สมองซีกขวากับการลงทุนที่ใหม่
โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 18, 2010 11:37 pm
ผมไปเจอหนังสือของ Daniel Pink ชื่อ "A Whole New Mind" เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมองซีกขวา ซึ่งเป็นอะไรที่โดนใจคนมากมาย เพราะสมองซีกซ้าย เป็นอะไรที่มัน logic ตัวเลข อะไรประมาณ Nerdๆ (ใส่แว่นหนา นั่งหน้าคอม ..วันๆคำนวณ ตัวเลข ๆๆ)--"แต่คุณลืมไปรึเปล่า" ณ เวลานี้ "คนสมองซีกซ้าย กำลังครองโลกอยู่" ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates , เหล่านักกฏหมาย , ผู้จัดการกองทุนที่เรียกว่า Quant
ขอนอกเรื่องมาอธิบายเรื่อง Quant ก่อน (จริงๆ Quant นี่มีคนเอามาเขียนหนังสือเป็นเล่มๆเลย) คือ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการ Recruit คนที่จบ "คณิตศาสตร์" เข้ามาทำงานในภาคการเงิน (หลายคนสงสัยว่าเข้ามาทำ ปื๊ด อะไร!!) ก็เข้าคำนวณราคาหุ้นและราคา Derivative (จริงๆมันคำนวณไม่ได้)..การนำสิ่งที่คำนวณไม่ได้ มาพยายามคำนวณ --สรุป "มันก็เน่าอย่าง Sub-prime นี่เห็นกันนั้นแหละ"
ประเด็นนี้นาย Taleb ผู้จัดการกองทุนแนว Quant ที่บริหารเงินจน คิดได้ว่า "ไอ้วิธีการ พยายามคำนวณสิ่งที่คำนวณไม่ได้ ..ผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร" ในที่สุด..Taleb ตัดสินใจบริหารกองทุน ในแบบ "สวนทางกับที่Quant ทำ" จากนั้นเขาก็เขียนหนังสือ The Black Swan ขึ้น ---ประเด็นนี้เขา Hit Jackpot จริงๆก็ตอน Sub-prime นี่แหละ ที่เขารวยทั้งกำไรจากกองทุนของเขา รวมทั้งกำไรจากหนังสือ The Black Swan ที่ขายดีสุดๆเช่นกัน ---(Taleb เก็งกำไรสวน Sub prime และก็ทำให้เขารวยสุดๆ)
เรากระโดดมาสมองอีกซีกกันคือ "ซีกขวา" มันคือ สมองแห่งการจินตนาการ ที่เราเรียกว่า Art นั่นแหละ --Daniel Pink กล่าวในหนังสือของว่า โลกยุคต่อไป เป็นโลกของคนสมองซีกขวา (ผมถามว่าคุณเชื่อไหม?) อันนี้ผมว่าอยู่ที่มองนะ เพราะปัจจุบัน--- nerd (เด็กแว่นหนา) เป็นคนที่ครอง ธุรกิจ .com และเป็นผู้นำ New Rich ของปัจจุบันนี้ --คุณว่าเขาจะอยู่เฉยๆรอให้ พวกสมองซีกขวามาแซงเขาหรือไม่
จริงๆแล้ว ประเด็นของสมอง ซีกไหนจะรุ่ง ผมว่ามันอยู่ที่เราใช้มากกว่า เพราะแท้จริงแล้ว ทุกคนก็มีมีสมองทั้งสองซีกอยู่แล้ว "ทั้งซ้ายและขวา" ผมว่ามันอยู่ที่คุณจะเลือกใช้มากกว่า ---ในด้านการลงทุน ผมว่า"เราต้องใช้ซีกซ้าย" เพราะการลงทุน มันไม่ตายตัวเหมือนสูตรเลข มันจึงต้องอาศัย จินตนาการเข้ามาช่วย
ดังนั้น ผมไม่เถียงหรอกครับว่า "สมองซีกขวา" หรือ พวก"ติ๊ดๆ" จะรุ่งได้ในยุคนี้ ..เพราะมันทำได้จริงๆ เพียงแต่มันอยู่ที่ประเด็นที่ว่า คุณเอาความถนัดของคุณไปใช้ได้เหมาะกับความสำเร็จหรือไม่ ...
ก่อนปี 1990 คนรวยคือ คนที่ใส่สูทผูกเนคไท แต่หลังปี 1990 ยุค .com "Boom" กลายเป็นคนรวย ต้องใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เหมือน เจ้าของ Website ต่างๆ ---ตอนนี้ 2010 คุณว่าใส่อะไร จะมาล่ะ..หุ หุ(ถ้าตามหลักแนวคิดเล่นหุ้นให้ชนะตลาดแบบ"ชาวสวน"ของผม คงต้องแก้ผ้าครับ เพราะมันจะทำให้เรามองเห็นตลาดผ่านภาพลวงตาได้มากขึ้น นั่นเอง..หุ หุ)
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com
ขอนอกเรื่องมาอธิบายเรื่อง Quant ก่อน (จริงๆ Quant นี่มีคนเอามาเขียนหนังสือเป็นเล่มๆเลย) คือ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการ Recruit คนที่จบ "คณิตศาสตร์" เข้ามาทำงานในภาคการเงิน (หลายคนสงสัยว่าเข้ามาทำ ปื๊ด อะไร!!) ก็เข้าคำนวณราคาหุ้นและราคา Derivative (จริงๆมันคำนวณไม่ได้)..การนำสิ่งที่คำนวณไม่ได้ มาพยายามคำนวณ --สรุป "มันก็เน่าอย่าง Sub-prime นี่เห็นกันนั้นแหละ"
ประเด็นนี้นาย Taleb ผู้จัดการกองทุนแนว Quant ที่บริหารเงินจน คิดได้ว่า "ไอ้วิธีการ พยายามคำนวณสิ่งที่คำนวณไม่ได้ ..ผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างไร" ในที่สุด..Taleb ตัดสินใจบริหารกองทุน ในแบบ "สวนทางกับที่Quant ทำ" จากนั้นเขาก็เขียนหนังสือ The Black Swan ขึ้น ---ประเด็นนี้เขา Hit Jackpot จริงๆก็ตอน Sub-prime นี่แหละ ที่เขารวยทั้งกำไรจากกองทุนของเขา รวมทั้งกำไรจากหนังสือ The Black Swan ที่ขายดีสุดๆเช่นกัน ---(Taleb เก็งกำไรสวน Sub prime และก็ทำให้เขารวยสุดๆ)
เรากระโดดมาสมองอีกซีกกันคือ "ซีกขวา" มันคือ สมองแห่งการจินตนาการ ที่เราเรียกว่า Art นั่นแหละ --Daniel Pink กล่าวในหนังสือของว่า โลกยุคต่อไป เป็นโลกของคนสมองซีกขวา (ผมถามว่าคุณเชื่อไหม?) อันนี้ผมว่าอยู่ที่มองนะ เพราะปัจจุบัน--- nerd (เด็กแว่นหนา) เป็นคนที่ครอง ธุรกิจ .com และเป็นผู้นำ New Rich ของปัจจุบันนี้ --คุณว่าเขาจะอยู่เฉยๆรอให้ พวกสมองซีกขวามาแซงเขาหรือไม่
จริงๆแล้ว ประเด็นของสมอง ซีกไหนจะรุ่ง ผมว่ามันอยู่ที่เราใช้มากกว่า เพราะแท้จริงแล้ว ทุกคนก็มีมีสมองทั้งสองซีกอยู่แล้ว "ทั้งซ้ายและขวา" ผมว่ามันอยู่ที่คุณจะเลือกใช้มากกว่า ---ในด้านการลงทุน ผมว่า"เราต้องใช้ซีกซ้าย" เพราะการลงทุน มันไม่ตายตัวเหมือนสูตรเลข มันจึงต้องอาศัย จินตนาการเข้ามาช่วย
ดังนั้น ผมไม่เถียงหรอกครับว่า "สมองซีกขวา" หรือ พวก"ติ๊ดๆ" จะรุ่งได้ในยุคนี้ ..เพราะมันทำได้จริงๆ เพียงแต่มันอยู่ที่ประเด็นที่ว่า คุณเอาความถนัดของคุณไปใช้ได้เหมาะกับความสำเร็จหรือไม่ ...
ก่อนปี 1990 คนรวยคือ คนที่ใส่สูทผูกเนคไท แต่หลังปี 1990 ยุค .com "Boom" กลายเป็นคนรวย ต้องใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ เหมือน เจ้าของ Website ต่างๆ ---ตอนนี้ 2010 คุณว่าใส่อะไร จะมาล่ะ..หุ หุ(ถ้าตามหลักแนวคิดเล่นหุ้นให้ชนะตลาดแบบ"ชาวสวน"ของผม คงต้องแก้ผ้าครับ เพราะมันจะทำให้เรามองเห็นตลาดผ่านภาพลวงตาได้มากขึ้น นั่นเอง..หุ หุ)
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com