Thai VI

อยากถามความคิดเห็นว่า
คุณคิดว่าเล่นหุ้นสไตล์ไหนถึงเหมาะกับคุณ
และเหมาะกับตลาดหุ้นไทย?
ระหว่าง สไตล์ ปีเตอร์ ลินซ์
                    วอเร็น บัฟเฟต
                    ฟิลลิป ฟิชเช่อร์
                    เกรแฮม
                    เสี่ยยักษ์
                    เสี่ยหมอ
                    เสี่ย..........9ล9
หรือสไตล์ที่คุณดัดแปลงคิดขึ้นเอง
ขอเหตุผลประกอบ

เกรแฮมครับ เพราะซุปเปอร์สต๊อคมีน้อย และไม่ค่อยซุปเปอร์เท่าไร
แต่สายเกรฉอมมันจะลำบากหน่อยตอนตลาดแบบนี้หละ

ปีเตอร์ ลินซ์ครับ
มีหลากหลายแนว ประยุกต์ในทุกสถานการณ์

แบบผสมผสานให้เข้ากับสไตล์ของตัวเอง

แน่นอนว่าต้องมีแนวทางของปรมาจารย์บ้าง

แต่ท้ายที่สุดผมว่าต้องกลั่นกรองให้เหมาะกับตัวเอง

ถ้าให้เหมาะกับตัวเองคงเป็นแบบท่าน ดร ครับ เพราะว่า มีงานประจำ ก็ไม่เปลี่ยนตัวบ่อย ทำให้ใช้เวลาส่วนมากในการศึกษาบริษัทที่ตัวเองถืออยู่ และไม่ต้องที่จะเร่งหาบริษัทอยู่เรื่อย ๆ

แต่ในภาวะตลาดหุ้นไทยที่ super stock มันน้อยแบบเกรแฮมก็ ok นะครับ เพราะว่าตลาดเราเป็นตลาดขนาดเล็ก ทำให้หุ้นคุณภาพดี ๆ ซื้อได้ราคาถูกพอสมควร แต่ต้องค่อย ๆ หาหน่อยเท่านั้นเอง

ผมไม่เคยอ่านแนวทางนักลงทุนระดับโลกเลยครับ จริงๆ

มีสไตล์ของตัวเองซึ่งหล่อหลอมมาจาก ตนเองจริงๆ ประสบการณ์ตนเอง และเชาวน์ปัญญาตนเองล้วนๆคับ  :8)

[quote="croyoty"]ผมไม่เคยอ่านแนวทางนักลงทุนระดับโลกเลยครับ จริงๆ

มีสไตล์ของตัวเองซึ่งหล่อหลอมมาจาก ตนเองจริงๆ ประสบการณ์ตนเอง และเชาวน์ปัญญาตนเองล้วนๆคับ

มวยวัดครับ สาดหมัดไปเรื่อยเปื่อย  :lol:  :lol:  :lol:
คือจะดูหุ้นไปเรื่อย ตัวไหนมีแวว (ตัวเลขสวย แนวโน้มดี ฯลฯ) แต่ยังไม่ค่อยมั่นใจ
ก็ส่งหมัดแย็บไปก่อน แล้วรอดูสักพัก(อาจจะเป็นไตรมาสหรือมากกว่านั้น)
บางทีก็มีเล่นรอบเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่เจ๊ง
แต่ถ้าตัวไหนค่อนข้างมั่นใจก็จัดขวาตรงไปซักหนึ่งดอก
หลังจากนั้นก็แล้วแต่เวรแต่กรรม เอ๊ย แล้วแต่ข้อมูลที่ศึกษาเพิ่มเติมครับ

ผมลงทุนมาได้ 1 ปีกว่าๆ  อ่านหลักการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเบนจามิน เกรแฮม, วอร์เรน บัฟเฟตต์, ปีเตอร์ ลินช์, ฟิลลิป ฟิชเชอร์    แต่พบว่า
ตัวเองไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นแบบท่านใดได้เลยสักคน หรือแม้แต่ เซียนหุ้นคนไทยเองก็ตาม  

ผมจึงลงทุนโดยมองที่หุ้นเป็นตัวๆๆ ว่า  ผมเข้าใจธุรกิจเพียงพอที่จะประเมินมูลค่าหุ้นได้ มองเห็นโอกาสที่ชัดเจนพอที่จะลงทุนได้ในระยะที่สบายใจ ไม่กังวลจนเกินไปครับ

จากการพยายามตะกายฝัน ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ตั้งแต่เด็กจนโต
ไม่เคยไปถึงเป้าหมายปลายทาง ในแต่ละช่วงอายุ ที่หวังไว้สักที  
พลาดมาตลอดทาง...หลายเรื่องกลับไปแก้ไขไม่ทันแล้ว

จนวันนี้  ผมแน่ใจว่า ตัวเองไม่มีเชาวน์ปัญญาพอจะพิชิตเป้าหมายนั้นได้

โดยปราศจากความจริงใจ
โดยปราศจากวินัย
โดยปราศจากการศึกษาหลักการที่พิสูจน์มาแล้ว
โดยปราศจากกัลยาณมิตร

ฯลฯ  

ขอบคุณที่ผมมีโอกาสได้รู้ ก่อนที่มันจะสายเกินไปเหมือนครั้งที่แล้วๆมา
เพราะเชื่อตัวเองมากเกินไป

ผมชอบแบบ ฟิล นะ

[quote="avast"]อยากถามความคิดเห็นว่า
คุณคิดว่าเล่นหุ้นสไตล์ไหนถึงเหมาะกับคุณ
และเหมาะกับตลาดหุ้นไทย?
ระหว่าง สไตล์ ปีเตอร์ ลินซ์

John Neff  :8)  :8)

[quote="reiter"]John Neff

[quote="ซุนเซ็ก"][quote="croyoty"]ผมไม่เคยอ่านแนวทางนักลงทุนระดับโลกเลยครับ จริงๆ

มีสไตล์ของตัวเองซึ่งหล่อหลอมมาจาก ตนเองจริงๆ ประสบการณ์ตนเอง และเชาวน์ปัญญาตนเองล้วนๆคับ

แฮ่ แฮ่ ของผมเหมือนกับคุณ kurapica เลยครับ ดูพอสมควรแล้วแย็บไปก่อน
พอกลับมาติดตามเพิ่มเติมดูซําว่าดีจริงก็ขวาตรงใส่เหมือนกัน ตอนนี้ถืออยู่ 8 ตัว เกือบหนึ่งล้านบาทครับ ล่าสุดก็มีข้อผิดพลาดซื้อbxxx เข้ามาเพราะไม่ได้ดูหนี้ ดูสภาพคล่องให้ดีก่อน ยังดีนะหุ้นเป็นขาขึ้น ขายออกไปบางส่วนเรียบร้อยแล้ว ยอมรับตัวเองครับว่าทำอย่างนี้ก็มีข้อผิดพลาดอยู่

เนื่องจากผมเป็นนักธุรกิจ จึงลงทุนแบบที่เราทำธุรกิจก็คือ

ถ้าเราจะร่วมทุนกับใครแล้ว ไม่เคยเจอกัน คุยกัน แลกเปลี่ยนถูกความคิด ต้องจริตกันล่ะก็  ไม่มีทางใส่เงินลงขันแน่นอน

หุ้นทุกตัว สำหรับผม  ต้องไปคุยกับผู้บริหารก่อนครับ

สำหรับผม นี่คือ การลงทุน ที่ได้กำไร ตั้งแต่ ได้นั่งสนทนากับคนเก่ง ๆ ที่มีคุณภาพระดับประเทศ แค่นี้ก็กำไรแล้ว  ส่วน กำไรจากการปันผลและส่วนต่าง ก็เป็นเรื่องต่อไป

แต่ถ้าได้กำไรจากการซื้อขายหุ้นโดยยังไม่ได้คุยกันเลย แม้กำไรมา ก็ไม่ค่อยภูมิใจเท่าไรเลยครับ  มันเหมือน โชค ๆ ฟลุ๊ค ๆ เหมือนกับ การเก็ง น่ะครับ ยังงัยไม่รู้



เงินก็สำคัญนะครับ  แต่ ความภาคภูมิใจ สำคัญกว่าเยอะครับ

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ซื้อเสื้อผ้า ยังต้องคุยกับคนขาย ซื้อมือถือต้องเรียนรู้มากมาย  ซื้อรถถามเพื่อนถามแฟน คิดแล้วคิดอีก  ซื้อบ้านวางแผนเป็นปี  แล้วซื้อหุ้นล่ะครับ ????

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

[quote="kensorat"]เนื่องจากผมเป็นนักธุรกิจ จึงลงทุนแบบที่เราทำธุรกิจก็คือ

ถ้าเราจะร่วมทุนกับใครแล้ว ไม่เคยเจอกัน คุยกัน แลกเปลี่ยนถูกความคิด ต้องจริตกันล่ะก็

ปีเตอร์ ลินช์ แน่นอนครับ เล่นได้ทุกแบบรวมทั้งหุ้นดีชั่วคราวหรือพวก turn around (เมืองไทยมีพวกนี้เยอะแยะมากมาย) แค่ให้เรารู้ก็พอว่าเราเล่นหุ้นแบบไหนอยู่ อย่าไปหวังว่าหุ้น big cap. จะโตเป็นร้อย% หรือไปหวังให้บริษัทเล็กๆมีอำนาจการต่อรองสูงๆในระยะยาว ไรพวกนี้อ่ะครับ คาดหวังผลการลงทุนให้เหมาะกับแต่ละธุรกิจและแต่ละช่วงเวลา

แหม คุณ croyoty นี้ น่ารักจิง ๆ นะครับ  เดี๋ยวจะขอแต่งงานซะเลยเนี่ย

ครับ ใช่คับ  เพราะ AS นี่ ทำให้ผมสามารถ สำเร็จบนความล้มเหลว ได้ครับ หลังจาก case ของ AS จึงทำให้ผมกลัวมากเลย ต้องเจอกัน คุยกันก่อนทุกครั้ง

ไม่เจอ ไม่เจ็บ ไม่รู้สึก ไม่รู้จริง เพราะรู้ไม่จริง ครับ  

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ชอบ John Neff ครับ

บัฟฟอร์ต แต่พยายามทำอยู่ ทุกวันนี้เวลาเห็นหุ้นลงมักจะตกใจ เพราะเป็นมือใหม่เพิ่งเข้าตลาดได้ไม่ถึงปีเลย

[quote="kensorat"]เนื่องจากผมเป็นนักธุรกิจ จึงลงทุนแบบที่เราทำธุรกิจก็คือ

ถ้าเราจะร่วมทุนกับใครแล้ว ไม่เคยเจอกัน คุยกัน แลกเปลี่ยนถูกความคิด ต้องจริตกันล่ะก็

ชอบแนว ลินซ์ + บัฟเฟตต์  :D

คุณ todsapon ครับ  ผมว่า เทคนิค การทำให้ผู้บริหาร อยากจะคุยกับเรา นั้น มี หลายประการครับ  แต่ละคนคงไม่เหมือนกัน  แต่ที่แน่ ๆ ถ้าไม่ได้คุย เราจะวิเคราะห์ตัวผู้บริหารได้อย่างไรครับ  
 :o  :o  :o  :o  :o  :o  :o

[quote="kensorat"]คุณ todsapon ครับ

คำตอบของคำถามดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นนักลงทุนแบบไหน
มากกว่าที่จะขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุนของทุน  ....เกรแฮม  


...เรียนรู้ตัวเองให้จงได้ ไม่ต้องไปสนว่าคุณจะเหมือนหรือไม่เหมือนกับใคร
ความสำเร็จต่างๆหรือแนวการทุน มีแต่ตัวเราเองเท่านั้น ที่ รู้ ......

ดีใจจังครับ  เพื่อน ๆ VI แต่ละคน  คมจริง ๆ  

เห็นด้วยทุกประการครับ  โดยเฉพาะที่ คุณ ronnapun กล่าวไว้  ความสุขและความสำเร็จในการลงทุน อยู่ที่ตัวเรา เป็นคนตัดสินใจครับ  

ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ  
         

ถ้าจะซื้อหุ้นของบริษัทของเขาสักห้าหมื่นบาท แบบนี้ผู้บริหารจะยอมคุยด้วยหรือเปล่า

todsapon เขียน:ถ้าจะซื้อหุ้นของบริษัทของเขาสักห้าหมื่นบาท แบบนี้ผู้บริหารจะยอมคุยด้วยหรือเปล่า

ไปประชุมสามัญประจำปี รับรองครับว่าคุยด้วย ถึงแม้จะซื้อหุ้นไว้แค่ 1 หุ้น