เครดิตสวิสยกหุ้นไทยติด1ใน3น่าลงทุนสุดในเอเชีย
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 21, 2010 4:11 pm
เครดิตสวิสยกหุ้นไทยติด1ใน3น่าลงทุนสุดในเอเชีย
21 กรกฎาคม 2553 เวลา 06:36 น.
เครดิตสวิส ยกหุ้น ไทย จีน เกาหลีใต้ น่าลงทุนมากสุดในเอเชีย ด้าน บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้หุ้นยังขึ้นต่อ เป้าสิ้นปี 850-880
บริษัทเครดิตสวิส โบรกเกอร์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยมองว่าตลาดหุ้นไทย จีนและเกาหลีใต้ เป็นตลาดที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดในเอเชีย
ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ขึ้นเป็นมากกว่าเกณฑ์ (Overweight) พร้อมให้น้ำหนักเพิ่มเป็นระดับ 25% จาก 20% ขณะเดียวกัน ยังได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นอังกฤษและยุโรป แต่ยังคงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐต่ำกว่าเกณฑ์ (Underweight)
ด้านนายวิชชุ จันทาทับ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ประเมินดัชนีหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ระดับ 850-880 จุด
ปัจจุบันหุ้นไทยยังถูกกว่าตลาดในภูมิภาค เนื่องจากเงินต่างชาติยังเข้ามาไม่มากนัก นักลงทุนรอให้ปัญหามาบตาพุดคลี่คลายลง
ที่ผ่านมา หุ้นขนาดเล็กที่อยู่ใน SET100 จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น SET50 เนื่องจากหุ้นกลุ่ม ปตท. ราคาไม่ไปไหน โดยเราให้น้ำหนักกับปัญหามาบตาพุดถึง 60-70% แต่ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังดี ต่อให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่น่าจะทำให้หุ้นหลุด 780 จุด เชื่อว่า 800 จุดรับอยู่ นายวิชชุ กล่าว
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังคงรายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2553 ออกมาดีต่อเนื่อง ทำให้มีแรงซื้อหุ้นในธนาคารที่ยังไม่ประกาศผลกำไรสุทธิออกมา โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะ BBL มีกำไรสุทธิ 6,825 ล้านบาท เท่ากับ 3.58 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 40.46% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงมากกว่ารายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในไตรมาสก่อนหน้าเป็น 3%
นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 2,449 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการขายหุ้นธนาคารสินเอเซีย จำนวน 306.3 ล้านหุ้น ให้แก่ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC)
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มในอนาคต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น โดยภาคการส่งออกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
สำหรับเงินให้สินเชื่อขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2553 และขยายตัว 2.6% จาก ณ สิ้นปี 2552
ด้านธนาคารกรุงไทย (KTB) มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 จำนวน 3,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.74% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 32.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาหุ้นขึ้นไม่ไหวปิดเท่ากับวันก่อน 12.70 บาท
http://www.posttoday.com/หุ้น-ทอง/โปรหุ ... สยกหุ้นไทย
21 กรกฎาคม 2553 เวลา 06:36 น.
เครดิตสวิส ยกหุ้น ไทย จีน เกาหลีใต้ น่าลงทุนมากสุดในเอเชีย ด้าน บลจ.ไทยพาณิชย์ ชี้หุ้นยังขึ้นต่อ เป้าสิ้นปี 850-880
บริษัทเครดิตสวิส โบรกเกอร์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา ประกาศกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยมองว่าตลาดหุ้นไทย จีนและเกาหลีใต้ เป็นตลาดที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดในเอเชีย
ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในเอเชีย ยกเว้นญี่ปุ่น ขึ้นเป็นมากกว่าเกณฑ์ (Overweight) พร้อมให้น้ำหนักเพิ่มเป็นระดับ 25% จาก 20% ขณะเดียวกัน ยังได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นอังกฤษและยุโรป แต่ยังคงน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐต่ำกว่าเกณฑ์ (Underweight)
ด้านนายวิชชุ จันทาทับ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ประเมินดัชนีหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่ระดับ 850-880 จุด
ปัจจุบันหุ้นไทยยังถูกกว่าตลาดในภูมิภาค เนื่องจากเงินต่างชาติยังเข้ามาไม่มากนัก นักลงทุนรอให้ปัญหามาบตาพุดคลี่คลายลง
ที่ผ่านมา หุ้นขนาดเล็กที่อยู่ใน SET100 จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้น SET50 เนื่องจากหุ้นกลุ่ม ปตท. ราคาไม่ไปไหน โดยเราให้น้ำหนักกับปัญหามาบตาพุดถึง 60-70% แต่ปัจจัยพื้นฐานหุ้นไทยยังดี ต่อให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่น่าจะทำให้หุ้นหลุด 780 จุด เชื่อว่า 800 จุดรับอยู่ นายวิชชุ กล่าว
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ยังคงรายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2553 ออกมาดีต่อเนื่อง ทำให้มีแรงซื้อหุ้นในธนาคารที่ยังไม่ประกาศผลกำไรสุทธิออกมา โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ (BBL) และธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะ BBL มีกำไรสุทธิ 6,825 ล้านบาท เท่ากับ 3.58 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13.4% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 40.46% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 5.9% จากไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากธนาคารมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงมากกว่ารายได้ดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 2.9% ในไตรมาสก่อนหน้าเป็น 3%
นอกจากนี้ ยังมีกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 2,449 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการขายหุ้นธนาคารสินเอเซีย จำนวน 306.3 ล้านหุ้น ให้แก่ Industrial and Commercial Bank of China (ICBC)
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มในอนาคต เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น โดยภาคการส่งออกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
สำหรับเงินให้สินเชื่อขยายตัว 2.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2553 และขยายตัว 2.6% จาก ณ สิ้นปี 2552
ด้านธนาคารกรุงไทย (KTB) มีกำไรสุทธิไตรมาส 2 จำนวน 3,373 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.74% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 32.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ราคาหุ้นขึ้นไม่ไหวปิดเท่ากับวันก่อน 12.70 บาท
http://www.posttoday.com/หุ้น-ทอง/โปรหุ ... สยกหุ้นไทย