Thai VI

หุ้นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไร
ผมสงสัยว่าทำไมยอดขายปีก่อนถึงเพิ่มขึ้นได้ครับ
ทั้งๆที่ประชากรโลกก็เท่าเดิม และตอนวิกฤตเศรษฐกิจ2008 คนก็น่าจะกินอาหารเท่าเดิม ยอดก็ไม่น่าตกลงมากในช่วงนี้
แต่ปี2009ยอดขายหลายบริษัทก็เพิ่มขึ้นทั้งๆที่อาหารประเภทนี้ก็เป็นของกินของใช้ทุกวันไม่ใช่สินค้าราคาสูงเหมือนกลุ่มยานยนต์หรืออสังหาหรือหลายๆตัว

ประชากรโลกน่าจะเพิ่มขึ้นนะ ที่ยอดขายและกำไรเพิ่มน่าจะเป็นเพราะส่งออกเยอะขึ้นหลังวิกฤติแฮมเบอเกอร์เริ่มดีขึ้น สภาพอากาศโลกผันผวน เลยทำให้อุตสาหกรรมเกษตรของไทยขายดี
- ภาวะแห้งแล้ง ยางพาราขาดตลาด น้ำตาลขาด บริษัทกำไรเพิ่มหลายเท่าตัว
- ด้านอาหาร การใช้จ่ายของประชากรโลกมากขึ้น ส่งออกก็เลยมากขึ้นตาม


ไม่รู้คิดถูกหรือเปล่านะ รอท่านผู้รู้มาเคลียร์ต่อ

ผมคิดว่าคงจะแพงขึ้นทุกๆปีนะครับ เพราะทุกวันนี้ พื้นที่ การเพาะปลูกลดลงอย่างมากจากภาวะโลกร้อน แต่มนุษย์กลับเกิดเพิ่มขึ้นทุกๆวัน

High demand ,low supply

น่าจะมาจากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นครับ ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น เห็นบางบริษัทก็กำไรดีซะด้วย น่าจะมาจากการมี stock สินค้าราคาต่ำอยู่ครับ

(ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)

-ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่นับวันยิ่งถี่ขึ่้นๆ ทำให้ อุปทานน้อยลง
-จำนวนประชากรที่มากขึ้น บริโภคมากขึ้ัน ทำให้ อุปสงค์มากขึ้น
-พื้นที่่เพาะปลูกน้อยลง (ทนความเย้ายวนของราคาที่ดินไม่ไหว) เช่น สวนทุเรียนแถวนนทบุรี ไร่นึงนี่ ร้อยห้าสิบล้าน เค้าซื่้อต่อเพื่อมาขึ้นคอนโด

ราคาตลาดสินค้าเกษตรเนี่ย demand กับ supply จะไม่ค่อย match กันเืท่าไหร่ ทำให้เกิด excess demand หรือ excess supply ตลอด เป็นธรรมชาติของภาคการเกษตร ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า ทฤษฎีใยแมงมุม ราคาสินค้าเกษตรจะไม่ค่อยเสถียร ยกตัวอย่างเช่น การปลูกอ้อย ปีนี้เกษตรเห็นว่าอ้อยได้ราคาดี ขาดตลาด ทุกคนต่างก็เร่งการปลูกอ้อยเพิ่มขึ้น เพื่อที่ปีหน้าจะสามารถได้กำไรเยอะ ๆ ปรากฎว่าเกิด excess supply ราคาก็ตกลงมาอีก เกษตรกรก็ไม่อยากจะปลูกอ้อยอีก ทำให้ราคาในปีต่อมาสูงขึ้นอีกเพราะอ้อยขาดตลาด มันจะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆซึ่งอาจจะไม่มีจุดพอดีระหว่าง supply กับ demand

ดังนั้นการประเมินยอดขาย และราคาสินค้าเกษตร ทำได้ยากมาก ยิ่งถ้าเป็นบริษัทที่ส่งออกสินค้าเกษตรแล้วด้วย ยิ่งยากมากขึ้นเพราะผู้เล่นไม่มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น

ไม่รู้ตอบตรงคำถามหรือเปล่า  :)