โบรกฯ ประสานเสียงฟันธงหุ้นไทยปีนี้แตะ 1000 จุด
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 06, 2010 5:33 am
โบรกฯ ประสานเสียงฟันธงหุ้นไทยปีนี้แตะ 1000 จุด แนะเก็บ BBL-KBANK-BAY-SCC-
BANPU-TUF-CPALL
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวใน
งานสัมมนา 'ซื้อหุ้นลุ้น 2 เด้ง กำไร& ปันผล' ว่า ดัชนีฯ ในปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 1,035 จุด เนื่อง
จากประเมินว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยคาดว่า
เติบโตประมาณ 17% นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ
คงอัตราดอกเบี้ย เพื่อพยุงภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เชื่อว่ายังมีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามา
สนับสนุนดัชนีฯ ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่ทั้งนี้หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน
เชื่อว่าดัชนีฯ จะอยู่ที่ 911 จุด
นายวิศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาใน
ตลาดตราสารหนี้ (Bond) ประมาณ 1 แสนล้านบาท ณ วันที่ 2 ส.ค. ดังนั้นจึงเชื่อว่าเม็ดเงินดัง
กล่าวจะโยกเข้าตลาดทุนได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลา
ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายPrivilege Client Advisory
บล.ธนชาต กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาโบรกเกอร์แต่ละสำนักได้มีการปรับประมาณการ
ราคาหุ้นและผลประกอบการเพิ่มขึ้น โดยราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสะท้อนความคาดหวังแล้ว แต่อย่างไรก็
ตาม ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าดัชนีฯ ที่ระดับกว่า 1,000 จุด ยังไม่ได้เห็นใน
ปีนี้ หรืออาจจะแตะให้เห็นแต่ไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ เนื่องจากยังมีความวิตกกังวล
ต่อปัญหาการเมืองภายในประเทศที่อาจจะมีคลื่นใต้น้ำ ทำให้การลงทุนสะดุดได้
นอกจากนี้ การฟื้นตัวในประเทศที่พัฒนาแล้วยังมีความเปราะบาง ขณะที่นโยบาย
ผ่อนคลายทางการเงินเริ่มหมดลง อาจทำให้เม็ดเงินส่วนเกินลดลงไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะ
ได้เห็นดัชนีฯยืนเหนือกว่า 1,000 จุดได้ภายในครึ่งปีหน้า เนื่องจากคาดว่าภาวะเศรษฐกิจใน
ประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตราการ
ขยายตัวที่ดี
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มที่มีการลงทุนในต่างประเทศ เช่น BANPU-TUF
เนื่องจากการลงทุนต่างประเทศจะเป็นการต่อยอดรายได้ ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก
รายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มจากปีนี้ไป 2-3 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มที่บริษัทจดทะเบียนจะกระจายการ
ลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังแนะนำ SCC แม้ว่าราคาหุ้นระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากส่วนต่าง
ปิโตรเคมีที่ลดลง และ Over supply ของอุตสาหกรรม แต่เชื่อว่ามูลค่าของราคาหุ้นยังน่าสนใจ
ขณะที่ SCC ยังมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยคาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ อยู่ที่
10 บาท และปี 2554 อยู่ที่ 12.50 บาท และ ปี 2555 อยู่ที่ 15 บาท ขณะที่ PTTEP แม้จะมี
ความกังวลเรื่องแหล่งมอนทารา แต่ราคาหุ้น PTTEP ยังมี Upside
ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ก็ได้รับผลดีจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว จากการลงทุนของ
ภาครัฐและเอกชน ซึ่งสินเชื่อที่จะเติบโตเป็นอันดับแรก คือ SME ดังนั้นแบงก์ที่มี SME มากจะ
ได้รับผลประโยชน์ เช่น BBL-KBANK-BAY โดยราคาหุ้น BAY ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อย ถือเป็น
หุ้น Laggard
นอกจากนี้ แนะนำหุ้นที่มีกระแสเงินสดสูง เช่น CPALL เพราะหากบริษัทไม่นำเงินไป
ลงทุนขยายกิจการ ก็จะนำเงินมาจ่ายปันผลในอัตราที่สูง
รายงาน โดย เมธาวรินทร์ เปี่ยมสมบูรณ์
เรียบเรียง โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 05/08/10 เวลา 17:09:47
BANPU-TUF-CPALL
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวใน
งานสัมมนา 'ซื้อหุ้นลุ้น 2 เด้ง กำไร& ปันผล' ว่า ดัชนีฯ ในปีนี้มีโอกาสแตะระดับ 1,035 จุด เนื่อง
จากประเมินว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน โดยคาดว่า
เติบโตประมาณ 17% นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ
คงอัตราดอกเบี้ย เพื่อพยุงภาวะเศรษฐกิจ ทำให้เชื่อว่ายังมีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติไหลเข้ามา
สนับสนุนดัชนีฯ ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่ทั้งนี้หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียน
เชื่อว่าดัชนีฯ จะอยู่ที่ 911 จุด
นายวิศิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เม็ดเงินจากต่างชาติไหลเข้ามาใน
ตลาดตราสารหนี้ (Bond) ประมาณ 1 แสนล้านบาท ณ วันที่ 2 ส.ค. ดังนั้นจึงเชื่อว่าเม็ดเงินดัง
กล่าวจะโยกเข้าตลาดทุนได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลา
ด้านนายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายPrivilege Client Advisory
บล.ธนชาต กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาโบรกเกอร์แต่ละสำนักได้มีการปรับประมาณการ
ราคาหุ้นและผลประกอบการเพิ่มขึ้น โดยราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นสะท้อนความคาดหวังแล้ว แต่อย่างไรก็
ตาม ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย ซึ่งคาดว่าดัชนีฯ ที่ระดับกว่า 1,000 จุด ยังไม่ได้เห็นใน
ปีนี้ หรืออาจจะแตะให้เห็นแต่ไม่สามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ เนื่องจากยังมีความวิตกกังวล
ต่อปัญหาการเมืองภายในประเทศที่อาจจะมีคลื่นใต้น้ำ ทำให้การลงทุนสะดุดได้
นอกจากนี้ การฟื้นตัวในประเทศที่พัฒนาแล้วยังมีความเปราะบาง ขณะที่นโยบาย
ผ่อนคลายทางการเงินเริ่มหมดลง อาจทำให้เม็ดเงินส่วนเกินลดลงไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะ
ได้เห็นดัชนีฯยืนเหนือกว่า 1,000 จุดได้ภายในครึ่งปีหน้า เนื่องจากคาดว่าภาวะเศรษฐกิจใน
ประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังมีอัตราการ
ขยายตัวที่ดี
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามอง คือ กลุ่มที่มีการลงทุนในต่างประเทศ เช่น BANPU-TUF
เนื่องจากการลงทุนต่างประเทศจะเป็นการต่อยอดรายได้ ซึ่งจะมีผลต่อราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก
รายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มจากปีนี้ไป 2-3 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มที่บริษัทจดทะเบียนจะกระจายการ
ลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ ยังแนะนำ SCC แม้ว่าราคาหุ้นระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากส่วนต่าง
ปิโตรเคมีที่ลดลง และ Over supply ของอุตสาหกรรม แต่เชื่อว่ามูลค่าของราคาหุ้นยังน่าสนใจ
ขณะที่ SCC ยังมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยคาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลในปีนี้ อยู่ที่
10 บาท และปี 2554 อยู่ที่ 12.50 บาท และ ปี 2555 อยู่ที่ 15 บาท ขณะที่ PTTEP แม้จะมี
ความกังวลเรื่องแหล่งมอนทารา แต่ราคาหุ้น PTTEP ยังมี Upside
ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ก็ได้รับผลดีจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว จากการลงทุนของ
ภาครัฐและเอกชน ซึ่งสินเชื่อที่จะเติบโตเป็นอันดับแรก คือ SME ดังนั้นแบงก์ที่มี SME มากจะ
ได้รับผลประโยชน์ เช่น BBL-KBANK-BAY โดยราคาหุ้น BAY ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อย ถือเป็น
หุ้น Laggard
นอกจากนี้ แนะนำหุ้นที่มีกระแสเงินสดสูง เช่น CPALL เพราะหากบริษัทไม่นำเงินไป
ลงทุนขยายกิจการ ก็จะนำเงินมาจ่ายปันผลในอัตราที่สูง
รายงาน โดย เมธาวรินทร์ เปี่ยมสมบูรณ์
เรียบเรียง โดย อนุรักษ์ ลีประเสริฐสุนทร
อนุมัติ โดย ดวงสุรีย์ วายุบุตร์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น [email protected]
ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 05/08/10 เวลา 17:09:47