หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 22, 2010 9:45 am
โดย kotaro
ใครใช้ สไตล์ไหนบ้างครับ

อยากฟังครับว่า ดีหรือไม่ดียังไงบ้าง

แรกๆ ผมมุ่งเน้นไปแต่ทาง Bottom UP อย่างเดียว แต่รู้สึกเหนื่อยมาก ยิ่งเป็น

part-time investor แล้ว รู้สึกว่ากว่าจะหาหุ้นเจอแต่ละที เหนื่อยๆ

หลังๆ  หันไปใช้ Top Down มั่งแล้ว

Seth Klarman ผู้เขียนหนังสือ Margin of Safety ที่โด่งดัง บอกว่า VI เป็นกลยุทธ์แบบ bottom up ดังเช่นนี้
there are three central elements to a value-investment philosophy

1.Value investing is a bottom up strategy entailing the identification of specific undervalued investment opportunities.
2.Value investing is absolute-performance-, not relative-performance oriented.
3.Value investing is a risk-averse approach; attention is paid as much to what can go wrong (risk) as to what can go right (return)".

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 22, 2010 10:00 am
โดย VSนักลงทุนอริยะ
ขอร่วมวงความคิดด้วยนะครับ
สำหรับผมแล้ว  top-down ครับ
แต่ไม่ได้ top in term of macro-economic นะครับ
just top in industrial aspect เท่านั้นครับ  อุตสาหรรมไหนแล้วดีขึ้น ผมจะเลือกเป็นปัจจัยแรก
หลังจากนั้น ก็จะเลือก กิจการในอุตสาหกรรมนั้น ๆ มาใครเป็นเบอร์ หนึ่ง หรือ สอง
หลังจากนั้น ดูราคาครับว่ามี MOS มากพอควรไหม (35%) ครับ  ถ้ายังก็รอครับ ถ้าราคาไม่ลงมา ก็รอครับ (แปลว่า ดวงยังไม่ผูกกัน เป็นเจ้าของร่วมกันไม่ได้ครับ)
ในขณะเดียวกัน ก็จะหากิจการที่กำลังจะโดดเด่นเป็นเบอร์หนึ่งในอุตสาหกรรนั้น ๆ ในเชิง segmentation ต่อไปครับ แล้วก็ดู MOS อีกเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ ก็รอ รอ รอ ครับ
KSF: เราจะคิดเองเออเองไม่ได้นะครับ  เราต้องไปเยี่ยมกิจการครับ ถ้ากิจการใดไม่ได้ไปเยี่ยม  ผมจะไม่ลงทุนครับ  ผมชอบเจอตัวเป็น ๆ ครับ
:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:
(ผิดถูกขออภัยครับ)
www.ceoken.com

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 22, 2010 12:46 pm
โดย pat4310
ผมชอบแบบ buttom up ครับแต่ต้องกรองนิดนึ่งนะอ่านทุกตัวก็ไม่ไหว ส่วนใหญ่ตัวกรองที่ผมใช้ก็มี
1. pe หาตัวที่มันต่ำๆไว้ก่อน แล้วมาดูว่าอะไรที่ตลาดให้คุณค่ามันต่ำขนาดนั้น สมเหตุสมผลกับอนาคตที่มันเป็นหรีอไม่
2. กำไรในไตรมาศนั้นๆกระโดดแรงๆ ดูจากกระทู้สรุปผลประกอบการในไทยวีไอนี่แหละ เพราะบางกิจการอนาคตกำลังจะไปดีแต่ตอนนี้ยังขาดทุนถ้าใช้ตัวกรองข้อ1หุ้นแบบนี้จะไม่โผล่ อยู่จะไม่มี pe หรือ peสูงมาก  ก็พลาดโอกาศไป หุ้นที่ผ่านตัวกรองนี้ต้องดูนิดนึงว่ามันโดดจากอะไรปัจจัยชั่วคราวหรือพื้นฐานของกิจการเปลี่ยนไปถ้าพื้นฐานเปลี่นก็วิแคะกันยาวหน่อย

เคยได้5เด้งจาก gfpt ก็ตัวกรองอันนี้แหละบริษัทอะไรกำไร 8 บาทบันผล2.5บาท แต่ราคาอยู่ที่ 20 สะกิดตาปุ๊บหาข้อมูลมาวิแคะ พิ้นฐานเปลี่น ซัลโวโลด

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 22, 2010 6:06 pm
โดย getkung
ผมชอบแบบ bottom  up มากกว่าครับ สำหรับคนที่มีเวลา ผมว่าวิธีนี้จะช่วยให้เรามีทางเลือกมากขึ้น

แต่ที่ผ่านมาใช้แบบ top down ครับ วิธีนี้จะสะดวกกว่า แต่เราต้องมองให้ออกว่าอุตสาหกรรมไหนมันกำลังมา หรือว่าเพิ่งมา ไม่ใช่มาจนจะหมดกระแสแล้ว

เนื่องจากตอนนี้กระสุนหมดไปกับยานยนต์เรียบร้อยแล้ว กำลังไล่ bottom up ตามที่ตั้งใจไว้ ไล่ตามตัวอักษรเลยครับ แต่ตัว A ยังไม่หมดเลย

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 22, 2010 6:58 pm
โดย Warantact
ผมก็ใช้ bottom up

แต่ตอนปัญหากรีซมาก็ใช้แบบ top down  คือไปดูหุ้นในตลาดเอเทนส์ กะว่าเข้าตลาดหมี ยิงมั่วๆอาจโดนของดี

แล้วปัญหาก็คือ

อ่านไม่ออก 55555 ลาก่อนหนูกรีซ

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 2:20 pm
โดย BalsamiC
ขอรบกวนสอบถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ จากข้อ 2 น่ะครับ “not relative-performance oriented.” นี่หมายความว่ายังไงน่ะครับ

ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

:bow:

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 3:19 pm
โดย kotaro
ขอรบกวนสอบถามเป็นความรู้หน่อยนะครับ จากข้อ 2 น่ะครับ not relative-performance oriented. นี่หมายความว่ายังไงน่ะครับ
คือ relative performance ก็คือ ผลตอบแทนที่เอาไปวัดเปรียบเทียบกับตัวอื่น

ส่วน absolute performance ก็คือ ผลตอบแทนเพียวๆ เลย หรือ ผลตอบแทนจริงๆที่ได้

เช่น ใน port เราได้ผลตอบแทนตอนสิ้นปี บวกอยู่ 10%  ส่วน SET บวก 5%

Absolute performance = +10%
Relative performance เทียบกับ SET =+5%

โดย absolute performance เราก็ซื้อหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่า และหากหุ้นขึ้นไปเต็มมูลค่าแล้ว เราก็ขายทิ้ง ถือเงินสดไว้  ไม่เหมือน Relative performance ที่หากหุ้นเราเต็มมูลค่าแล้ว เราก็อาจต้องถือห้นไว้ใน port 100% เพราะกลัวผลตอบแทนจะน้อยกว่า อย่างอื่น

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 4:08 pm
โดย kotaro
KSF: เราจะคิดเองเออเองไม่ได้นะครับ  เราต้องไปเยี่ยมกิจการครับ ถ้ากิจการใดไม่ได้ไปเยี่ยม  ผมจะไม่ลงทุนครับ  ผมชอบเจอตัวเป็น ๆ ครับ
เห็นในกระทู้อื่นครับ เรื่องขอไปเยี่ยมกิจการ  แล้วถ้า บริษัทฯ ที่เราสนใจไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับคุณ kensorat คุณ kensorat ทำยังไงครับถึงเข้าไปขอพบผู้บริหารได้

หรือว่ามี connection กับทุกบริษัทฯ เลยครับ

:shock: จะได้ขอตามไปบ้างครับ  :)

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 23, 2010 5:42 pm
โดย BalsamiC
kotaro เขียน:
คือ relative performance ก็คือ ผลตอบแทนที่เอาไปวัดเปรียบเทียบกับตัวอื่น

ส่วน absolute performance ก็คือ ผลตอบแทนเพียวๆ เลย หรือ ผลตอบแทนจริงๆที่ได้

เช่น ใน port เราได้ผลตอบแทนตอนสิ้นปี บวกอยู่ 10%

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 24, 2010 1:30 am
โดย i_sarut
ใช้ทั้ง 2 แบบ แล้วแต่สถานการณ์ครับ

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 24, 2010 8:19 am
โดย phar314
ิbottom up
top down

สองคำนี้ต่างกันอย่างไรครับ

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 24, 2010 9:05 am
โดย kotaro
Bottom Up View

รูปภาพ

Top Down View

รูปภาพ

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 24, 2010 9:09 am
โดย ส.สลึง
เป็น part-time investor เหมือนกันครับ :)

กลยุทธ์ที่ใช้คือ Bottom up
อาศัยช่วงเวลาหลังเลิกงานบ้าง
วันหยุดบ้าง ทำการบ้าน หาข้อมูลไปเรื่อยๆ
หาจุดแข็งจุดอ่อน ไม่เคยเหนื่อยครับ
ช่วงไหนเซ็งๆ ก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่น

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า Bottom up จากกิจการ
ที่เราสนใจพิเศษ รู้สึกว่ามันสนุกดี :8)
ดีกว่า Top down ลงไปในรายกิจการที่ผมไม่รู้เรื่อง :? เลย

ปล.
ขำๆ พี่ Kotaro เข้าใจเปรียบ :wink:

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 24, 2010 9:51 am
โดย dome@perth
kotaro เขียน:Bottom Up View

รูปภาพ

Top Down View

รูปภาพ
โห.....เป็นคำตอบที่เทพมากๆครับ :bow:  :bow:  :bow:

Top Down vs Bottom UP investing

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 24, 2010 11:58 am
โดย unnop.t
ส่วนใหญ่ผมจะมอง bottom up ถ้ายังพอมองเห็นตัวที่เตะตา

ถ้ามองไม่ออกจริง ๆก็เริ่มมอง top down จากอุตสาหกรรมที่สนใจครับ

แต่ผมรู้สึกว่าตอนนี้ ทั้ง top down และ bottom up หาหุ้นถูกใจยาก เพราะกว่าจะเจอตัวน่าสนใจราคามันวิ่งไปก่อนเร็วมาก เนื่องจากข้อมูลข่าวสาร กระแสต่าง ๆ บางครั้งก็รู้สึกกระเป๋าร้อน ลดมาตราฐานไม้บรรทัด ต้องคอยเตือนตัวเอง  :(