๆ

ดังนั้นแทนที่จะอยู่ไม่สุขในทางซื้อๆ ขายๆแล้วละก็ ลองที่จะกลับนิสัยมาอยู่ไม่สุขโดยการเลือกสรรหาบริษัทดีๆ ค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม เมื่อได้หุ้นดีๆ แล้วก็ควรจะอยู่เป็นสุขเสียที รอเวลาคอยนับเงินดีกว่าครับ

ไม่เช่นนั้นคนที่จะคอยนับเงินของคุณจะเป็นโบรกเกอร์ของคุณนั่นแหละ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 5:23 pm
โดย MYBIZ
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ ที่คอยย้ำเตือนสติ
เมื่อเราได้ลงทุน เห็นธุรกิจดีๆ จงกอดหุ้นไว้อย่าปล่อยมือเด็ดขาด
ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อิอิๆๆ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 5:35 pm
โดย picklife
:D ขอบคุณครับที่แบ่งปัน

เห็นด้วยครับในกรณีDaytradeเทรดบ่อยๆซื้อเช้าขายเย็นแบบนี้ยังไงก็เสียครับ โอกาสที่จะเอาชนะค่าคอมในระยะยาวได้นั้นยากมากๆครับ

:lol:

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 5:42 pm
โดย noooon010
ขอบคุณมากๆนะครับผม :D

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 5:49 pm
โดย Boring Stock Lover
picklife เขียน::D ขอบคุณครับที่แบ่งปัน

... โอกาสที่จะเอาชนะค่าคอมในระยะยาวได้นั้นยากมากๆครับ

:lol:
คนที่เล่นก็คงไม่ได้ตั้งเป้าเอาชนะค่าคอมนะ แล้วโดยทั่วไปเขาคงไม่เล่นหุ้น 70 บาท หวังกำไรแค่ 1 บาท แล้วออก

ก็คงเหมือนเราซื้อหุ้นลงทุน หลังจากศึกษามาดี ก็คงไม่ได้หวังว่าได้แค่ชนะดอกเบี้ยเงินฝาก แต่ในความเป็นจริงได้มากกว่า หรือน้อยกว่า หรือขาดทุนก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

...

ว่าไปแล้วช่วงนี้เอียนกับการพูดถึงวิธีการเล่นหุ้นลงทุนหุ้นในแต่ละแบบจริงๆ ไม่รู้ว่ามีประโยชน์ยังไง ถ้าอยากพูดถึงก็น่าจะออกในทางสร้างสรรค์ที่ทำให้มีพัฒนาการในวิถีนั้นๆดีกว่า

จริงๆการเป็นนักลงทุน ก็ต้องมี skill set ที่ต้องศึกษา และหมั่นฝึกฝน และการเป็นเทรดเดอร์ก็ต้องมี skill set เหมือนกัน แต่อาจจะเป็นทักษะคนละตัวที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น ไม่ว่าแบบไหน เล่นแบบมั่วๆ ก็มีโอกาสขาดทุนพอกัน

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 5:54 pm
โดย j21
ขอบคุณครับ   :D

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 6:00 pm
โดย moonorway
ขอบคุณครับ ว่าแต่ผมอยากทราบว่า การคิดภาษีและการหักค่าคอมที่เป็นแบบขั้นบันได พอจะหาข้อมูลได้จากไหนครับ

รบกวนบอกนิดนึงครับ  :D

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 6:38 pm
โดย chamnan028
ขอบคุณครับ ที่นำข้อมูลดี ๆ มาเสนอ ...

ผมเองก็ทราบ แต่ว่าไม่เคยคิดออกมาเป็นตัวเลขชัด ๆ แบบนี้ ...


ขอบคุณมากครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 6:42 pm
โดย thaloengsak
ขอบคุณครับ :D

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 7:41 pm
โดย หมีบึงกุ่ม
ขอบคุณครับ กับตัวอย่างง่ายๆ นี้ กระจ่างเลยที่สงสัยมานาน

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 9:31 pm
โดย minkyman
เห็นภาพได้ดีมากเลยครับ ขอบคุณครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 10:12 pm
โดย conseto
ขอบคุณครับ ไม่เคยคิดค่าคอมจริงจังซักที เห็นภาพเลยครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 24, 2010 10:27 pm
โดย Visute
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ครับ
ผมเป็นน้องใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการเก็งกำไร เข้าตลาดหุ้นก็ใช้แนวทาง VI เลย ดังนั้น บทความนี้ช่วยให้ผมต่อยอดได้ครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 7:30 pm
โดย hsf
ขอบคุณครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 9:14 pm
โดย ปรัชญา
แก้ไขหน่อยครับ


ผมไม่ได้บอกว่ามันสูงหรือต่ำแต่กำลังบอกให้คิด ลองคิดดูว่า วันหนึ่งคุณซื้อหุ้นราคา 70 บาท จำนวน 10,000 หุ้น เป็นเงินลงทุน 70,000 บาท เสียค่าคอมมิชชั่น 1,872.5 บาท

น่าจะเป็นเจ็ดแสนบาท  เลขศูนย์หายไปครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 9:19 pm
โดย pol256
พอถึงเวลาทีไรอยู่ไม่สุขทุกทีจิงๆ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 25, 2010 10:28 pm
โดย march
ขอบคุณครับ

อยู่ไม่สุข...จริงๆ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 26, 2010 10:40 am
โดย ซากคน
2-3วันมานี้  มือไม้ผมชักอยู่ไม่สุข แล้วล่ะสิครับ เพื่อนๆ
นี่ขนาดจำกัดเงินไว้ไม่เกิน 10 % พอร์ต นะเนี่ย

ต้องหักดิบ ซะแล้ว   เดี๋ยวจะเสียวินัย จนเสียคน  :wall: