Thai VI

เรื่องการตั้งคำสั่งซื้อหุ้น ASSET ที่เหลือ
เรียนกรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตามที่บริษัทหลักทรัพย์ เอบีเอ็น แอมโร เอเซีย จำกัด (บริษัทฯ) ได้ทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัท
หลักทรัพย์ แอสเซท พลัส จำกัด (มหาชน) (แอสเซท พลัส) ในช่วงวันที่ 10 มีนาคม - 19 เมษายน
2547 โดยขณะนี้ได้พ้นกำหนดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อดังกล่าวไปปรากฏว่ายังมีหุ้นแอสเซท พลัส ที่มิได้ขายผ่านการทำคำเสนอซื้อดังกล่าว อยู่จำนวน 231,033 หุ้น
คิดเป็นร้อยละ 0.39 ของจำนวนหุ้นของแอสเซท พลัสทั้งหมด โดยที่ แอสเซท พลัส จะถูกเพิกถอน
หลักทรัพย์ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และจะมีการโอนย้ายธุรกิจและทรัพย์สินมายัง
บริษัทฯ ส่งผลให้แอสเซท พลัส กลายเป็นบริษัทที่ไม่มีการทำธุรกรรมใดๆ (dormant company)
และไม่มีรายได้ประจำอื่นใดภายหลังจากการควบรวมกิจการแล้ว

บริษัทฯ จึงได้ปรึกษากับสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. และได้ข้อสรุปเพื่อเสนอทางออกให้แก่
ผู้ถือหุ้นของแอสเซท พลัส ที่เหลืออยู่ โดยบริษัทฯ จะทำการตั้งคำสั่งซื้อหุ้นของแอสเซท พลัส
ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ราคา 25 บาท ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับราคาปิดของวันที่
21 เมษายน 2547 ทั้งนี้ บริษัทฯจะทำการตั้งคำสั่งซื้อดังกล่าวไปจนถึงวันที่ แอสเซท พลัส
ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ จนกว่าจะซื้อหุ้นได้ครบ 231,033
หุ้น แล้วแต่เหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นก่อน

จึงเรียนมาเพื่อทราบ


ขอแสดงความนับถือ




(นายประทีป ยงวณิชย์)
กรรมการผู้อำนวยการ

ปย/พส/ชต

ขึ้นไปข้างบน


แล้ว ความทราบอยู่แล้วนั้น

ast จะร้อยบาทแล้ว

asset 25 บาท

ทำไมไม่มองผู้ถือหุ้นคือเจ้าของ

เช่น บริษัท มีทรัพย์สินอยู่ 1,000,000 นาย a ถืออยู่ 1% เพราะฉะนั้นทรัพย์สินที่นาย a มีอยู่คือ 10,000 บาท

ไม่รู้ว่าใครคือเหยื่อบ้าง ถ้าผมถือหุ้นอยู่ ต้องวีนให้ถึงที่สุด แบบจบ 3 ศาลเลย

เป็นการแก้ไขให้ขาดทุนน้อยลงเท่านั้น

ไม่ยุติธรรมอยู่ดีครับ

เรื่องนี้ต้องตำหนิ ดร.ก้องเกียรติ ผู้บริหารระดับสูงสุด และเจ้าของตัวจริงของ asset ที่ไม่มีความรอบคอบ และทำให้นักลงทุนรายย่อยเสียหาย

ผมขอจำไว้ว่า ดร.ก้องเกียรติ ไม่เก่ง อย่างที่คิด

หรือไม่ก็เก่ง แต่เรื่องตัวเอง

ทำให้ตัวเองรวย