Thai VI

ยุคนี้มันปี 2010 เเล้ว  เทคนิคการล่อเเมงเม่ามันต้องปรับปรุงกันบ้างจะ

ได้อินเทรนด์ บรรดานักลงทุนรุ่นอินดี้ ขาฮิ้ปฮอปจะได้เข้ามามุง กันเยอะๆ 55


       มาเเชร์วิธีล่อเเมงเม่าเล่าสู่กันฟังครับ

ผมขอเริ่มก่อนละกันครับ เท่าที่เห็นความเเตกต่าง

ช่วงปี80-90 น่าจะเป็นการปล่อยข่าวตามห้องค้า ว่าจะมีการเพิ่มทุน

ชอบมากสมัยก่อนหุ้นไหนเพิ่มทุนวิ่งกระจุยกระจาย

    เเต่มาหลังฟองสบู่เเตก เพิ่มทุน อย่างเดียวไม่ได้เเล้ว นักลงทุนรู้ทัน 90-

00 เริ่มมาฮิตเเจกwarrant ตัวไหนเเจกwarrant วิ่งเหมือนนักวิ่ง4*100

     ปี00-10 ช่วงนี้ขาฮิปฮอป อินดี้ สคา กำลังมาเเรงโปรโมชั่นใหม่ ที่ออก

เลยมีของเเถม เเตกพาร์กันดีกว่า ถ้าเเตกพาร์ยังไม่เเรงพอ ถ้าท่านเอาเงิน

เพิ่มทุน ( ใน 10 นาที่นี้ ) เราเเถมwarrantให้2ตัวเลย ยังๆเรามีของเเถมให้

เป็นส่วนลดให้อีกหุ้นเราราคา1บาท(เเต่จริงๆในงบติดลบไม่มีค่าไป

เเล้ว)เราให้ท่านมาเพิ่มทุนในราคา10สต.(เจตนาจะให้เรามาเเบบหนี้ใน

บริษัทด้วยนิ)


  เเละด้วยคาถาเเตกพาร์เเถม warrant 2ตัวเพิ่มทุน 10สต. ของท่านผู้

บริหาร มันโดนใจบรรดาน้องเม่าทั้งหลายในยุคนี้ เราจึงได้มีนวัตกรรมใหม่

เช่นบริษัท ก.มีส่วนของผู้ถือหุ้น 600 กว่าล้านบาท เเต่มีหุ้นจดทะเบียน

27,000 ล้านหุ้น(สองหมื่นเจ็ดพันล้านหุ้น)


  ผมไม่รู้ว่าจุดจบของน้องเม่าปีนี้จะไปอยู่ตรงไหนเเต่เชื่อว่าบรรดาเงินที่วน

เวียนอยู่ในระบบนี้ จะค่อยถูกผ่องถ่ายออกไปโดยราคาที่ลดลงหรือ การขาด

ทุนต่อเนื่องเเบบหาจำเลยไม่เจอเเละหาเงินที่เราเพิ่มทุนเข้าไปไม่เจอเช่นกัน

ครับ

ใคร พบเห็นวิธีการล่อเเมงเม่าช่วยๆกันเข้ามาเเชร์ประสปการณ์ให้น้องๆหรือ

พี่ๆ (รวมทั้งผมด้วย55 )ระวังตัวด้วยนะครับ

ตัวอย่างของการเเตกพาร์ที่ดีครับ

ราคาหุ้นสูงมากๆ สภาพคล่องน้อย หรือกำไรที่จ่ายปันผลต่อหุ้นสูงขึ้นมากๆ

จนต้องเเตกพาร์ หรือจ่ายเป็นหุ้นปันผล ออกมาให้ผู้ถือหุ้นโดยไม่ต้องเพิ่มทุน


ตัวอย่างของการเเตกพาร์ล่อน้องเม่าครับ

ราคา1บาทเเตกเป็น10สตหรือ1สต ทั้งที่กำไรก็ไม่ค่อยมีบ้างที่ขาดทุนอีก

ปันผลนั้นผู้ถือหุ้นไม่ต้องหวังกัน เพราะผู้บริหารวางเเผนให้ท่านไปวัดดวงกับ

วัดความไวในการเทรดรายวัน มีwarrant ออกเป็นลูกหมูเลยออกที่หลายๆตัว

เงินลงทุนของท่านในเเต่ละปีจะค่อยๆหายไปกับการขาดทุน2-3ปีกำไร1ปี

(ไม่ใช่บริหารกำไร เเต่เป็นกำลังภายในขั้นสูงของ บ/ช ,ยิ่งบ ไหนอ่านเเล้วง

งมากโอกาสท่านจะเสียเงินก็ง่ายขึ้น)เเละพอขาดทุนมากๆจนบ/ช ติดลบ

กระเเสเงินสดหมุนไม่ออกเเล้ว เอาละครับพี่น้อง ขอรบกวนท่านพี่น้องเเฟน

เพลงมาเพิ่มทุนกันอีกครั้งเหมือนเดิม  ดังนั้นผู้ที่รักการบินเเบบน้องเม่าปี

2010 ควรจะมีความไวเป็นเลิศ ดวงดี ถ้าซี้กับผู้บริหารจะดีมาก ( หุ้นประเภท

นี้จึงไม่เหมาะกับ vi ผู้ที่เน้นความเเน่นอนเเละไม่ชอบเสียค่าคอมให้โบรคเกอร์

เเบบวันต่อวัน)

SLC มีครบทุกรถชาติเลยครับที่กล่าวมา  :shock:

ขอบคุณครับ    :D

ผมว่าสมัยนี้เห็นว่ากระแส VI ชักมาแรง เริ่มมีการล่อด้วยการปล่อยข่าวว่ากำไรจะเติบโต อย่างโน้นอย่างนี้ ในช่วงก่อนงบออกสักระยะ... แล้วก็บังเอิญ จะมีนักวิเคราะห์ที่ปกติก็ไม่ได้คอเวอร์บริษัทไหนเป็นประจำ ... ก็จะมาโหนกระแสแนวฟันโฟลบอกให้ซื้อ ... เพราะกำไรโต พร้อมบอกคาดการณ์กำไรไปเสร็จสรรพอย่างไม่มีที่มาที่ไป ... แล้วก็ยังจะกลัวนักเก็งกำไรไม่เชื่อ ก็จะให้เหตุผลทางเทคนิคสนับสนุนไปด้วย ...

สุดท้ายพอผลประกอบการไม่ได้เป็นอย่างที่บทวิเคราะห์คาดไว้ ... ทุกคนก็จะลืมไปแล้ว ... ส่วนนักวิเคราะห์เหล่านั้นก็เปลี่ยนไปแนะนำบริษัทอื่นๆต่อไป

แค่พัฒนาความรู้ให้ทันเทคโนโลยีปัจจุบันและข่าวสารปัจจุบันก็เกือบไม่ทันแล้ว เป็นห่วงตัวเองเหมือนกันว่าจะไม่เท่าทันกองไฟที่มีหลากหลายสี

ณ มุมหนึ่งในห้องค้า

"เฮ้ยเอ็ง ! ตัวนี้เซียน VI ถือกันเพียบ กำลังมาเลย ถ้าไม่เชื่อเอ็งดู รถแจ๊ส รถบรรทุก ดิ"

:lovl:  :lovl:

SLC มีครบทุกรถชาติเลยครับที่กล่าวมา  

เห็นซื่อนี้แล้วมันจี๊ดจริงๆ

ผมเคยซื้อเมื่อหลายปีก่อน น่าจะ 3 บาทมั่ง (นานมาก) มันขึ้นไป 5 บาท
ไม่ขายเว้ย....แบบว่าเข้าใจว่ามันเป็น trend ที่น่าจะเติบโตนะ ไอ้พวก IT solution แถมปันผลดีอีก ผู้บริหารก็ปลุกปั้นมาจาก 0 คนหนุ่มไฟแรงด้วย

แต่ไม่รู้ทำอีท่าใหน ผปก. มันขาดทุนทุกปี จนราคามันลงมาประมาณ 1 บาท
ผมก็นะ ดื้อว่ามันต้องกลับมา รับไปเรื่อยๆ สุดท้ายยอมแพ้ครับขายไปบาทกว่าๆ (ตอนนั้นบริษัทไม่เห็นฝั่งเลยครับ)

จะบอกว่าตอนขายนี่เป็นอาทิตย์เลย ไม่ใช่ปอดใหญ่นา แต่ volume มันน้อยมาก ประมาณว่าหลักพันหุ้นต่อวัน (มันมีแค่ 50 ล้านหุ้น)

แต่ตอนนั้นก็เอะใจนิดหน่อย ทำไมเราขายซ้ายเลย ทำไมมันมี bid งอกมาเรื่อยๆแต่ก็หลักพันหุ้นอยู่ดีแหละ ก็เลยไม่สนใจ

ตอนนั้นก็ดีใจแทบตาย เพราะนึกว่าเราจะขายจน floor ซะแล้ว  :oops:

แต่ถัดมาไม่เกิน 2 อาทิตย์มั่ง มันวิ่งรวดเดียวเลย 5-7 บาทมั่ง (ไม่อยากจำ)
สุดท้ายถึงรู้ว่ามี กลุ่มที่คุณก็รู้ว่าเป็นไครมา take over บริษัท

จบแล้วครับสำหรับผม  แต่สำหรับกลุ่มนี้มันยังไม่จบหรอกครับ
หลังจากสูบเงินรายย่อยเสร็จ ก็คงจะทิ้งให้แห้งตาย แล้วก็ไปหาบริษัทใหม่

ตราบใดที่หน่วยงานกำกับดูแล ไม่ดำเนินการกับพวกนี้  :twisted:

''อาจจะเป็น การทำบ/ช แบบ big bath ไปให้ขาดทุนเละเทะไป

ทุกอย่างไปกอง สุดๆตรงนั้นหมด ราคาหล่นสุดๆ แล้วก็ไล่กลับมาใหม่ ''

อันนี้ลอกมากจากคุณ Paul VI  ที่โพสไว้(Wed Aug 18, 2010 5:31 pm)



         เทคนิคอันนี้ไว้ใช้ปราบ vi ผู้ไม่รู้อิโนอิเน เหมือนผมที่ตอนเเรกๆดูเเต่

งบ  (เเถมเริ่มหัดได้ไม่นานเสียด้วย)ไม่เช็คประวัติผู้บริหารที่เคารพ (เอาเงิน

ของตรูคืนมา    ) มีวิชาขั้นเทพ  สามารถเสกกำไร เเละขาดทุนมากองรวม

กันเเบบสั่งได้  

        roeเเละ roa สุดประทับใจของท่าน อาจจะกลายเป็นขาดทุน ได้เเบบ

ไม่ทันตั้งตัว ผลคือต้องคัทลอส หรือบ้างที่ก็ขายไม่ลงต้องห้อยต่องเเต๋ง อยู่

บน:doi: เเบบผม ถ้าผมเข้าไปเก็งกำไรกับท่านผมจะไม่ว่าเลย เพราะเตรียม

ใจไปเเล้ว นี้ตั้งใจหาหุ้นพื้นฐานถือยาวๆกินปันผล ดันกลายเป็น หุ้นโกรทไม่

มี เเถมปันผลก็ไม่ได้ ดังนั้นรักลูกสาว(หุ้น)บ้านไหน ควรจะดูผู้ปกครอง (ผู้

บริหาร)ด้วยว่าพอจะไปด้วยกันไหวไหม

อีกวิธีครับ

    หุ้นนี้เป็นหุ้นพื้นฐาน จากการเเนะนำของบรรดากูรู โบ

รเกอร์ เหมือนตรารับรองคุณภาพ หลายๆท่านก็ใช้วิธี (ทางด่วน)ลอกเค้าดีกว่า

จะไปอ่านงบทำไหมให้เหนื่อยๆ ซื้อลงทุนตามเค้าไป ไม่เคยไปค้นคว้าต่อเลย
     
     คิดเเล้วก็ ลงทุนไปทั้งๆที่ หุ้นดีๆเหล่านั้น ราคา อาจจะวิ่งไปรอกำไรที่จะ

เกิดขึ้น หรือไปรวมเอากำไรโปรเจคอื่นๆ เเถมบวกค่าความนิยม (เพราะคน

จำนวนมาก เห็นว่าต้องมีไว้เดี่ยวไม่อินเทรน)

    ปัญหาก็คือนักลงทุนกลุ่มนี้ ไม่เข้าใจใน บ ที่ตนเองเข้าไปลงทุน

บ้างครั้งเมื่อเกิดผลอะไรมากระทบ  ทำให้ปัจจัยพี้นฐานเปลี่ยนเเปลงไป

ก็ปรับตัวไม่ทัน  ถ้าไปเจอนางฟ้าตกสวรรค์ก็ไม่เป็นไร เพราะวันหนึ่งก็กลับมา

เท่าทุนหรือกำไรได้เเต่ถ้า ไปเจอนางฟ้าตกนรก ก็คงไม่มีโอกาสได้เงินคืน
 

(ผมอยากจะบอกว่า ในยุคผม ธนสยาม ฟิน วันเเละอีกหลายๆตัว ล้วนเเต่ได้

รับการระบุ เป็นหุ้นพื้นฐาน เเต่มีคนมากมายเหลือเกินที่หมดตัวกับหุ้นเหล่า

นั้น)

     

   เครดิตคุณ yy ครับ โพสเมื่อ Thu Aug 19, 2010 8:55 am    

ลอกมาจากของคุณสุมาอี้ครับ

อยากเตือนเพื่อนนักลงทุนทุกคนว่า ไม่มีหุ้นส่วนหนึ่งในตลาดหุ้นที่เรียกว่า หุ้นพื้นฐาน ซึ่งจะปลอดภัยจากภาวะฟองสบู่ หรือการสร้างราคาใดๆ หรอกครับ (จะมีก็แต่แนวการลงทุนแบบวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเท่านั้น) หุ้นทุกตัวในตลาดสามารถกลายเป็น หุ้นปั่น หรือเกิดภาวะฟองสบู่ได้ทั้งสิ้นถ้าหากมีคนสนใจหุ้นตัวนั้นมากๆ

ฉบับเต็มดูได้ที่นี่ครับ http://dekisugi.net/archives/7638

วันนี้ไปได้ยินเรื่องที่ให้ข้อคิดมา น่าสนเหมาะกับกระทู้นี้ดี
สงสัยหลุดมาตั้งแต่ตอนต้มยำกุ้ง

จะล่อแมงเม่ามันต้องใช้ไฟสว่างๆ

ไฟอะไรจะร้อนเท่าไฟแนนซ์ อ๊าคคคคคคค


5555

หลัง ๆ เห็นแบบแสบ ๆ ตัวอย่างไกล้ ๆ tasco วันที่ 18 มีการกด mp

จาก 42 มา 40 ทันที เล่นซะเทคนิคเละเป็นโจ๊ก วันที่ 19 ลากซะงั้น

สรุป แนวโน้ม ทุบก่อนลาก ทำเทคนิคเสีย ดูไม่ออก มึน ๆ  :x

      เทคนิคเคิ้ล ถ้าใช้ vi เช็คมูลค่า ใช้ประยุกต์ในช่วงที่โอเวอร์ฮีต sold or

buyได้ดีครับ

ผมว่ามันมีเจ้าอยู่ทุกตัวแหล่ะครับ ใช้technical กราฟมันแต่งกันได้(จริงๆ) ถ้าเล่นตามกราฟ ตามข่าวยังไงก็ขาดทุน(โดยส่วนใหญ่) เพราะราคามันมาก่อนข่าว รายย่อยตามไม่ทันหรอกครับ

จริงๆแล้ว VI ไม่น่าจะใช้พวกtechnicalหรือมานั่งเฝ้าราคากันเป็นอาจิณ เพราะการกะเกณฑ์ Timing เป็นสิ่งที่คาดได้ยาก แม้แต่นักลงทุนเอกของโลกหลายๆคนก็ยอมรับในข้อนี้ ถึงมีหลักการที่ว่า ซื้อหุ้นของกิจการที่ดีในราคาที่ถูก มี Margin of Safety เพียงพอ เพราะเราไม่สามารถไปกำหนดตลาดได้ เล่นตามตลาดมักจะขาดทุนและสติแตก

ที่น่าตลกคือหลายๆคนบอกว่าตัวเองเป็น Value Investor แต่ชอบซื้อๆขายๆ ดู fund flow ดู technical แถมมี shortหุ้น cut loss บางคนดูเสี่ยรายใหญ่อีก ถ้าเล่นหุ้นอย่างนี้ผมว่าอย่าเรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุนหุ้นคุณค่าดีกว่าครับ

เราน่าจะดูที่ตัวกิจการเป็นหลัก เน้นที่มูลค่า ราคาเป็นแค่ภาพลวงตา ผมว่าเท่านี้ก็ไม่ทำให้ขาดทุนแล้วครับ  :D

เห็นด้วยกับ คุณ cygnus อย่างยิ่งคับ  อย่าเน้นความเร็วมากเกินไป เดี๋ยวจะเสียทิศทางครับ  

"Direction is more important than speed"

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ขอบคุณ จขกท. ครับ ที่ออกมาเตือน แมลง ทั้งหลาย

แมลงส่วนใหญ่ก็ชอบไปทั้งนั้นครับ

ตั็กแตน จิ้งหรีด แมงดา พวกนี้มีราคา
ชอบไฟสวยหน่อย
จะล่อพวกนี้ ต้องใช้ความสามารถสูงกว่า

แมงเม่า  ล่อง่ายมากขอให้เป็นแสง
หลอดอะไรก็ได้ เธอมาได้ทุกเมื่อ

พวกนก พวกเหยี่ยว กับชอบไฟ นะครับ
แต่พวกเขาไม่ได้เข้ามาตอมไฟ
แต่เพื่อกิน แมลงพวกนั้นครับ

คุณเลือกได้ จะเป็น แมลง หรือ  เหยี่ยว

ศึกษาให้รู้จริง ก่อนซื้อ ทุกครั้งนะครับ

สมัยนี้เค้าก็เอาคำว่าหุ้นคุณค่ามาหลอกล่อไงครับ ตอนนี้หุ้นคุณค่าหุ้นเทินอะราวน์ขึ้นกันเต็มจอเลย เราก็นึกว่าหุ้นดีเลยขาดการระมัดระวัง ใส่เงินซื้อกันเข้าไป ที่ไหนได้พอขาลงระวังเหอะ พอคิดจะขายขึ้นมาบิดไม่มีสภาพคล่องหาย ติดดอยกันก็ตอนนั้นแหละครับ ...

ฮ่า ๆ มากันหลายชุดเลย :lol:

ผมมายกตัวอย่าง tasco เพื่อสื่อให้เห็นว่าตอนนี้เขาทำกันยังไง

และมีอีกพวก ที่ทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน คือการ day trade

หากสังเกตจะเห็นว่า เดี๋ยวนี้เวลาหุ้นเริ่มวิ่ง มันจะวิ่งอย่างเร็วและแรง

ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ราคาจะบวก 10-15% ทำงี้ก็เพื่อสู้ day trade

กล้าจริงก็เข้ามา ที่ราคาบวกไปแล้ว โอกาสจะกำไร-ขาดทุนในวันมัน 50-50

ประมาณนี้ครับ





ส่วน tasco หากเป็น VI ของแท้ เขาคงพูดกัน ตอนที่ราคา tasco ต่ำสิบบาท :lol:

ไม่ใครมาหวังดีกับเงินในกระเป๋าของเราหร็อกครับ...  :?

เจตนาผม จริงๆคือ ช่วยให้น้องๆบ้างท่านทีอาจจะหลงเข้าไปในเกี่ยวข้องกับ

หุ้นเหล่านี้ครับ

ธรรมชาตินักลงทุน ส่วนใหญ่ที่เข้าไปมักจะลองเทรดเล็กๆน้อยๆกับหุ้นเหล่านี้

ก่อนเเละพอกำไรโอโห้ 2อาทิตย์ได้มาตั้ง70% บ้าง100%บ้างพอได้มากๆ

ชักอยากลุยทั้ง พอรท์จะได้โตไวไว  เพราะคิดว่าถ้าขาดทุนจะคัทลอสได้ทัน

ธรรมชาติหุ้นเก็งไร ถ้าเจ้าที่โหดๆ คุณจะไม่มีเเม้เเต่โอกาสคัทลอสนะครับ

ในบ้างครั้งหรือบ้างกรณี  อาจถูกsp ยาวไปเเละจบลงด้วยราคา=0

ถ้าจะเสี่ยงไปข้องเกี่ยวเเล้วต้องทำใจได้ว่าถ้าเงินที่เราเอาไปวัดดวงเป็นศูนย์

เเล้วเราต้องทำใจได้ เเละไม่ทำให้เราเกิดความเดือดร้อนในการดำเนินชีวิต

ปกติ

   เเละเช่นกันในขณะที่ตลาดมีความคึกคัก รายย่อยกำไร เจ้าจมูกมดยอมได้

กลิ่นเงินของรายย่อย ยอมพยายามหาทางดูดเงินออกจากกระเป๋า เเละก็เช่น

กัน  สุดท้ายก็ต้องได้เหยื่อที่หนีไม่ทันไม่มากก็น้อย



เป็นนักลงทุนยอมเลี่ยงความเสี่ยงไม่ได้ เเต่เราหลีกเลี่ยงการถูกฉ้อฉลได้

ถ้าเราระมัดระวังเพียงพอ

tasco ดูท่าจะเคืองที่ผมเอามาเป็นตัวอย่างวิ่งซะ กระจุย จาก 40 มา 54 ใช้เวลา4 วันอะ

หลายๆบริษัทมีข่าวดีเกือบทุกวัน จากนักวิเคราะห์ นักข่าว โบรคเกอร์และผู้บริหาร จนรายย่อยอย่างเราหลายคนสติเลอะเลือนถูกข่าวจำนวนมากทับถม เวลาซื้อขายทำให้ออกอาการเพี้ยนๆ ซื้อถูกขายแพงประจำ

คน3 คนโกหกเรื่องเดียวกันสามารถทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงได้

[quote="นกขนโดก"]หลายๆบริษัทมีข่าวดีเกือบทุกวัน จากนักวิเคราะห์ นักข่าว โบรคเกอร์และผู้บริหาร จนรายย่อยอย่างเราหลายคนสติเลอะเลือนถูกข่าวจำนวนมากทับถม เวลาซื้อขายทำให้ออกอาการเพี้ยนๆ ซื้อถูกขายแพงประจำ

เฉพาะช่วงนี้ อนาคตกำลังจะกลับกัน ซื้อแพงขายถูก เวลากำลังเริ่มนับถอยหลังแล้ว

ผมเห็นด้วยครับ ก่อนซื้อหุ้น ณ ดัชนี 899.99
(มันทำปิดเช้าแบบโกหกเปล่าเนี่ย :lol: )

ควรระวังให้มาก ๆ

marble เขียน:ผมเห็นด้วยครับ ก่อนซื้อหุ้น ณ ดัชนี 899.99
(มันทำปิดเช้าแบบโกหกเปล่าเนี่ย :lol: )

ควรระวังให้มาก ๆ

น้องเม่า : ก็แสงสีมันยั่วยวนหนิฮับ  :8)

      โดยส่วนตัวยังคิดว่าตลาดยังคงขึ้นเเบบกลัวๆ ไปกันอีกช่วงหนี่ง

ช่วงเวลาเเบบนี้ละครับ(หุ้นพื้นฐานไม่ค่อยไปไหนทรงๆไม่วิ่งเท่าไร ) ที่หุ้นที่

ผมเรียกว่า หุ้นเจ้าเข้าจะชอบออกมาเรียกลูกค้า ให้เข้าไปเล่นเก็งกำไรรายวัน


     ผมหวังว่าคงจะมีคนโชคดีเดินมาสะดุด กระทู้ของผมบ้างเเละถ้าบังเอิญ

ท่านผู้นั้น เปลี่ยนทิศทางหลีกเลี่ยง หรือลด ความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้นได้

     ผมก็ปลื้มใจเเล้วครับ



การเก็งกำไรมีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนทั่วไป ผู้ลงทุนโปรดระมัดระวัง

เเละ/หรือ พยายามหลีกเลี่ยง เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด

[quote="nw108"]

ในบ้างครั้งหรือบ้างกรณี

คุณ nw108 ท่าจะอยู่ในตลาดนาน ถึงย้อนอดีตถ่ายทอดเรื่องวิธีล่อแมงเม่า สารพัดวิธี   ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนหน้าใหม่      

ผมเคยอ่านหนังสือ คุณสุนันท์ เรื่องร้อยเล่ห์กลโกง (ถ้าจำชื่อไม่ผิดนะ)  เหมือนได้อ่านนิยายที่เล่าเรื่องตลาดหุ้นไทยในอดีต กลโกงต่างๆ ตัวละครในอดีตที่เป็นขาใหญ่ นักปั่น นักเก็งกำไร .........