Thai VI

เพื่อหลีกเฃี่ยงการถือหุ้นของ VI ในสวนตัวคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ก่อเกิดมลพิษมากๆ
คิดว่านะครับ
5 ปี พวกบริการ Internet เช่น CSL INET เพราะคนจะใช้บริการมือถือมากขึ้น
10 ปี หนังสือ สิ่งพิมพ์
20 ปี สำรวจแร่

ฮาา กระทู้น่าสนใจดีเหมือนกัน ... แต่เป็นคนไม่ค่อยมีวิสัยทัศน์เท่าไหร่ นึกอะไรพวกนี้ไม่ค่อยออกเลย อะไรจะรุ่ง อะไรจะร่วง มักจะไปเห็นตอนไอ้ที่รุ่งๆมันเริ่มจะร่วง ไอ้ที่ร่วงมันเริ่มจะรุ่ง ทุกที...

แต่ถ้าบอกอีกยี่สิบปี ... เท่าที่อยู่ในหัวตอนนี้ น่าจะเป็น
- อุตสาหกรรมกระดาษ ... เพราะเห็นว่าตอนนี้อเมซอนนี่ยอดขายหนังสืออิเล็กทรอนิิึคเติบโตมากกว่ากระดาษซะแล้ว
- อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการล้างอัดรูป โรงพิมพ์.... เพราะต่อไปกรอบรูปอิเล็กทรอนิค อัลบั้มภาพอิเล็กทรอนิค บิลบอร์ดดิจิตอล น่าจะเข้ามาแทนมากขึ้น
- อุตสาหกรรมโรงกลั่น ... เพราะน้ำมันจะหมดโลกไม่มีมาให้กลั่นอีกต่อไป
- อุตสาหกรรมรถยนต์ ... โดยเฉพาะรถยนต์แบบสันดาบภายในเพราะต่อไปน่าจะมีระบบการขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิืภาพสูง มาแทนในยุคน้ำมันใกล้หมดโลก ... แต่อาจจะเปลี่ยนไปสร้างรถจากเชื้อเพลิงอื่นเช่นไฮโดรเจน

อุตสาหกรรมที่ขาดความรับผิดชอบ และไม่มีจรรยาบรรณครับ
ไม่มี CSR ไม่อยู่ร่วมกับชุมชน มุ่งหวังกำไรสูงสุด แต่ละเลยผลประโยชน์สูงสุด(ละเลยเรื่องของสังคม)

รวมทั้งอุตสาหกรรมที่ยุ่งกับการเมืองมากไป การเมืองเปลี่ยนขั้ว ก็... พิษการเมืองทำธุรกิจล่มได้นะครับ

บอกได้เลยว่า โรงงานอุตสาหกรรมที่มลพิษสูง ต้นทุนพุ่งแน่ๆ
อุตสาหกรรมป่าไม้ (ไม่นับพวกปลูกเอง ตัดเองนะครับ)

มองไกลไปหน่อยนะครับ อนาคตมันทำนายยาก เอาเป็นว่าดูบริษัทที่มันน่าจะกำไร และทนต่อทุกสภาพเศรษฐกิจ น่าจะง่ายกว่านะครับ  :8)

บริษัทที่

internet เข้าไปแทนได้
หนังสือ
การขายสินค้ามีราคาในรูปแบบเดิมแบบ stand alone (อีกหน่อยคนซื้อในเน็ตหมด)

เท่าที่ทราบ csl เค้าเน้นลูกค้าที่เป็น องค์กร ไม่ใช่เหรอครับ

สินค้าขายที่ขายให้เด็กอ่อน -> เพราะอัตราการเกิดน้อยลงครับ
หนังสือ, หนังสือพิมพ์ -> เพราะมีสื่อ internet
โทรศัพท์บ้าน -> เพราะมีมือถือ
ปากกา -> เพราะใช้คอมพิวเตอร์ กะ ipad กันหมด

ผมว่า ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับไม้แปรรูปครับ เห็นเดี๋ยวนี้มีทั้งไม้ฝา มีทั้งวัสดุทดแทนไม้ และมีการค้นคว้าเกี่ยวกับผลิตภัฑณ์ที่เอามาทดแทนไม้ ต่อไปพวกเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้ๆทั้งหลาย คงมีการนำวัสดุอื่นมาทดแทน ดังนั้นผมคิดว่า พวกธุรกิจไม้แปรรูปน่าจะขยายตัวลดลงในอีก 5-10 ปีข้างหน้าถ้ามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์พวกแปรรูปที่ดีขึ้นครับ
ปล. ช่วยกันปลูกต้นไม้ถวายพ่อหลวงด้วยนะครับ ลดโลกร้อน อิอิ

ธุรกิจเช่าหนัง โรงหนัง ยูบีซี บริษัทผลิตเกมส์ ขายเกมส์ เพลง

สมาชิกเวปบิท และกล่อง มีมากขึ้นจากแต่ก่อน

คนดูของฟรี ดูฟรีไม่เท่าไหร่ไรท์แจกเพื่อนด้วย

podrbu เขียน: สมาชิกเวปบิท และกล่อง มีมากขึ้นจากแต่ก่อน

อะไรหรือครับ? ผมยังไม่รู้จักเลย

หมีบึงกุ่ม เขียน: อะไรหรือครับ? ผมยังไม่รู้จักเลย

เว็บบิตก็เอาไว้โหลดหนังโหลดเพลงกันครับ แหล่งละเมิดชั้นเยี่ยมเลย
ส่วนกล่องก็เอาไว้ดู UBC ฟรี ไงครับ ไม่ต้องจ่ายรายเดือนให้ทรู

ถ้าระยะยาว(สักสิบปี) ก็หนังสือกับสิ่งพิมพ์ครับ เดี๋ยวนี้เห็นวัยรุ่นบางคนเริ่มอ่าน e-book จาก ipad/ipod บ้างแล้ว

Travel Agency ก็น่าจะลำบากด้วย เพราะคนนิยมจองตั๋วเองผ่าน Webiste และมี Web ตัวกลางที่สำรวจราคาให้เสร็จสรรพว่าควรจองซื้อที่ไหน อันนี้ไม่ต้องรอ 10 ปี อีกซัก 5 ปีก็เห็นผลแล้ว..จะเหลือแต่พวกที่เป็น Full Board คือ เดินทาง ที่พัก อาหาร และไกด์แนะนำ..

CSL กำไรประมาณ 30% มาจากจาก Content ที่ให้ Download เรื่อง ดูดวง

ตรวาจลอตอรี่ ผลบอล โดยทำร่วมกับ AIS นะครับ ธุรกิจนี้โตวันโตคืน

แล้วยังเป็นเจ้าของ WEB www.hunsa.com อีกต่างหาก

ผมเห็นต่างเรื่องสิ่งพิมพ์ ผมมองว่าหนังสือยังอยู่ได้ หนังสือมีเสน่ห์ในตัวเอง กระดาษ สี ปก การพกพา กลิ่นหมึก และความสุขทางใจ
แต่หนังสือที่ขาย content บางอย่างที่ต้อง update กันบ่อยๆ เช่น encyclopedia, academic journal (medical journal ชัดมากๆ ตอนเปน นสพ. ผมไป search net แล้วไป xerox ห้องสมุด เดี๋ยวนี้ online only) อาจจะปรากฏโฉมเปนสิ่งพิมพ์ลดลง เพราะ "google it" มันยึดครองไปแล้ว
ผมว่ายังมีคนชอบเก็บหนังสือการ์ตูนเป็น set นะ หรือใครว่าโหลดยกชุดใส่ Ipad อ่านเข้าท่ากว่า

TRUEครับ ตั้งแต่เข้าตลาดมาขาดทุนมาหลายปีแล้วไม่ปรับปรุงซะที ถ้าได้สัมปทานดีๆ พื้นฐานจะเปลี่ยนไม๊

ที่เมกา ประเทศที่เจริญกว่าเราตั้งเยอะ นสพ หรือ หนังสือก็ยังอยู่ได้นะครับ
แม้ว่าจะกำไรลดลง

ผมว่า feeling มันคนละอย่างปะคับ

podrbu เขียน:ธุรกิจเช่าหนัง โรงหนัง ยูบีซี บริษัทผลิตเกมส์ ขายเกมส์ เพลง

สมาชิกเวปบิท และกล่อง มีมากขึ้นจากแต่ก่อน

คนดูของฟรี ดูฟรีไม่เท่าไหร่ไรท์แจกเพื่อนด้วย

อันนี้ผมเห็นต่างนะครับ ไม่คิดว่ามันจะตกต่ำแต่อย่างใด  

ใช้ five forces ก็ได้ครับ

พวกที่มี competitive force/threat จาก substitute products

เป็นไปได้หมดทุกอย่างเลยครับ  :lol:  :lol:

แล้วธุรกิจที่จะมาแรงใน 5-10 ปีข้างหน้าละครับ

ยังคิดว่าเป็น เทคโนโลยี่ มั้งผมว่า

5-20 ปีนี่พิสัยยาวมาก

ที่แน่ๆอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน รวมทั้งบริษัทรถและชิ้นส่วนหากไม่สามารถปรับตัวได้

ธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนเยอะ  (carbon-intensive companies เช่น รถยนต์ พลาสติค ฯลฯ) อาจจะล้มละลาย

ใครจะไปรู้เครือซีเมนต์ไทยอาจจะอยู่ไม่ได้ก็ได้ (ปิโตรเคมีและพลาสติคใช้น้ำมันและทำลายสิ่งแวดล้อมมาก มีปัญหาการรีไซเคิล
กระดาษทำลายสิ่งแวดล้อมเยอะมาก ทั้งวัตถุดิบที่ใช้และกากของเสียที่ต้องฝังกลบ และอื่นๆและดีมานด์อาจจะลดฮวบ
ปูนซีเมนต์ทำลายเขาเป็นลูกๆ ใช้พลังงานสูงมาก ฯลฯ

ธนาคาร หรือแม้กระทั่งร้านค้าปลีกก็ไม่แน่  เพราะด้วยอินเทอร์เนตคุณสามารถซื้อตรงจากผู้ผลิตได้