Thai VI

จากประสบการ์ณอันน้อยนิดของผม เลยอยากทราบความคิดเห็นของเพื่อนๆครับว่า ถ้าในภาวะขาลงแบบนี้ ซึ่งอาจจะเกิดวิกฤตโลกรอบสองจากหนี้สินภาครัฐของยุโรปนั้น เพือนๆ คิดว่าหุ้นกลุ่มไหนน่าจะขึ้นก่อนเพื่อนครับ กรณีที่มันตกต่ำสุดๆแล้ว ในช่วงฟื้นตัว พอดีจำไม่ได้เหมือนกันครับว่ารอบที่แล้วเป็นอย่างไร เพราะกว่าจะมาสนใจลงทุน หุ้นก็ขึ้นมาพอสมควรแล้วเมื่อครั้งก่อน

จะหาหุ้นกันวิกฤติหรือครับ จริงๆ ผมว่าไม่มีน่ะ

ถ้าวิกฤต ก็มีแต่หุ้นที่เสียหายน้อย หรือเสียหายมาก

ส่วนใหญ่ก็เสียหายมากหมดนะครับ

แต่ถ้าจะเสียหายน้อย ก้อต้อกลุ่ม Defensive - เช่น ค้าปลีก ร.พ. บางตัว

ถ้าคุณเกิดวิเคราะห์แล้วมั่นใจว่าวิกฤตแน่ๆ

ดีที่สุด คือ ล้างพอร์ตครับ

อ้าว ขอโทษทีครั้บ ผมตีโจทย์เจ้าของกระทู้ผิด

ถ้าจะถามว่ารอบที่ผ่านมา กลุ่มไหนกลับตัวมาได้ก่อน ใช่ไหมครับ

เอ่ออออ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่น่าจะเป็นหุ้นใหญ่ชัวร์ๆ

โดยเฉพาะกลุ่มที่ต่างชาติชอบครับ

1. พลังงาน
2. ธนาคาร
3. อสังหา
4. ค้าปลีก
ส่วนยานยนต์มาท้ายสุดเลย  
สังเกตว่า ตัวที่ขึ้นมาเร็ว คือ ประกาศงบ แล้วกำไรสูง ครับ

ผิดถูก รบกวนพี่ๆช่วยแก้ด้วยครับ

กรณีตกต่ำสุดๆ แล้ว ศก เริ่มฟื้น

อสังหา -> อิเล็กโทรนิค -> พลังงาน -> ยานยนต์ -> แบงค์ ครับ

อันนี้ในความคิดผมนะ พลังงาน ยานยนต์ แบงค์ นี่แล้วแต่ อาจจะมีสลับๆบ้าง แต่ส่วนใหญ่เห็นอสังหากับอิเล็กโทรนิคจะฟื้นตัวก่อน

ไม่ลองมองสื่อสารบ้างหรือครับ  :lol:

ถ้าคิดว่าหุ้นเป็นขาลงจริง

อัด CASH เต็มพอร์ตเลยสิครับ

ไม่รู้เหมือนกันครับ
จากประสบการณ์แบบบ้านๆ ของผม
ผมก็ไม่รู้หรอกครับ
ว่าเมื่อไหร่คือฟื้นแบบกระทิง
จนกระทั้งรู้กันทั้งตลาดนั่นแหละ
ช่วงวิกฤติ วันดีคืนดี
พอร์ตพาลแต่จะสาละวันเตี้ยลง
ก็อาศัยปรับพอร์ตบ้างครับ
ใช้หลักการเดิมๆ
ไม่มีอะไรใหม่
หาหุ้นราคาถูก
เจอดีกว่า ถูกกว่า ถูกซะจนน่าสนใจ
แบบอยากได้ใจจะขาด
ก็ย้ายตัวไปย้ายตัวมาครับ
พอวิกฤติฟื้น
ราคาหุ้นมันก็ขึ้นของมันเอง

ส.สลึง เขียน:ไม่รู้เหมือนกันครับ
จากประสบการณ์แบบบ้านๆ ของผม
ผมก็ไม่รู้หรอกครับ
ว่าเมื่อไหร่คือฟื้นแบบกระทิง
จนกระทั้งรู้กันทั้งตลาดนั่นแหละ
ช่วงวิกฤติ วันดีคืนดี
พอร์ตพาลแต่จะสาละวันเตี้ยลง
ก็อาศัยปรับพอร์ตบ้างครับ
ใช้หลักการเดิมๆ
ไม่มีอะไรใหม่
หาหุ้นราคาถูก
เจอดีกว่า ถูกกว่า ถูกซะจนน่าสนใจ
แบบอยากได้ใจจะขาด
ก็ย้ายตัวไปย้ายตัวมาครับ
พอวิกฤติฟื้น
ราคาหุ้นมันก็ขึ้นของมันเอง

เห็นด้วยครับ

CPALL ครับ

ถ้าคิดว่าเป็นขาลงก็กลุ่มBetaต่ำครับ

ความเสี่ยงในด้านมหภาคของหุ้นทุกตัวที่มีเหมือนกันคือ
ความเสี่่ยงของตลาด
อันนี้โดนกันทุกตัวจะโดนมากหรือโดนน้อยเท่านั้นเอง
พวกที่โดนมาหน่อยคือพวกที่มีสภาพคล่องสูงๆ และมี Beta มากกว่า 0 และมากกว่ามากๆ
ส่วนพวกที่โดนน้อยลงมาคือ มีสภาพคล่อง แต่มี beta ใกล้ศูนย์ทั้งด้านบวกและลบ
รองลงมาอีกคือพวกที่ไม่มีสภาพคล่อง อันนี้ถ้าโดนก็โดนหนัก ติดนาน โดนขัง

เลือกเอาล่ะกันเป็นแบบไหนล่ะ

ผมคิดว่าคงต้องรอให้วิกฤตคราวนี้ลงถึงจุดต่ำสุดก่อน แล้วนั่งวิเคราะห์ดูว่ามีตัวไหนจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของยุโรป  :o

แต่ในวิกฤตย่อมต้องมีผู้ชนะที่อยู่้รอด แต่เราจะหาเจอหรือเปล่า  :oops:

ตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง ผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุด คือกลุ่มส่งออก

ตอนวิกฤตซับไพร์ม คนที่มีเงินสดเ้หลือได้อานิสง ของถูกเต็มตลาดเลย  :lol:

ความคิดผมว่าน่าจะเป็น อสังหากับ พลังงาน นะ ต่างชาติเทขายออกมาเยอะ ถ้า มีเงินกลับเข้ามา สองกลุ่มนี้น่าจะ Turn around ได้ดี

ไม่ทราบครับ ไม่กล้าเหมาว่ากลุ่มไหน

มองไปที่ตัวบริษัทครับ มีบริษัท ที่ "ดี และต่ำกว่ามูลค่า" ที่น่าจะเป็น
คละเค้าในทุกอุตสาหกรรมเสมอ

หาให้เจอเท่านั้นเองครับ  :?:  :?:

ตอนนี้รู้แต่กลุ่มที่ไม่น่าลงทุนครับ

เห็นฝรั่งขายไม่เลิกแบบนี้ กลุ่ม set50 รอดยากส์

green-orange เขียน:จากประสบการ์ณอันน้อยนิดของผม เลยอยากทราบความคิดเห็นของเพื่อนๆครับว่า ถ้าในภาวะขาลงแบบนี้ ซึ่งอาจจะเกิดวิกฤตโลกรอบสองจากหนี้สินภาครัฐของยุโรปนั้น เพือนๆ คิดว่าหุ้นกลุ่มไหนน่าจะขึ้นก่อนเพื่อนครับ กรณีที่มันตกต่ำสุดๆแล้ว ในช่วงฟื้นตัว พอดีจำไม่ได้เหมือนกันครับว่ารอบที่แล้วเป็นอย่างไร เพราะกว่าจะมาสนใจลงทุน หุ้นก็ขึ้นมาพอสมควรแล้วเมื่อครั้งก่อน

ต้องหุ้นฝรั่งนิยมครับ พวก SCC, BBL, BANPU, ...