Thai VI

เคยลองทบทวนมั้ยครับว่า ที่เรากำไรน้อยหรือขาดทุนมากน่ะ หลายครั้งเป็นเพราะเราไม่ทำตามที่วางแผนไว้แต่แรกรึเปล่า

เช่น ถ้าราคาหุ้นลงมาเกิน x% จะตัดขาย แล้วไม่ทำ หรือ ถ้าราคาหุ้นสูงเกิน xx บาทจะไม่ไล่ซื้อ แต่ดันไปไล่ซื้อ

ถ้าใช่ แสดงว่า คุณมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นนะ ลองคิดดู

ของคนอืนไม่รู้ แต่ของผมใช่ครับ อิอิ

วินัยเป็นเรื่องสำคัญ

ดูเหมือนทำง่ายง่าย แต่ไม่ง่ายเลยนะครับ

ตอนนี้ได้แต่บอกตัวเอง ว่าให้ทำตามกฏที่ตั้งไว้ อย่าแหกกฏบ่อย :lol:

มีส่วนนะ และก็ ยังวิเคราะห์ไม่เก่ง ยังไม่เข้าใจถึงธุรกิจที่เข้าไปลงทุน

จริงครับ ความมีวินัย สำคัญมาก

ไม่เคยไล่ซื้อ แต่ไม่ตัดขายครับ ตอนนี้กำลังแย่กับเครื่องหนังและทูน่า สองตัวจากสิบตัวก็เกินครึ่งของที่ขาดทุนทั้งหมดแล้วครับเนี่ย
เอ หุ้นดี ๆ นี่เขาให้ถือไว้เรื่อย ๆ จนกว่ามันจะ represent มูลค่าแท้จริงของมันไม่ใช่เหรอครับ

เห็นด้วยกับคุณ dr.t ตามหลัก vi เค้าต้องเน้นว่าหากปัจจัยไม่เปลี่ยน ราคาที่เหมาะสม มันก็จะมาเองไม่ใช่หรือคะ หากเป็นตามที่คุณบอก มันจะเป็นนักเก็งกำไรหรือเปล่า หรือหนูจะเข้าใจผิดคะ

ผมไม่ได้เป็น VI ครับ แต่ผมก็ไม่ถึงกับเป็นนักเก็งกำไรเช่นกัน เพราะอย่างน้อยหุ้นที่ผมเลือกซื้อก็ต้องมีพื้นฐานที่ดีพอใช้

ปัญหาที่สำคัญที่สุดในการลงทุน คือ การเลือกตัวหุ้น และการเลือกเวลาในการเข้าซื้อและขาย

พูดก็เหมือนง่ายแหละครับ ที่ว่า "หากปัจจัยไม่เปลี่ยน ราคาที่เหมาะสม มันก็จะมาเอง"

ทีนี้ต้องถามก่อนว่า ปัจจัยที่ว่าน่ะ มันขึ้นกับอะไรบ้าง ปัจจัยภายในของบริษัท ปัจจัยแวดล้อมภายนอกระดับอุตสาหกรรม ระดับประเทศ ระดับสากล จริงๆ แล้วปัจจัยเหล่านี้มันเปลี่ยนเกือบตลอดเวลา เพียงแต่บางเวลาส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย บางเวลาส่งผลกระทบมาก

ราคาที่เหมาะสมยิ่งแล้วใหญ่ ที่ว่าเหมาะสมน่ะ เหมาะสมกับอะไร ในบางเวลาตลาดมีความต้องการซื้อมาก p/e 20 เท่าก็มีคนอยากได้ ตอนตลาดมีความต้องการขายมาก p/e 8 เท่ายังไม่มีคนแล

ราคาหุ้น ต้องมองเป็นราคาเชิงเปรียบเทียบด้วยเช่นกัน หากเราว่าหุ้นที่ถืออยู่ดี p/e แค่ 8 เท่า แต่หากมีหุ้นตัวอื่นเทรดในราคา p/e 7 เท่าล่ะ หุ้นเราก็ต้องเรียกว่าแพงกว่าแล้วใช่หรือไม่