Thai VI

ไม่รู้ว่าข่าวนี้ มีสาระรึเปล่าหว่าเอามาแป๊ะไว้ให้ครับ

หุ้นแบงค์ใหญ่ของไทย (เช่น BBL, KBANK, SCB, KTB เป็นต้น) อาจได้รับผลกระทบช่วงสั้นจากการทำ IPO  ขนาดใหญ่ของ AgBank ทั้งนี้ Agricultural Bank of China (AgBank) จะทำ IPO ที่มีมูลค่าดีลสูงถึง 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ นับว่าเป็น IPO ดีลที่ใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและ เซี่ยงไฮ้

ธนาคารได้ทำ Pre-marketing แล้วตั้งแต่ 14 มิ.ย.53 และจะเริ่ม Road show อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 24 มิ .ย.53 บริษัทวางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดเซียงไฮ้วันที่ 15 ก.ค.53 และฮ่องกงวันที่ 16 ก.ค.53 ซึ่งในช่วงที่มีทำ
ดีล IPO อาจมีการโยกย้ายเม็ดเงินลงทุนออกจากหุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียเพื่อเข้าจองซื้อหุ้น ใหม่ของ AgBank ก่อน

 ท่านใดมีความเห้นอย่างไรบ้างครับ

ข่าวนี้รู้มานานแล้วครับ

รัฐบาลจีนจะนำ Agriculture Bank of China เข้าตลาดหุ้นนี่  เขา delay มา 2 ปีกว่าๆแล้ว เพราะหนี้เสียเยอะครับ เลยปรับโครงสร้างอยู่นาน  ประกอบกับ ช่วงปลายปี 2008 ตลาดหุ้นทั่วโลก ถูกเทกระจาดอีก  มันก็เลยเลื่อนไปเรื่อย

การเอา รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เป็นกลยุทธดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศให้เข้าไปในจีนเยอะๆครับ ไม่มีอะไรน่าแปลกใจครับ

ตอนนี้หุ้นธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจที่ใหญ่ที่สุดทั้ง 4 ของจีนก็เข้าตลาดหุ้นหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เข้าตลาดหุ้นไปในช่วงปี 2005-2007 ก็มี Industrial Commercial Bank of China (ICBC), Bank of China, China Construction Bank   วิธีการก็เหมือนกัน  ลดหนี้เสียในระบบบัญชีด้วยการขายหนี้เสียให้กับ
รัฐบาลจีน แล้วรัฐบาลเข้าถือหุ้นในสัดส่วนสูงสุด  

ถามว่า บทบาทอื่นๆของ แบงค์ใหญ่ทั้ง 4 นี่นอกจาก ระดมเงินทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในจีน แล้ว ก็คือ

1. ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารเศรษฐกิจ

การจัดสรรงบประมาณให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศ  อย่างช่วงปลายปี 2008 ที่เศรษฐกิจทั่วโลกทรุดลง  การบริโภคในประเทศหดตัวลง  อุตสาหกรรมไม่มีงานในมือ  รัฐบาลก็จะออกคำสั่งใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านแบงค์พวกนี้แหละ  โดยสั่งงานให้อุตสาหกรรมหนักๆในประเทศอย่างพวกเหล็ก ก่อสร้าง ถ่านหิน ผลิตต่อไป  ทั้งๆที่ demand ก็เหือดหายหมดแล้ว (สร้าง demand เทียมขึ้นมา 555+)   เราจึงเห็น บ้าน อาคารก่อสร้างเต็มเมืองไงครับ  แต่ไม่ค่อยมีคนไปอยู่อาศัย  เป็นส่วนหนึ่งของที่มาของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในจีน นั่นเอง

2. ใช้เป็นเครื่องมือในการกว้านซื้อทรัพย์สิน นอกประเทศ

อย่างช่วง 2 ปีก่อน จีนได้มีการเข้าซื้อธุรกิจธนาคารนอกประเทศหลายแห่ง
รวมถึงการเข้ามาร่วมถือหุ้นบางตัวในธนาคารบางตัวในต่างประเทศ  :lol: ผมจำไม่ได้แล้วว่า เป็นแบงค์ไหนของไทย

ส่วนบทบาทอื่นๆแม้จะไม่ชัดเจนนัก  แต่ก็ยังมีการขยายตัวไปเปิดสาขาในต่างประเทศ เพื่อให้บริการในฐานะ Universal Banking  ที่ผ่านมาก็ ดูไบ
นั่นเองครับ  

สำหรับเรื่องอิทธิพลที่จะมีผลต่อบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย ในเวลานี้ผมยังไม่เห็นชัดเจนนะครับ  แต่อาจมีผลในไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะเราจะมีการเปิดเสรีทางการเงินเต็มรูปแบบ (ไม่รู้เกี่ยวป่าว  :lol:) ทำให้ใครๆก็เข้ามาบริการทางด้านการเงินแข่งกับไทยได้   ซึ่งแน่นอนว่า  จุดแข็งของแบงค์จีนใหญ่ๆนี่คือ ฐานเงินทุนขนาดใหญ่ + มีรัฐบาลจีนหนุนหลังอยู่   แต่ถ้าหาก
มองไปในเรื่องของความทันสมัย เรื่องของประสิทธิภาพ และความหลากหลายในการบริการแล้ว  ยังด้อยกว่าเราพอสมควรครับ

ผมมีความเห็นเท่านี้แหละ

สงสัยว่าทำไมแบงค์ ต้องชื่อเป็นเกี่ยวกับเกษตร

อย่างไทยก็มี กสิกรไทย ธกส. ....

กลุ่มลูกค้าเค้าtargetพวกเกษตรกรหรอ  :?:

[quote="<< New >>"]สงสัยว่าทำไมแบงค์ ต้องชื่อเป็นเกี่ยวกับเกษตร

อย่างไทยก็มี กสิกรไทย ธกส. ....

กลุ่มลูกค้าเค้าtargetพวกเกษตรกรหรอ

แต่ตอนนี้  ก็บริการ ทำธุรกรรมทั่วๆไป ให้ประชาชนแล้วนะครับ  และก็พยายามจะผลักดัน ให้รับบริการด้านอื่นที่ ไม่ได้อิงกับ  ดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจาก loan อย่างเดียว  เห็นพยายามจะเป็น Universal Banking ให้ได้  เริ่มมี
รายได้ค่าธรรมเนียม จากการทำธุรกรรม เดินพิธีการ อะไรให้ ประมาณนี้ครับ

แล้วท่านพี่ Voldtrest คิดว่านักลงทุนต่างประเทศจะมีความสนใจมากน้อยแค่ไหน ในการเข้าตลาดของธนาคารนี้ครับ

มีโอกาสสูงที่จะถูกจองหมดเช่นเดียวกับครั้งก่อนที่ผ่านมาครับ  จีนคงประสบความสำเร็จในการระดมเงินทุนเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นให้คึกคักได้  จากที่ดัชนีตลาดหุ้นจีนซึมตัวลงมาพักใหญ่แล้ว ซึ่งสะท้อนภาพความกลัวภาวะฟองสบู่อสังหาจะแตก  รวมถึงภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่เกิดจากการอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแรงจากรัฐบาลจีนในช่วงปลายปี 2008-2009  

หากแต่ว่า ตลาดหุ้นจีนจะกลับมาคึกคักได้นานเพียงใดนั้น ส่วนตัวผมมองว่า
ขึ้นกับการสะสางปัญหาฟองสบู่อสังหา เงินเฟ้อ  ค่าเงินหยวน และความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังยากจน ให้ประคองตัวไปได้  ควบคู่ไปกับการ
พัฒนาคุณภาพของสินค้าส่งออก เรียกความน่าเชื่อถือจากต่างประเทศกลับมา  :D