หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ผมว่าการลงทุนในหุ้นบ้านเราต้องวัดเมื่อขายไม่ใช่วัดเมื่อซื้อ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2010 1:36 pm
โดย pawawit
"ผมว่าการลงทุนในหุ้นบ้านเราวัดเมื่อขาย ไม่ใช่วัดเมื่อซื้อ" ก็ตอนนี้หุ้นทั้งตลาดยังถูกอยู่เลย คือ ค่า P/E ประมาณ 5 เท่า P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า และปันผล 10% -- ผมว่า ยังมีเยอะ

-- ประเด็นมันคือ ตอนนี้ "หุ้นไทย" มันถูกอยู่ ใครๆก็สามารถซื้อหุ้น ถูก ได้ทั้งนั้น

--ดังนั้น "ถ้าคุณสามารถซื้อหุ้น (ได้ราคาถูก) ตอนนี้ไม่ได้วัดว่า คุณเก่งหรือเป็น Value Investor ได้เลย"

ถ้าใครเก่งจริง มันอยู่ที่ว่าคุณขายได้เท่าไหร่ต่างหาก

-- อย่าง PTT (ผมถามหน่อยว่าคุณ จะขายที่เท่าไหร่ -- ผมว่าคนส่วนใหญ่ที่ขายต่ำกว่า 400 บาท ก็"ขายหมู" ทั้งนั้น ((((อย่าง PTT ปกติหุ้นซื้อขายกัน 3 เท่าของ Book ถ้าอีก 5 ปี Book = 200บาท ดังนั้นถ้าเศรษฐกิจดี หุ้นจะขายกันที่ (200 * 3 เท่า = 600 บาทต่อหุ้น)

--หลาย คน (งง) เลยนึกว่า ไอ้ที่ขายไปกำไรมา 50 บาท "นึกว่าแจ๋วแล้วล่ะซิ.. ฮิ ฮิ...))))-- เพราะขายไปแล้ว ก็ต้องวิ่งกลับมาซื้อใหม่ --"ตลกเด็กสิ้นดี"

-- ผมบอกได้เลยใครกำหนดราคาขายได้ถูก ถึงจะเป็นผู้ชนะ ในการลงทุนต่อจากนี้ไปอีก 5 ปีข้างหน้า
"วัดกันที่ราคาขาย" --- จริงไหมล่ะครับ...........
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com

ผมว่าการลงทุนในหุ้นบ้านเราต้องวัดเมื่อขายไม่ใช่วัดเมื่อซื้อ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 19, 2010 3:04 pm
โดย PrasertsakK
แล้วถ้าไม่ได้ขายกับเขาสักทีแบบ buffet ละครับ เขาเรียกว่าเป็นผู้แพ้หรือชนะดี  :twisted:

ผมว่าการลงทุนในหุ้นบ้านเราต้องวัดเมื่อขายไม่ใช่วัดเมื่อซื้อ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 20, 2010 6:39 pm
โดย simplelife
Theme สัมมนาคราวนี้เรียกได้ว่า เยี่ยม!! มันคือบรรยากาศของ ทะเลหุ้น นั่งสัมมนากันท่ามกลางทะเลติดปราสาทสัจธรรม (แต่ทุกคน Focus ในเนื้อหาที่เข้มข้น จนไม่มีเวลาไปดูปราสาทสัจธรรม..หุ หุ(กลบหมด!!)..งานวันนี้ S2M แอบเปิดตัวหนังสือเล่มแรกของทั้ง S2M และ ภาววิทย์ เรียกได้ว่า ต่างคนต่างดิบ..พี่ Looking แกอยากเป็นสุกี้ ..ภาววิทย์ เลยต้องเป็น สมเกียรติ มอง Trend ..กำลังหา บอย อยู่ ใครรู้ตัวว่าเป็น บอย--ช่วยแสดงตัวด่วน!! ..

งานนี้เรียกได้ว่า ป๋ากิ้ง แกยืนยิ้มตลอดงาน (เมาน่ะ!! ) ม่ายใช่!!..ล้อเล่น ..จริงๆคือ ป๋ากึ้งแกภูมิใจ ที่สังคม Online ที่ร่วมแบ่งปันเล็กๆแห่งนี้ กำลังก้าวขึ้นมาอีกขั้น จาก Web Board เล็กๆ (ที่จำนวนคนดูไม่เล็ก) วันนี้เราได้ก้าวเข้ามาสู่การผลิต หนังสือ ที่จะเน้นในเรื่องคุณภาพเนื้อหา (คือเล่มแรกที่ต้องออกตัวเล็กน้อย เพราะใหม่ทั้ง S2M ใหม่ทั้งคนเขียน จึงอาจมีการผิดพลาดในเรื่องตัวสะกดบ้าง..กราบขออภัยมากๆครับ --ขอให้คิดเสียว่า มันเป็น Original ดิบๆ คล้ายๆกับ Modern Dog ชุดแรกละกันครับ..หุ หุ

ก็ขอแย้มเลยว่า จากนี้ไป S2M จะเริ่มผลิตงานคุณภาพออกมาเรื่อยๆ ทั้งจาก ป๋ากึ้งเอง(ทุกคนอดใจรอนิด..มาแน่!!) ผลงานจากคุณหมอ(ทุกๆท่านที่ สร้างความรู้แบบไม่หวังผลตอบแทน) อย่างผมเอง ผมไม่ได้มองว่า การเขียนหนังสือมันคือการเป็นนักเขียนเท่านั้น หากแต่มันเป็นความภูมิใจ ของคนถ่ายทอด รวมถึงความสุขของผู้ได้รับ ผมว่ามันเป็นอะไรที่อมตะนะ

วันนี้เราได้เห็นเด็กรุ่นใหม่ (โดยเฉพาะ Gen Y) ที่เริ่มศึกษาหุ้นกันอย่างจริงจัง ด้วยความสามารถ และการเป็นทายาทตัวจริงของ Baby Boomer --ผมไม่สงสัยเลยว่า จากนี้ไปตำนานของตลาดหุ้นกำลังจะถูกจารึกหน้าใหม่ (เอาเป็นว่า S2M กับ ป๋ากึ้ง มองเห็น Trend นี้เช่นกัน จึงอยากรับสมัครผู้ให้ และผู้มีความรู้ทั้งหลายให้เข้ามาร่วมแบ่งบัน ทั้งใน Web board หรือ กระทั่งการสร้างหนังสือ หรือ สื่ออื่นๆตามถนัดและจินตนาการ)

กลับมาที่บรรยากาศสัมมนา เริ่มด้วยภาพกว้าง (กว้างจริงๆ) จาก ป๋ากึ้ง และ ภาววิทย์
เราเริ่มด้วยการเอา Buffet มาชำแหละ!! คือเราถามกันไปกันมาว่า แท้จริงแล้ว Warren Buffet (นักลงทุนที่รวยที่สุดในโลก) เขามีจุดแข็งที่อะไร

ป๋ากึ้ง : ภาววิทย์!! ไหนๆ ก็จะ แกะรอยหยักสมอง Buffet แล้ว บอกหน่อยว่า Buffet แจ๋วที่ตรงไหน?

ภาววิทย์ : ความอึด!!กั๊บ

ป๋ากึ้ง : อะไร(ของมึงวะ) ความอึด ไหนอธิบายซิ

ภาววิทย์ : จุดเด่นของ Buffet คือเขาไม่ได้เก่งอะไรมากมาย เพียงแต่เขามองภาพใหญ่กว่าคนทั่วไป อย่างในเฉพาะห้องสัมมนาถ้าพูดว่าลงทุน 1 ปี ก็เรียกว่ายาวแล้ว ..แต่นี่ Buffet มองที 30 ปี !!--พอลากเอากราฟความผันผวนของคนทั่วไป จะเห็นได้กว่า ผันผวนแกว่งยิ่งกว่าเข้าบ่อน ..แต่พอลาก กราฟของ Buffet ดูเขากลับเป็น กราฟขึ้นอย่างเรียบๆ ---แต่จริงๆก็อย่างที่บอก เพราะเขามองภาพใหญ่มาก เวลาเล่นหุ้นก็เหมือนผู้ใหญ่แข่งกับเด็ก คุณว่าใครจะชนะล่ะ!!

ป๋ากึ้ง : กั๊ก ..กั๊ก เหมือน เล่นโก๊ะล่ะซิ ท่าน ก่อศักดิ์ กล่าวว่า ชนะเพราะไม่คิดเอาชนะ การมุ่งจะเผด็จศึกอย่างรีบเร่ง ย่อมแพ้ในสมรภูมิโก๊ะอย่างง่ายดาย (ฮึม!! เหนือชั้นจริงๆ ) แต่ !!

ภาววิทย์ : อย่างหุ้น Washington post ของ Buffet พอซื้อปั๊บ ปีต่อมาหุ้นตกไป ครึ่งนึง (ถ้าเป็นมนุษย์ปกติ ผมว่า ตกใจขายทิ้งไปแล้ว..แต่ Buffet ไม่ขาย) จากนั้น 30 ปี หุ้นวิ่งขึ้นจากที่เขาซื้อ 100 เท่า (คุณลองนึกดูว่า ไม่เรียก อึด จะเรียกอะไร อย่าง เราๆ ขึ้นไม่ต้องถึงเท่า ก็ขายกันไปหมดแล้ว..จริงไหม!!)ดังนั้น ประเด็นจริงๆ คือ Buffet เขาไม่ได้ดูราคาแต่เขาซื้อกิจการ -----เพราะถ้ามองราคา ถามหน่อยขึ้นไปสัก 1 เท่า ก็จะทนไม่ไหวแล้ว!!

ป๋ากึ้ง : อย่างเรื่องทองมองยังไง (เห็นในหนังสือ แกะรอยหยักก็แตะเรื่องทองด้วยนี่)

ภาววิทย์ : ทอง จริงๆมันคือ Commodity อย่างนึงที่วิ่งตาม Demand / Supply ตอนนี้ค่าเงินไม่ว่าจะอเมริกาหรือยุโรป ดูยังไงระยะยาวมีแต่ลง นักลงทุนก็เลยวิ่งหาทอง Demand มันมาก ราคามันเลยขึ้น --ถ้าถามว่ามันจะขึ้นต่อไหม ผมว่า มันต้องขึ้นต่อ แต่ประเด็นคือ ตอนนี้มัน Bubble อยู่ (ถ้าถามว่ามัน Bubble ไปถึงไหน --คุณดู Down jone คือช่วงทอง Bubble จริงๆ มันเท่า Dow ตอนนี้ Dow หมื่นกว่าจุด แต่ทองพันกว่า ..เหลือ Roomอีกเยอะ --แต่!!)ผมไม่ได้บอกว่า Bubble มันจะดันราคาทองไปถึงไหน ..ถ้ารู้ก็รวยกันหมดแล้ว!! แต่เราไม่รู้ดังนั้นต้องช่างน้ำหนักดูเอง (วันนี้ถ้าถามว่าผมแนะให้ซื้อทอง ผมไม่แนะนำ แต่คนที่ซื้ออยู่แล้ว ผมก็แนะให้ถือต่อ และไปขายตอนที่ เศรษฐกิจดี)

ป๋ากึ้ง : แล้ว Commodity ตอนนี้ที่มันพุ่งๆ นี่ตั้งแต่ราคาน้ำมัน, น้ำตาล, Wheats ยันเหล็ก มันเกี่ยวอย่างไรกับหุ้น

ภาววิทย์ : Commodity จริงๆมันคือ Cost ของกิจการ คือ ถ้า Commodity แพง เช่น น้ำตาลแพง คนผลิตขนม ผลิตน้ำหวาน ก็เหนื่อย ---ดังนั้น ถ้า Commodity ขึ้น หุ้นก็มักจะแย่ (แต่รอบนี้มันแปลก เนื่องจาก หุ้นมันแย่ แต่เงินสดมันกลับแย่กว่า ) คือ ถ้าไอ้กัน มันขีนปล่อยให้เงินมันแข็ง มีหวังคน Default บ้านหมด ตายทั้งประเทศ ดังนั้น หลับตาฝันธง ยังไง ค่าเงินดอลล่าห์ก็ต้องอ่อน (อ่อนในที่นี้คือ อ่อนเมื่อเทียบกับ Asset นะ) เพราะมูลค่า Us เทียบ Asset มันหายไปเกือบ 90% ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา(คิดดูละกัน!!)

ป๋ากึ้ง : และ Pat มองอะไรตอนนี้ ว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญ

ภาววิทย์ : ผมมองประชากรนะ ..ตั้งแต่ทำงานร่วมกับ Consult ที่เข้ามารื้อ ธนาคารกรุงเทพปีที่ผ่านมา มันเริ่มจากประชากรทั้งสิ้น คือ อย่าง Baby Boomer เคย Dominate ตลาดเนื่องจากกลุ่มนี้ คนเยอะ ..ดังนั้นไม่ว่า Boomer จะอยู่ในจังหวะใดของชีวิต ตลาดมันก็โป่ง Bubble!!..อย่างตอน Boomer เริ่มทำงาน ราคาบ้านที่ดินก็พุ่ง เพราะBoomer ทุกคนอยากซื้อบ้าน ซื้อหุ้น -- Demand มันมาราคามันก็เลยวิ่งตลอดปี 1990s --มาตอนนี้ Boomer จะเกษียณก็เลยขาย Asset กิน.เตรียมเกษียณ ..พอขายพร้อมกันทั้งบ้านทั้งหุ้น ก็กลายเป็นที่มาของ Sub prime
วันนี้หลายคนมองว่า เราซวยแน่ เพราะไม่มีกลุ่ม Gen ไหนที่ใหญ่เท่า Boomer ดังนั้น Demand อาจไม่กลับมาอีก แต่ทุกคนลืมนึกไปว่า Gen Y แดกเก่งขนาดไหน นอกจาก Gen Y จะเป็นทายาทตัวจริง ผู้สืบทอดกิจการต่อจากเจ้าสัวยุค Boomer Gen Y เป็นกลุ่มที่บริโภคนิยมสุดขีด คุณดูอย่าง Major โรงหนังรวยก็เพราะ ช่วงนั้น Gen Y กำลังอยู่มหาวิทยาลัยก็โดดเรียนมาดูหนัง Demand มากมันก็ Boom
วันนี้ Gen Y เริ่มทำงาน ก็อยากซื้อบ้าน คุณดูซิ Major ก็เปิด MJD มาจับ Gen Y รวยอีกรวย เอามันทุกรอบ
ผมมองไปข้างหน้าอีก พอ Gen Y เริ่มมีบ้านมีงานดี แล้วพอเงินเดือนสูงขึ้น ..เมื่อนั้นเขาก็จะเริ่มลงทุน Cycle มันก็จะเหมือน Boomer สมัยก่อน ดังนั้น ถ้าคุณมองออก คุณก็ซื้อของได้ถูก --อย่างผมมองว่าในไม่เกิน 10 ปี คุณอาจเห็น Asian Miracle 2 ด้วยซ้ำ (เอาว่า ลึกๆ คุณไปอ่านในหนังสือ แกะรอยหยักของผมต่อหุ หุ)

ป๋ากึ้ง : แล้วภาววิทย์ไม่สนใจซื้ีอบ้านเหมือนคนอื่นเหรอ

ภาววิทย์ : อันนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่ว่า ซื้อบ้าน คุณซื้ออะไรกันแน่ ..วันนี้บ้าน 20 ล้าน เนื้อที่เท่าแมวดิ้น 50 ตร.ว. คุณลองนึกดู บ้านอีก 30 ปี คุณอาจทุบสร้างใหม่ ..กลายเป็นว่า คุณซื้อที่ 50 ตร.ว. 20 ล้าน--คุ้มไหม!! ..จริงๆผมไม่ได้ Anti การลงทุนมันดีทั้งนั้น เพียงแต่คุณต้องมองให้ออกว่า คุณลงทุนในอะไรกันแน่!!
วันนี้ผมว่า คนเราชอบเดินตามกัน แต่ลืมไปว่า เวลาคุณเดินตามคนอื่น คุณจะมองไม่เห็นทางเดินข้างหน้า ถ้าเขาเดินพาคุณไปลงเหว ก็ตายหมู่ ..แต่อย่างผม ผมเดินอีกด้าน (หลายคนบอก..มึงบ้า!!) แต่คุณรู้ไหม ถึงแม้บ้า แต่ผมมองเห็นทางเดินข้างหน้า ยังไงผมก็ไม่เดินลงเหวแน่ จริงไหม!!

เอาเป็นว่า ช่วงที่คุยกัน ระหว่าง ป๋ากึ้ง กับ ภาววิทย์ ก็ประมาณว่า ภาพใหญ่ๆ มองต่าง สร้างอีกมุมมอง แล้วหมุนมันให้คุณดู มันก็ไม่ต่างกับ Buffet ที่นั่งมองอยู่ด้านนอกเหมือน Coach ฟุตบอล คือ คุณไม่ได้ไปตะลุมบอลเหมือนนักเตะคนอื่น คุณก็เลยมองเห็น Trend และ คุณก็เลยสามารถทำเงินจากมันได้
เอาเป็นว่า ไปอ่านต่อใน แกะรอยหยักสมองรวยหุ้นหมื่นล้านแบบ Buffet กันได้แล้วครับ คุ้มมาก(รึเปล่า).. ฮ่า ฮ่า..
http://pawawit.blogspot.com/

ช่วยมาตัดแปะ blog ของคุณพี่เขาวันนี้ เห็นหรือเปล่าว่าลึกๆมัน contradict กับ blog ข้างบน

ผมว่าการลงทุนในหุ้นบ้านเราต้องวัดเมื่อขายไม่ใช่วัดเมื่อซื้อ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 01, 2010 9:55 pm
โดย SodSy
ผมว่า บัฟเฟต เค้าก้ขายหุ้นนะครับ

เพียงแต่เค้ารุ้ว่าจังหวะไหนถึงขาย

เค้าถึงรวย!!