คือจะคำนวณ ROIC ครับ
NOPAT ทำได้แล้ว
แต่ IC ยัง งง ๆ
แหล่งหนึ่งบอกว่าให้ใช้
Invested Capital = Total Assets - Excess Cash - Non int-Bearing Liabilities
อีกแหล่งให้ใ้้ช้
Invested Capital = [Total Assets - Non Operating Assets] - [Total Liabilites - Financing Liability (เขาใช้คำว่า FL)]
สงสัยครับว่า เราควรจะใช้อันไหนดี อันที่สองดูเหมือนจะง่ายกว่า
และพอใช้แล้ว เราจะจัดมีหลักการแยกยังไงบ้างครับ
ตอนนี้ผมดู advanc 2009 ก็ยัง งง ๆ ว่าจะเอาอันไหนเข้า non-int bearing lia
or
financing liabilities
ขอคำแนะนำหน่อยครับ
ถามเรื่องการคำนวณ Invested Capital หน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องการคำนวณ Invested Capital หน่อยครับ
โพสต์ที่ 1
- unnop.t
- Verified User
- โพสต์: 924
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องการคำนวณ Invested Capital หน่อยครับ
โพสต์ที่ 2
สำหรับผมจะใช้สูตรแรกครับ จริง ๆหลักการก็คือ ทุนของผู้ถือหุ้นบวกกับ หนี้สินที่มีดอกเบี้ย เพราะว่า NOPAT ยังไม่ได้หักดอกเบี้ยออก
ในส่วนของ excess cash อันนี้จะค่อนข้างประเมินยากนิดหนึ่ง ผมจะใช้การคำนวนโดยหาจาก cash cycle x avg. sales per day จะได้ working cap ที่ควรจะมี ถ้า working cap (บวกเงินสด) สูงเกินที่คำนวนได้ ก็จะเป็น excess cash แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าตัวไหนมีเงินสดในงบดุลไม่สูงเกินไปนัก ผมจะให้ excess cash เป็นศูนย์
ส่วนสูตรที่สองนั้นผมมองว่า ถ้าบริษัทเก็บสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ไว้มาก ก็จะเป็นต้นทุนของบริษัทเหมือนกัน เป็นค่าเสียโอกาสซึ่งบริษัทที่ดีไม่ควรทำ ดังนั้นผมจะรวมเอาส่วนนี้เข้าไปด้วยครับ
แนะนำนิดหนึ่งครับ การคำนวนโดยเปรียบเทียบ ROIC ควรเป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวในสัดส่วนมาก ๆ (capital intensive) เช่น โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี เป็นต้น จะให้ภาพที่ดีกว่าครับ
ในส่วนของ excess cash อันนี้จะค่อนข้างประเมินยากนิดหนึ่ง ผมจะใช้การคำนวนโดยหาจาก cash cycle x avg. sales per day จะได้ working cap ที่ควรจะมี ถ้า working cap (บวกเงินสด) สูงเกินที่คำนวนได้ ก็จะเป็น excess cash แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าตัวไหนมีเงินสดในงบดุลไม่สูงเกินไปนัก ผมจะให้ excess cash เป็นศูนย์
ส่วนสูตรที่สองนั้นผมมองว่า ถ้าบริษัทเก็บสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ไว้มาก ก็จะเป็นต้นทุนของบริษัทเหมือนกัน เป็นค่าเสียโอกาสซึ่งบริษัทที่ดีไม่ควรทำ ดังนั้นผมจะรวมเอาส่วนนี้เข้าไปด้วยครับ
แนะนำนิดหนึ่งครับ การคำนวนโดยเปรียบเทียบ ROIC ควรเป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวในสัดส่วนมาก ๆ (capital intensive) เช่น โรงกลั่น โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี เป็นต้น จะให้ภาพที่ดีกว่าครับ
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....