Go for BULL Market !
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 24, 2010 1:30 pm
ผ่านเข้ามาครึ่งเดือน เริ่มขึ้นๆ แต่ช่วงนี้วิเคราะห์ได้ไม่ยาก ก็คือทุกคนที่อยากลงทุนยังคงนั่งรอไม่ลง รอจนกว่าสถานการณ์ชัดเจนก่อน ผมขอแนะนะเลยว่า ถ้าคิดว่าจะลงให้ลงเลย แต่ถ้าคิดว่าไม่ลง อย่ามาเข้าตอนที่สถานการณ์คลี่คลาย เพราะเมื่อทุกอย่าง(การเมือง)สงบ ราคาคงวิ่งไปอีกไกล คือยิ่งแพงมากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงนี้ผมย้อนนึกถึงช่วงปิดสนามบิน สุวรรณภูมิปลายปี 2551 ทุกคนวิ่งออกหนีหมด และคาดว่าหลังจากปิดแล้วหุ้นจะแย่ลงไปเรื่อย ดังนั้นเข้าสมการคือ เมื่อสถานการณ์จริงเป็นลบ บวกกับ ทุกกคนคิดลบ หุ้นเลยออกมา บวก คือ หลังจากนั้นหุ้นก็ขึ้นไปเรื่อยๆ (กว่า 99.99% ของนักลงทุน ตกรถไฟครับ) - ตอนนี้คนที่กลัวก็ยังรออยู่ ให้ผมทำนายไหมครับว่า พวกนี้จะไปลงเมื่อไร
--- โอเค ก็น่าจะประมาณว่าทุกอย่างสงบแล้วการเมืองชัดเจน เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวชัด ครับแน่นอนราคาก็ขึ้นไปชัดด้วย เพราะตลาดหุ้นมันเป็นราคาอนาคต ดังนั้น ถ้าเริ่มดี ตลาดหุ้นมันวิ่งไปก่อนแล้ว (น่าจะเกิน 900 จุด ที่ทุกอย่างเริ่มบวก แล้วรอบนี้จากการภาพรวมที่เงินต่างๆ หนีออกมาจากตลาด ถ้าทุกอย่างดี เงินพวกนี้จะกลับเข้ามา รวมกับเงินกระตุ้นล้นระบบจากรัฐบาลทุกประเทศ แน่นอนครับเงินเฝ้อรุนแรงจะตามมา รอบนี้ผมว่าแรงกว่าปี 1994 ก่อนต้มยำกุ้ง)
จาก สถิติผมว่า ในทุกๆ 20 ปีต้องมีตลาดขึ้นแบบ Peakๆ เลยอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ถ้ามองย้อน ไป 40 ปี ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าช่วง 20 ปีแรก ปี 1994 ตลาด Peak สุดๆที่ 1600 จุด หลังจากนั้นผ่านมาถึงปัจจุบัน เกือบ 25 ปีแล้ว ตลาดยังไม่กลับไปที่เดิม ดังนั้น ถ้ามองรอบใหญ่ผมเชื่อว่าในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ตลาดจะกลับไปผ่านจุดสูงสุดเดิม -- ใช่แล้วครับเกิน 1000 กว่าจุดแน่นอน ดังนั้น การเข้าตลาดในปัจจุบันถือว่าถูกมาก จนทำให้การขึ้น 60% ในปี 2552 ที่ผ่านมากลายเป็นการขึ้นที่ขี้ปะตื๋วไปเลย
สมมุติฐาน ที่กล่าวมาคือ ยึดหลักว่า ยี่สิบปีก่อน ในกรุงเทพยังมีตึกไม่กี่ตึก รถน้อยมาก รถไฟฟ้าไม่ โทรศัพท์มือถือไม่รู้จัก เคเบิลทีวีคืออะไร ผ่านมาปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนชนิดคนแก่ๆ งง กันตาแตก --ลองนึกอีก 20 ปี ข้างหน้าซิครับ ไม่ว่าจะเป็น 5G ใช้ Internet ได้ทุกที่ โทรศัพท์ทุกเครื่องต่อ Internet - Chat กันทั่วโลก โทรศัพท์ทุกเครื่องทำได้มากกว่า Notebook ในปัจจุบัน รถใช้พลังงานสะอาดขึ้น เช่น NGV , Solar Energy , กังหันลม หรือ แม้แต่ระบบรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน อีกส่วนใช้พลังไฟฟ้า ที่มาจากโรงงาน nuclear หรือ Clean Coal คือเอาเป็นว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆที่กล่าวมา ทำได้หมดแล้ว รอแค่การผลิตให้เป็น Mass เหมือนมือถือแต่ก่อนเครื่องละแสนน่ะครับ เอาเป็นว่าอีก 20 ปี ข้างหน้า โลกที่ท่านเห็นจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ -- สมัยคุณปู่ของทุกท่าน ยังใช้ส้วมหลุมอยู่เลย ตลกไหมครับ เวลานี้ไปชนบทใช้ชักโครกกันหมดแล้ว
ใครก็ตามที่คิดว่าโลกเราจะไม่มี อะไรเพิ่มเติม ก็อย่ามาซื้อหุ้นเลย เอาใส่ตุ่มเอาไว้ (ใส่ธนาคารในปัจจุบันก็เหมือนใส่ตุ่มเพราะดอกเบี้ยต่ำมากๆๆๆ) อีก 20 ปี ข้างหน้าพอเปิดตุ่มออกมา เงินล้านที่คุณมีในวันข้างหน้าอาจซื้อได้แค่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ตลกไหมครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
ทิ้งท้ายนี้มีคาถากำไรหุ้นตลอดกาลแนะนำ ให้คือ "จงกล้าในขณะที่คนส่วนใหญ่กลัว และจงกลัวในขณะที่คนส่วนใหญ่กล้า --- แปลว่าถ้าทุกคนกลัวคุณรีบเข้าไปซื้อหุ้น ตอนนี้เองใช่เลย และจงกลัวในขณะที่คนอื่นกล้า คือ ในอีก 10 กว่าปีข้างหน้า จะต้องมี Bull Market แรงๆ เมื่อเวลานั้นมาถึงให้คุณรีบหอบเงินหนีออกจากตลาด เพราะเมื่อทุกคนรู้สึกดี นั้นแหละตลาดกำลังจะ Clash" -- โชคดีครับ
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com
ช่วงนี้ผมย้อนนึกถึงช่วงปิดสนามบิน สุวรรณภูมิปลายปี 2551 ทุกคนวิ่งออกหนีหมด และคาดว่าหลังจากปิดแล้วหุ้นจะแย่ลงไปเรื่อย ดังนั้นเข้าสมการคือ เมื่อสถานการณ์จริงเป็นลบ บวกกับ ทุกกคนคิดลบ หุ้นเลยออกมา บวก คือ หลังจากนั้นหุ้นก็ขึ้นไปเรื่อยๆ (กว่า 99.99% ของนักลงทุน ตกรถไฟครับ) - ตอนนี้คนที่กลัวก็ยังรออยู่ ให้ผมทำนายไหมครับว่า พวกนี้จะไปลงเมื่อไร
--- โอเค ก็น่าจะประมาณว่าทุกอย่างสงบแล้วการเมืองชัดเจน เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวชัด ครับแน่นอนราคาก็ขึ้นไปชัดด้วย เพราะตลาดหุ้นมันเป็นราคาอนาคต ดังนั้น ถ้าเริ่มดี ตลาดหุ้นมันวิ่งไปก่อนแล้ว (น่าจะเกิน 900 จุด ที่ทุกอย่างเริ่มบวก แล้วรอบนี้จากการภาพรวมที่เงินต่างๆ หนีออกมาจากตลาด ถ้าทุกอย่างดี เงินพวกนี้จะกลับเข้ามา รวมกับเงินกระตุ้นล้นระบบจากรัฐบาลทุกประเทศ แน่นอนครับเงินเฝ้อรุนแรงจะตามมา รอบนี้ผมว่าแรงกว่าปี 1994 ก่อนต้มยำกุ้ง)
จาก สถิติผมว่า ในทุกๆ 20 ปีต้องมีตลาดขึ้นแบบ Peakๆ เลยอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ถ้ามองย้อน ไป 40 ปี ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าช่วง 20 ปีแรก ปี 1994 ตลาด Peak สุดๆที่ 1600 จุด หลังจากนั้นผ่านมาถึงปัจจุบัน เกือบ 25 ปีแล้ว ตลาดยังไม่กลับไปที่เดิม ดังนั้น ถ้ามองรอบใหญ่ผมเชื่อว่าในอีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า ตลาดจะกลับไปผ่านจุดสูงสุดเดิม -- ใช่แล้วครับเกิน 1000 กว่าจุดแน่นอน ดังนั้น การเข้าตลาดในปัจจุบันถือว่าถูกมาก จนทำให้การขึ้น 60% ในปี 2552 ที่ผ่านมากลายเป็นการขึ้นที่ขี้ปะตื๋วไปเลย
สมมุติฐาน ที่กล่าวมาคือ ยึดหลักว่า ยี่สิบปีก่อน ในกรุงเทพยังมีตึกไม่กี่ตึก รถน้อยมาก รถไฟฟ้าไม่ โทรศัพท์มือถือไม่รู้จัก เคเบิลทีวีคืออะไร ผ่านมาปัจจุบันทุกอย่างเปลี่ยนชนิดคนแก่ๆ งง กันตาแตก --ลองนึกอีก 20 ปี ข้างหน้าซิครับ ไม่ว่าจะเป็น 5G ใช้ Internet ได้ทุกที่ โทรศัพท์ทุกเครื่องต่อ Internet - Chat กันทั่วโลก โทรศัพท์ทุกเครื่องทำได้มากกว่า Notebook ในปัจจุบัน รถใช้พลังงานสะอาดขึ้น เช่น NGV , Solar Energy , กังหันลม หรือ แม้แต่ระบบรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน อีกส่วนใช้พลังไฟฟ้า ที่มาจากโรงงาน nuclear หรือ Clean Coal คือเอาเป็นว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆที่กล่าวมา ทำได้หมดแล้ว รอแค่การผลิตให้เป็น Mass เหมือนมือถือแต่ก่อนเครื่องละแสนน่ะครับ เอาเป็นว่าอีก 20 ปี ข้างหน้า โลกที่ท่านเห็นจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ -- สมัยคุณปู่ของทุกท่าน ยังใช้ส้วมหลุมอยู่เลย ตลกไหมครับ เวลานี้ไปชนบทใช้ชักโครกกันหมดแล้ว
ใครก็ตามที่คิดว่าโลกเราจะไม่มี อะไรเพิ่มเติม ก็อย่ามาซื้อหุ้นเลย เอาใส่ตุ่มเอาไว้ (ใส่ธนาคารในปัจจุบันก็เหมือนใส่ตุ่มเพราะดอกเบี้ยต่ำมากๆๆๆ) อีก 20 ปี ข้างหน้าพอเปิดตุ่มออกมา เงินล้านที่คุณมีในวันข้างหน้าอาจซื้อได้แค่รถมอเตอร์ไซค์เท่านั้น ตลกไหมครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
ทิ้งท้ายนี้มีคาถากำไรหุ้นตลอดกาลแนะนำ ให้คือ "จงกล้าในขณะที่คนส่วนใหญ่กลัว และจงกลัวในขณะที่คนส่วนใหญ่กล้า --- แปลว่าถ้าทุกคนกลัวคุณรีบเข้าไปซื้อหุ้น ตอนนี้เองใช่เลย และจงกลัวในขณะที่คนอื่นกล้า คือ ในอีก 10 กว่าปีข้างหน้า จะต้องมี Bull Market แรงๆ เมื่อเวลานั้นมาถึงให้คุณรีบหอบเงินหนีออกจากตลาด เพราะเมื่อทุกคนรู้สึกดี นั้นแหละตลาดกำลังจะ Clash" -- โชคดีครับ
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com