หน้า 1 จากทั้งหมด 5

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:12 am
โดย champ_st
หึหึ มาโพสแล้วครับ ก่อนอื่นต้องขอชอบคุณพี่พี่ ทีมงานทุกท่านนะครับพี่เปิดโอกาสให้เราได้มีงานสัมมนาดีดี แบบนี้ได้ความรู้มามาย ฟังจนท้องอิ่ม 555
รอบนี้มันอาจยืดยาวมากมาย เพราะเป้นสัมมนาทั้งวัน อาจขาดตกบกพร่องไปบ้างนะครับ  ก้เหมือนเดิมครับ เน้นไว้ พิมผิดถูกบ้างนะคัรบ จะทิ้งไว้นานกลัวลืม T_T
รายละเอียดดังนี้ครับ

เวลา 9.00 น. พี่หมอสามัญชนกล่าวเปิดงาน โดยมีประเด็นสำคัญคือ หลายคนกังวลว่าที่มีผู้เข้าร่วมงานเป้นจำนวนมาก ในอนาคตถ้า คนที่ซื้อขายหุ้นแบบ VI กันหมดจะทำให้หาหุ้นยากขึ้น หุ้นที่มีมูลค่าที่แท้จริงต่ำกว่าราคากระดานจะถูกซื้อไปจนหมด เรื่องนี้ พี่หมอมองว่า แม้นคนที่มาฟังจะมาก แต่สรุปท้ายแล้วคนที่สำเร็จเป้น VI จริงๆนั้นมีสัดส่วนที่น้อยมาก เพราะการเล่นหุ้นแบบ VI มันฝืนธรรมชาติของคน ที่อยากได้อะไรไวไว ซื้อๆขายๆ สิ่งที่สำคัญจะทำให้ตนเองพัมนาเป้น VI ได้ นอกจากต้องฝึกความรู้เกี่ยวกับการลงทุนที่ถูกต้อง ทั้งการประเมินมูลค่าหุ้น การเลือกธุรกิจแล้ว ยังต้องรู้จักการควบคุมความอารมณืต่างๆ ทั้ง โลภ กลัว หลง ไว้ให้ได้อีกด้วยจึงจะประสบความสำเร็จ มีทั้ง IQ และ EQ ควบคู่กันไป

จากนั้นจึงเริ่มงานโดยมี 4 ขุนพลคือ พี่พรชัย พี่ฉัตรชัย พี่มี่ และพี่บลุบลัด โดยมี อ.ไพบูลย์ เป้นวิทยากร

ถาม : ทั้ง 4 ท่านมีวิธีเลือกหุ้นอย่างไร

พี่บลุบลัด : ชอบหุ้นที่ EPS โตเยอะๆซึ่งอันนี้เราต้องประมาณการออกมา โดยเบื้อต้นก็อ่านจาก 56-1 หนังสือประชุมประจำปีเพื่อให้เราเข้าใจว่าเค้าทำธุรกิจอะไร โดยทั้งหมดที่ดูก็มีประมาณ 10 ตัวแต่ที่ดูเยอะๆเลยก็มีอยุ่ 5 ตัว มีธีการคัดหุ้นเบื้อต้นก็ดูว่าอุตสหกรรมไหนดีกำลังจะมาแล้วก็มาพิจารณาหุ้นในอุตสหกรรมนั้น โดยพิจารณาทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ จากนั้นตัวที่ผ่านก้จะมาทำการ วิเคราะห์งบคาดการไปข้างหน้าว่าอนาคตซัก 1-2 ปีจะเป็นอย่าไง หรือทำสเปสชีท จากประสบการณ์ ตลาดหุ้นไทยนั้นจะสามารถคาดการจิงๆจังๆได้ประมาณ 6เดือนถึง 1ปี หลังจากนี้จะเริมดูค่อนข้างยากแต่สิงที่สำคัญในการเลือกุ้นก็คือ EPS  ที่หาได้ จากนั้นก็มาดูว่า PE ตอนนี้เป็นอย่างไรสูงขนาดไหนแล้วในภาวะปกติควรเทรดกันที่เท่าไหร ถ้ามีอัพไซมากๆก็เข้าสงทุนได้ เช่นตอนที่ลงทุนใน PSL ซึ่งเป้นหุ้นวัฎจักร โดยภาวะปกติเทรดที่ pe 7-8 เท่า พอ ศก แย่ค่าระวางเรืองลงมามากจนถึงระดับที่หุ้นมันถูกมาก ถ้าวันหนึ่ง มันฟื้นตัวกลัวมาได้จากราคาต่ำๆมี อัพไซ มากก็ลงทุน เป็นต้น  โยปัจจุบัน ถือหุ้น 2 ตัวในพอต ใบมาวาขุ้นต้นด้วยตัว S ทั้ง 2 ตัว (อันนี้ไม่มีเฉลยนะครับกลัวเป็นการชี้นำ)

พี่sai : ก็อ่านเอาจากร้อยคนร้อยหุ้น คุยกับคนอื่นเยอะๆก็จะได้ไอเดียร์ได้หุ้นที่หลากหลาย แล้วก็ไปศึกษาตัวนั้นๆที่สนใจอีกที ทำให้รู้จักหุ้นหลากหลาย โดยหลักๆก็เลือกหุ้นจาก พีอี ต่ำๆ roe สูงๆ มีกระแสเงินสด ดีดี ตนตอนนี้ก็เอาแนวคิดของคุณบลุบลัด เกี่ยวกับการมองภาพอุตสาหกรรมว่าเทรนไหนกำลังมา แล้วดูหุ้นในหมวดนี้อีกทีก่อนเจาะลึกเหมือนกัน โดยมีการแบ่งเวลาคือหนังจากช่วยงานครอยครัว 1ทุ่ม ถึงเที่ยงคืนจะเป้นเวลาที่ศึกษาข้อมูลอย่างจริงจัง ในระหว่างวันทำงาไนปก็พยายามคิดทบทวนว่าอะไรดี ไม่ดี ถ้าอะไรที่ไม่เข้าใจก็โทรไปสอบถาม IR เลยหาเบอร์จากเวปบริษัท ก็จะได้คำตอบมา VI หลายๆท่านก็ทำเช่นกันครับ ตอนนี้หุ้นที่ติดตามก็มีประมาณ 100 ตัว โดยแบงเป้นดฟเดอร์เอาไว้ เวลามีข่าวสารก็ไปรวบรวมเอาไว้ วันไหนสนใจจริงจังก้เอากลับมาดูจะทำให้เราไม่ต้องไปวุ่นวายหาข้อมูลใหม่ อาศัยได้คุยกบคนเก่งๆแล้วเอาหุ้นเค้ากลับมาศึกษา ช่วงที่เข้ามาลงทุนใหม่ๆอะไรที่ไม่เข้าใจก็พยายามซักถามจนเข้าใจไม่เอาแต่เก้บไว้เรียกว่าไม่มีการอายที่จะถามในสิ่งที่ไม่รู้ ก่อนการลงทุนจะทำการศึกษาทบทวนซ้ำอีกประมาณ 3-4 เดือนก่อน ตอนนี้ในพอตมีหุ้น 13 ตัวแต่ที่ถือเยอะๆมีผลกับพอตจริงๆก็มี 3-4 ตัวครับ

พี่พรชัย : ตอนนี้มีหุ้น 4 ตัวในพอต โดยจริงๆก้ไมได้ทำอะไรละเอียดมากอาศัยกดเครื่องคิดเลขเอา จริงก้ก็มองหุ้นอยุ่เยอะประมาณ 500 ตัว(แทบหมดตลาด) แล้วก็ทำการคัดกรองหุ้น โดยวิธีคัดกรอง ก็มีหลายแบบเช่น คัดเอาจากหุ้นที่ pe ต่ำๆ หรือ ดูหุ้นที่ roe สูงๆเป้นต้น อีกวิธีก็ใช้การตามสถานการณ์ ว่าผลประกอบการน่าจะดีเติบโต ก็เอามาลงทุนได้ โดยส่วนตัวไม่ได้ทำสเปสชีทแบบพี่บลุบัลด การดูข่าวเป้นตัวกรองก็เช่น บริษัทมีการขายสินทรัพยืออกไป มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็คัดๆออกมา เป้นต้น  พอไดแล้วก็มาดูให้ละเอียดอีกทีซึ่งไอ้ระหว่างที่กรองๆหุ้นมันจะรุ้แล้วว่าอะไรเป้นไอเดียร์ที่เราจะซื้อหุ้นตัวนี้ โดยดูว่าบรัททำกำไรได้เปนกำไรที่แท้จริงไหม ถ้ากำไรชั่วคราวอาจต้องตัดทิ้ง พอดูว่าเปเนกำไรจริงก็มาดูว่าแล้วมันจะเกิดขึ้นต่อเนื้อหรือไม่ถ้ามีโอกาสก็เก็บไว้ลงทุน เรื่องของธรรมภิบาลผู้บริหารก็ดุด้วยว่าให้ข่าวแล้วทำได้จริงไหมแก้ข่าวแก้ตัวไปเรื่อยก็ไม่ดี

พี่ฉัตรชัย : เลือกหุ้นจากงบการเงิน โดยจะตัดอุตสหกรรมที่ตัวเองอ่านงบการเงินแล้วไม่เข้าใจออกไปก็เช่นพวก ธนาคารหรือบริษัทที่เป็นโฮลดิ้งคอมปานีเพราะงบซับซ้อน จากนั้นก็เอาพวกบริษัทที่งบไม่ค่อยดี ชือ่เสียงด้านธรรมภิบาลแย่ๆออกไป จากนั้นก็มีดุเรื่องของหนี้สินว่ามีเยอะไหม ฐานะการเงินเปนไง งบกระแสเงินสดที่ทำขึ้นเองเป้นยังไง งบดุลโครงสร้างเป้นยังไงเช่นพวกโรงงาน มันก็น่าจะต้องมีสินทรัพย์ถาวรเยอๆ ถ้าบริษัทเทรดดิ้งก็มน้อยหน่อย สินทรัพย์ที่มีมันซ่อนอะไรไว้หรือเปล่า โดยปกติก็ดูประมาณ 100 บริษัททุกไตรมาส ถ้าดูแล้วว่ามันโอเคก็สอบผ่านมาดูรายละเอียดอีกที งบที่พี่ฉัตรให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ กระแสเงินสดอิสระจากการดำเนินงาน กระแสเงินสดต้องมาจากกำไรก่อนปรับปรุงต่างๆเพราะเป็นกำไรที่แท้จริง แล้วเงินไหนอกไปทางไหน ถ้าออกไปทางลงทุนเยอะๆก้ไม่ค่อยสอบเพราะมันจะไม่ตกถึงผู้ถือหุ้น ไหลไปทางใช้หนี้ก็พอทนเพราะลดดอกเบี้ยจ่าย แต่ไหลมาทางปันผลเลยจะดีมากๆ ที่สนใจดูงบการเงินเพรางบการเงินมันสามารถบอกวงจรธุระกิจได้ เช่นบริษัทตั้งใหม่ๆงบลงทุนก็จะเยอะ พอเริ่มดีตัวเงินจะมาจากการดำเนินงาน งบลงทุนต่างๆจะลดลง พออิ่มตัวจะไม่มีการลงทุนใหม่ๆเงินสดก็ยังไหลเข้ามาตามปกติ จนสุดท้ายกลายเป็นห่านทองคำอย่างที่ชอบ

                          พักเบรก

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:19 am
โดย champ_st
ถาม : เวลาเจอหุ้นซื้อเลยไหม

พี่ sai : เคาะขวาเลย เพราะว่าการตั้งรอต่อราคานิดหน่อยแค่ 1-2 ช่องมันเสียโอกาสเพราะเราก็เลือกหุ้นที่ดีออกมาแล้ว มันมั่นจะก็ซื้อเลย ดยอาจแบ่งออกเป้น 1-2 ไม้  ส่วนเวลาขายก็เคาะขายเลยเหมือนกันไม่มาตั้งรอขาย ถ้าเห้นว่าหุ้นนั้นเต็มมุลค่า หรือตัวที่เลือกมามันคิดผิดไม่เป้นไปตามคาด หรือดันไปเจอตัวไหมที่มันถูกและน่าสนใจมากกว่าโดยกรณีเจอหุ้นที่น่าสนใจกว่ามันต้องมี up side มากกว่าเดิม 20% จึงจะเปลี่ยน เพราะถึวจะมีหุ้นเต็มพอตแล้วก้ยังต้องทำการบ้านศึกษาหุ้นอยู่เรื่อยๆ

พี่บลูบลัด : เวลาซื้อก้เคาะเลย เพราะเวลาเลือกหุ้นเราเลือกตัวที่ up side เยอะๆอยุ่แล้วแค่ 1-2 ช่องที่จะตั้งรอจะไปเสียดายทำไม เวลาซื้อแล้วมันอาจลงบ้างก็ไม่คิดมากจะเสียดายมากกว่าถ้ามันขึ้นไปโดยที่ไม่มีเรา ส่วนเวลาขายก็เหมือนๆคุณ sai

พี่พรชัย ; เวลาซื้อก็เคาะเลยไม่ตั้งรอ สมัยก่อนชอบต่อราคา พอมาศึกษาเรื่องจิตวิทยาการลงทุนทำให้คิดว่าเคาะเลยดีกว่า เน คิดจะซือ้หุ้นนี่ที่ 6 บาท พอลงมาเราก้มันจะต่อราคาไปอีกเช่น 5.9 5.95 น่าแล้วพอมันค้างที่ 6 บาทมันไม่ลงมาเกิดขึ้นไปเราก็จะไม่ได้ซักหุ้นเสียโอกาสมากๆทั้งที่เราก็คิดตั้งแต่ต้นว่าเราว่า 6 บาทก้ซื้อได้ จึงตั้งเป็นกฏว่าถ้าเจอหุ้นที่ถูกใจ เราคาถึงกำหนดก้เคาะซื้อเลย ส่วนปริมาณก็ซือ้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ ชอบมากก็เคาะมันทีเดียว ชอบด้วยก็อาจจะทะยอยค่อยๆซื้อ  เวลาขายก็ดูตามมูลค่าที่แท้จริง บริษัทดีกับหุ้นดีไม่เหมือนกัน บริษัทดีเหมือนเดิมแต่ถ้าหุ้นมันขึ้นไปมากๆโอกาสทำกำไรจกามันไม่มีแล้วก็ไม่จัดเป้นหุ้นดีที่น่าลงทุน

พี่ฉัตรชัย : หุ้นที่เจอมันมักจะมี bid offer ต่างกันมากเวลาซื้อมัน้เลยอาจต้องตั้งราคารอบ้าง แต่ถ้าหุ้นนั้นมีสภาพคล่องก้เคาะเลยเหมือนกัน เวลาขายก็คือ ต้องมีตัวใหม่ก่อนจึงจะขาย หรือก็คิดคล้ายๆท่านอื่นๆ โดยพี่ฉัตรเพิ่มเติมว่าวินัยการลงทุนนี่สำคัญมาก โดยส่วนตัวตั้งงบลงทุนเท่าไหร่ก็จะลงทุนเท่านั้น ไม่มีการเห้นว่าหุ้นมันดีแล้วเอาเงินจากส่วนอื่นมาลงเพิ่ม คือโลภ อันนี้ไม่ทำ

ถาม : ใช้มาร์จินเล่นไหม

พี่ฉัตร : ไม่ใช้ เพราะเพิ่มความเสี่ยง

พี่พรชัย ; ไม่ใช่ เพราะมองว่าคนที่เอาเงินตัวเองมาเล่นหุ้นก็ต้องมีความมันใจในระดับหนึ่ง แล้วพอซือ้หุ้นตัวไหนเยอะๆก็แสดว่ามันใจที่สอง แล้วยังจะมาร์จินอีกมันดูมั่นใจไปอันตราย เราต้องไม่มองแต่ทางได้ เพราะทางเสียมันน่ากลัวกว่า โชคดีอาจเป้นของเราแต่ไม่รู้ว่าโชคร้ายจะมาเมื่อไหร เหมือนคุรขับรถ วันแรกที่ขับโอกาสเกิดอุบัติเหตุมันแทบเป้น 0 แต่ถ้า 2 เดือนละมันก้เริ่มมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น 5 ปีละจะเป้นไง ดังนั้นเลยไม่ใช้

พี่ sai ; ไม่ใช่ กว่าจะลงทุนได้ก็ต้องพุดกับภริยาหลายครั้ง ปล พี่มี่ชอบพุดกับภริยาในใจ 555

พี่บลุบลัด : เมื่อก่อนใช้ แต่พอหลังจาก 2008 ก้เลิกใช้เลยเพราะส่วนหนึ่งถือหุ้นที่มีสภาพคล่องน้อยอยุ่ล้วถ้ามันลงจะลงแรงกว่าปกติ

คำถามจากผู้สัมมนา : การประมาณการงบกำไรขาดทุนล่วงหน้า ดูตัวไหนบ้าง

พี่บลุบลัด ; ทำย้อนหลังไตรมาส เรียกตามรายการที่เค้าให้มาเลย ซึ่งเราก็ต้องมาดูว่าช่องไหนกรอกได้โดยก้ดูจากข่าว คุยกับ IR แล้วก็ใส่ตัวเลขนั้นๆลงไปในงบ บางกรณีก็ต้องคาดการเช่นผู้บริหารว่าดีไอ้ดีนี่ก็ค้องคิดว่า % เท่าไหร แล้วอดีตทำได้ตามที่บอกไหมเพื่อคาดการได้ใกล้เคียง

พี่ sai ; ให้ควาสำคัญกับยอดขาย ต้นทุนขาย ภาษี BOI ซึ่งถ้าดูตรงนี้ได้ใกล้เคียงมันจะหา EPS ได้ถุกต้อง

พี่ฉัตร : เสริมยอดขายก็ดุว่าปกติมันเติบโตเท่าไหร  แล้วมี การเติบโตกี่ % โดยปกติ จะให้ประมาณ 15% ไว้แล้วลองเพิ่มประมาณการ ลดประมาณการในงบกำไรขาดทุนที่ลองทำใน Excel ดูว่าอะไรบ้างที่มันจะกระทบกำไรต่อหุ้นเท่ไหร จะได้ช่วงราคาที่เหมาะสมจะซื้อขาย และจะทำให้รู้ว่าปัจจัยไหนมันจะทำให้หุ้นผันผวนได้

คำถามจากผู้สัมมนา : บลาลานซีทจะประมาณการอย่างไร

พีฉัตรชัย : ตรงนี้ดูค่อนข้างซับซ้อน คือต้องไปดูทั้งลุกหนี้การค้ากี่วัน เจ้าหนี้การค้ากี่วัน แล้วประมาณการล่วงหน้า หางบกำไรขาดทุนแล้วก็มาหากระแสเงินสด....อันนี้ฟังไม่ทันครับ T_T

คำถามจากผู้สัมมนา : ให้นำหนักในการดูฟันโฟลจากต่างประเทศมากน้อยขนาดไหน

พี่ sai ; ไม่ให้น้ำหนัก ปกติก็ดูอย่างมากคือ ยอดซื้อขายสิ้นวัน

พี่บลูบลัด : ให้น้ำหนักน้อยมาก

พี่พรชัย : ไม่ดุ เพราะถ้าลองย้อยกลับไปดูที่คนเค้าเคยพุดกันมันก็ผิดเยอะมากเพี่ยงแต่คนเราไม่ค่อยไปค่อยสังเกตุ

พี่ฉัตรชัย ; ซือ้หุ้นไมได้หวังส่วนต่างราคามาก จึงไม่ค่อยสนใจว่าฝรั่งจะมาซื้อหรือขาย

คำถามจากผู้สัมมนา : เราเห็น EPS จากงบที่ออกมาแล้วโต ราคาก็ขึ้นมาแล้สอันนี้ซื้อตามได้ไหม

ทุกคนตอบ : ถ้าเรารอจนงบออกราคาก็วิ่งแล้วเสียดอกาส เราควรจะประมาณการอนาคตเสมอ โดยพี่พรชัยเสริมว่าแต่ต่อให้ราคาขึ้นมามากถ้าเรายังคาดการว่ามันจะยังโตต่ออันนี้ก็ซื้อได้

คำถามจากผู้สัมมนา : ฟรีแคสโฟลที่ว่าใช้เครื่องคิดเลขกดๆได้มีรายการใดที่ต้องดูบ้าง

พี่ฉัตร ; งบกระแสงินสด ดู กำไรจาการดำเนินงานก่อนเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์และหนี้สินหมุนวียน จากน้นก็ไปลบกับพวก กาลงทุน หรือรายการอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป

คำถามจากผู้สัมมนา : แนวคิดเรื่องการซือ้หุ้นเพื่อเป็นเจ้าของกิจการ กับซือ้หุ้นเพ่อขายราคาดีขึ้น อย่างไหนเปนหลังของ บัพเฟด

พี่พรชัย ; ในแต่ละช่วงของบับเฟดก็ไม่เหมือนกัน ตอนแรกๆ เค้าก้เริ่มต้นด้วยการ ซื้อขายหุ้นตามตลาด พอหลังๆพอตใหญ่การจะซื้อขายทั่วไปมันลำบาก ถ้าเจอบางตัวที่โอเค ซื้อแล้วถือได้จนรู้สึกถือได้ตลอดไปก็ได้ ขึ้นอยุ่กับโอกาสมากกว่า

คำถามจากผู้สัมมนา : VI ดูกราฟไหม

พี่ sai : ดูกราฟบ้างก็ราคาสูงสุด ต่ำสุดของมันเป็นตัวช่วยในการพิจารณาหุ้นอันหนึ่ง ไม่ได้อิงกราฟมากมาย

พี่บลุบลัด : ไม่ได้ใช้

พี่ฉัตรชัย : ก็ดุแค่ราคาสูงต่ำ แค่นั้นบ้าง

พี่พรชัย ; ดูแค่สุต่ำเหมือนกัน ว่าหุ้นที่สนใจประวัติราคาประมาณไหน

คำถามจากผู้สัมมนา : หุ้นมีเจ้ามือพิจารณาอย่างไร

พีฉัตรชัย ; ไม่ดุ ดูแค่ราคา พื้นฐาน

พี่บลุบลัด ; บอกอยากแต่หลักๆ ถ้ามีเจ้ามือก้ดี หุ้นที่เราเลือกก้ดี มีเจ้าจะได้ขึ้นไวถึงราคาเป้าหมายไวไว

พี่ sai ; ไม่สนใจ และยกคำพุดพี่โจ้ลุกอีสานมาบอกว่า หุ้นทุกตัวมีเจ้ามือของมันเองคือผลประกอบการ(คมมากๆ)

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:20 am
โดย champ_st
ช่วงที่ 2 เทคนิค
โดยคุณนธี เอี่ยมโอภาส
เริ่มอธิบาย่ากราฟเทคนิค เปนประวัติของหุ้นตัวนั้นๆ ดูว่าถ้ากิจการนั้นดีตามที่ดูเบื้อต้รมาแล้ว ก็มาดูต่อว่าหุ้นตัวนั้นแพงไปหรือยัง ซึ่งความจริง การใช้เครื่องมือทางเทคนิคนี้ โอกาสถูมันก็คือ 4 ใน 10 ครั้งหรือ 40% แต่ไอ้การถุก 4 ครั้งเราสามารถทำกำไรได้มาก การผิดพลาดอีก 60% ที่เกิดจากการคัสลอว ก้ถือว่ายังไงก็กำไรอยู่
การเอากราฟเทคนิดมาใช้กับหุ้นก็ต้องดูว่าหุ้นตัวนั้นเหมาะกับใช้เครื่องมือใดวัด
สำหรับการใช้เทคนิดก็มีกฏหลักๆอยุ่ 3 ข้อคือ 1 ราคาได้สะท้อนทุกอย่างของหุ้นตัวนั้นแล้ว 2 ราคาเคลื่อนไหวอย่างมีแนวโน้วไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแนวโน้ว 3 พฤติกรรมของนักลงทุนก็จะเกิดขึ้นซ้ำๆกับเดิม  ซึ่งเดิมที่แรงๆ เทคนิดคอลก็ดูแต่เทรนราคาแล้วจินตนาการว่าจะขึ้นหรือลง แต่ปัจจุบันมันพัฒนาจนมาค่าสถิติต่างๆมาช่วยมากมายเชน macd rs เป้นต้น
หลักที่ให้ไว้คือ ซื้อเมือ่ราคาทะลุไฮเดิมก็มีสัญญาณซื้อ และขายเมือราคาลงมาต่ำกว่าโลเก่าเป็นสัญญาณขาย ถ้าเจอหุ้นดี กราฟยังไม่สวยอาจรอดุไปก่อน ถ้าหุ้นดี กราฟมีสัญญาณซื้อก็เคาะได้เลย
วิธีการกรองหุ้นทางเทคนิกก็คือ ดูว่าหมวดไหนมันชนะ SET บ้างพอได้ปล้วก็ค่อยมาหาหุ้นในหมวดนั้นๆ โดยเบื้อต้นอาจใช้เส้นค่าเฉลี่ย 5 วันสำหรับเทรดระยะสั้นๆ หรือ 1 เอนสำหรับเทรดระยะยาว เป้นจักหวะในการเข้าออกหุ้น พอได้เส้คาเฉลี่ยก็ซื้อช่วงที่แท่งเทียนอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ขายเมื่อลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย สำหรับรอบนี้ ถ้า set ทะลุ 770 ก้มองเป็นสัญญาณซื้อทางเทคนิค

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:22 am
โดย champ_st
แยกตามกลุ่มต่างๆครับ ผมเข้าพลังงานขอสรุปดังนี้ครับกลุ่มพลังงานแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มคือ

1น้ำมันและก๊าซ โดยยอดขายมันจะขยายโตเพิ่มขึ้นทุกปี ที่ต้องสนใจคือราคา เพราะมีผลกับมาร์จินโดยตรง
2โรงกลั่น เล่นตามรอบตามค่าการกลั่น
3ถ่ามหิน ซึ่งบางตัวทำเหมืองด้วย ก้ต้องดูว่าปีหนึ่งๆขุดได้เท่าไหร มีสัญญาซื้อขายยังไงราคาไหน มีปริมาณที่เหลือให้ขุดอีกเท่าไหร
4โรงไฟฟ้า อันนี้ พีอีไม่สูงเพราะ ราคามันไม่ค่อยไปไหนโครงสร้างรายได้จะเป็นระฆังคว่ำคือปีแรกๆ รายได้กำไรที่ขายไฟดี พอปีหลังๆจะลดลง
5พลังงานทดแทน พวกลม ขยะ แสงแดด
6 เพิ่ทตื่อนอื่นๆ ก็คือพวกสาธาณูปโภค อย่า ttw eastw อันนี้ดูกำลังการผลิต เพราะพวกราคาซื้อขาย ปรับตามเงินเฟ้อ อยุ่แล้ว
โดยทางกลุ่มมีเสนอตัวที่น่าสนใจดังนี้

1 EASTW
น่าจะเทรดที่พีอี 12 เท่าได้ ปัจจุบันเล่นที่ 8 เท่า ปันผล 7%  หลักๆที่น่าสนใจคือ บริการส่งน้ำมห้ภาคตะวันออกเป้นหลัก มาบตาพุดกระทบรายได้ประมาณ 3% ปัจจุบันมีการปรับราคาน้ำลุกค้าขึ้นอีกโดยแบ่งเป้นลุกค้าโรงานปรับได้เต้มจำนวน แต่ลุกค้าทั่วไปปรับได้น้อยกว่าเพราะส่สนหนึ่งเปนผู้ถือหุ้นของัวนี้ด้วยอย่างเช่นการปะปา
ปริมาณการขายน้ำเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10% ปัญหาน้ำแล้งจะไม่ส่งผลต่อต้นทุนเลยคือ ถ้ามีก็มีน้ำเลยถ้าไม่มีน้ำต่อให้ขึ้นราคามันก็ไม่มีน้ำอยู่ดี สัมปะทานเรื่องท่อก็สามารถต่อได้ตลอด แต่อาจมีค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นจากการที่ต้องเชื่อต่อท่อเป็นเครือข่าย
คู่แข่งคือพวกกลุ่มที่สูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้เอง แต่พวกนี้ก้มีปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำ กับดินทรุด มี UU บริษัทลุกที่มีข่าวมาว่าเข้าจดทะเบียนซื้ออาจทำให้แม่ราคาขยับได้ และในอนาคตอาจต้อมีการลงทุนท่อเพิ่มเติมในมาบตาพุดเพราะตอนนี้เต็มแล้ว

2 TTW
น่าจะเทรดที่พีอี 12 เท่าได้ ปัจจุบันเล่นที่ 8 เท่าตอนนี้มี 2 โรงคือ นครปฐม สมุทรสาคร และที่ปทุมธานี
กำไรบริษัทค่อนข้างดีแต่ติดปัญหาเรื่องการฟ้องร้องอยู่คือสั้นๆ ttw ไม่รุ้ทำอีแบบไหนสามารถให้ปะปาภูมภาคต้องซื้อน้ำจากเคาได้ราคา 22 บาท แล้วปะปาก็ขายให้ปะชาชน 12 บาท ซึ่งมองว่า ttw ค้ากำไรเกินควร ซึ่งตรงนี้หลายท่านมองว่าจริง แต่หากลองไม่เอาน้ำจาก ttw เอาเข้ามาจากที่อื่นบวกต้นทุนขนส่งแล้วมันก็พอพอกัน และราคาน้ำปรับตามเงินเฟ้อทุกรอบเดือน ธค ควาเสี่ยงที่น่าดูคือ ช การช่างถือุห้นใหญ่

3 SGP
จุดเด่น มีการลงทุนในเวียดนาม และจีน  , โรงงานเอทานอลปี 52 ขาดทุนแต่ปี 53 น่าจะดีขึ้น , เวียดนามมี potential เหมือนไทยสมัยก่อน ที่จะมาใช้แกส ,สัดส่วนรายได้คือ หุงต้น 50-60% รถยนต์ 20-30% อุตสหกรรม 10%  , หนี้เสียแทยไม่มี , แชรืเปเนเบอร์สองรองจาก ปตท , พีอี 6-7 เท่า ลราคาถุกกว่าปตท 20 บาทต่อถัง
โอกาส การยกเลิก 95 จะทำให้การใช้แกสเยอะขึ้น , การลอยตัวแกสเป้นผลดีในช่วงแรกๆ
ข้อสังเกตุ ผูบริหารเล่นหุ้น มีคนตระกูลชินวัตร เป้นประธาน มีจึงรุ่งเรืองกิจ แจมอีก
ความเสี่ยง ธุรกิจที่ไปซื้อจากจีนยังขาดทุนอยู่

4 Demco
รับเหมาทำ substation ไฟฟ้า  , ระบบสายไฟ , ไฟฟ้าพลังงานลม ,มี งานในมือ 2960 ล้านที่รับรู้ปีนี้ , ยังมีงาประมูลดรงไฟฟ้าพลังงานลมอีก ซึ่งบริษัทน่าจะได้งานอีกมาก , EPS ปี 53 ประมาณ 0.84 บาท ราคาตอนนี้คือ 4 บาท ที่ พีอี 5 เท่า ความจริงควรได้ซัก pe 7 เท่า แล้วรัฐบาลก็ส่งเสริมพลังานสะอาดด้วยโดยไฟฟ้าที่รับซื้อจะแพงกว่า แต่ผู้บริหารชอบเสี่ยงโชคมักเจอท่านที่ด่านชายแดน

ผลสรุปกลุ่มนี้เลือก SGP ไปนำเสนอ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:24 am
โดย champ_st
ผลการหาหุ้นเด่นแต่ละกลุ่ม

กลุ่ม อสังหา เลือก SPALI (เฉือนกับ PS)
            มองภาพการเติบโตของธุรกิจอสังหาชัดเจนขึ้น รายเล็กๆหายไปจากตลาดหมดเหลือแต่รายใหญ่ๆ ที่แข็งแรงขึ้น และเราเลือป้าสุเพราะน่าจะเป้นปีทองของเขา โดยมีแผนเปิดทั้งสิ้น 14 โครงการ รวม 15000 ล้านบาท มีสัดส่วนบ้านเดียว 50% คอนโด 50% เป้นบริษัทที่มีอัตรากำไรข้นต้นสูงมาก ส่วนหนึ่เงพราะค่าใช้ตายน้อยทำให้ได้เปรียบ
ข้อเสีย
1 การบริหารงานของป้าสุค่อนข้างคอนเซอเวทีฟเกินไป จังหวะรุกก็ไม่ค่อนชัดเจน
2มองเรื่องความเป้นมืออาชีพของผุ้บริหารเพราะมองเป้นธุรกิจครอบครัวอยู่ ต่างจาก PS
3ความน่าเชื่อถือของผู้บริหารเพราะข้อมุลยังน้อยอยุ่
4 การเติบโตในอนาคตอาจต้องพัฒนาไปลเนลุกค้าเกรด A ตลาดบนที่ยังไม่ชัดเจน
ข้อดี
1 มาจินสูงเมื่อเทีบกับคุ่แข่ง
2 แบคลอกมีค่อนข้างมากถือว่าปลอดภัย  70% ของเป้าแล้ว
3 พีอีค่อนข้างต่ำเมือ่เที่ยบกับกลุ่ม
4 ปันผลสูง 8%
5 โครงสร้างทางการเงินหนี้จะลดลง
6 ROE สูงสุดในกลุ่ม
7 EPS ปัจจุบันใกล้เยงปีที่แล้ว เพราะมีซือ้หุ้นคือ
สาเหตุที่เลือกซื้อ
1แบคลอกมีค่อนข้างมากถือว่าปลอดภัย  70% หากมีวิกฤตก็ปลอดภัยกว่าตัวอื่น
2มาจินสูงเมื่อเทีบกับคุ่แข่ง ปันผลสูง roe สูง pe ต่ำ
3 มีup side สูงสุด โดยมีสองด้านคือ upside ด้านกำไรอาจไม่มาก แต่หากวัมุลค่า upside ตาม pe มันจะยังมีมากถ้าปรับ pe ไปเทรดเท่าตัวอื่นที่ 7-8 เท่า

อาจารย์นิเวศน์ คอมเม้น เรือ่งอสังหาผมเองก็ติดตามมาหลาปี ทุกบริษัทมันดีหมดเลยเป็นปรากฏการณ์เฮโลเอฟเฟค สัมพาดบริษัทไหนก็ดี ทุกบริษัทกำไร เติบโต พีอีต่ำ เลยไม่รู้จะคอมเม้นอะไร เหมือนตอนนี้ ดูตัวเลขว่ามีตังค์ คนมีเงินมองยังไงก็น่ารัก ดูดี ยกเว้นตัวเดียวตัวใหญ่สุดที่ตอนนี้มันเงียบๆ LH จนผมก็ชักมองเสียวๆบ้างเพราะมันมีไอ้พวกสุดยอกเพียบเป้นสิบรายถ้าอนาคตมันมาแข่งกันจะดุเดือนไหมวิเคราะห์ลำบาก ไม่มีตัวไหนมีจุดเด่นที่ชัดเจนคู่แข่งเลียนแบบหรือสุ้ไมได้ แต่ถ้าผมเลือกก็มองตัวใหญ่สุด เพราะมันอาจกลับมาได้ เนื้องจากเดิมมันใช้กลยุทสร้างเสดแล้วถึงขายมันเลยถามชาวบ้านไม่ทัน แต่ถ้าเกิดวิกฤติน่าจะปลอดภัย อีกอย่างกลุ่มนี่มันเป้นวัฏจักร โต 7 ปี จม 7 ปี ตัวใหญ่ขาลงน่าจะทนทานกว่าตัวเล้กๆ แล้สเปนไปได้ไหมถ้า ศก ดี กู้ง่ายๆเจ้าเล้กๆที่หายไปมันจะกลับมารึไม่กลับมาไอ้เจ้าใหญ่ๆแข่งกันดุเดือดจนบาดเจ็บก็น่าคิด เท่าที่ผมดูตอนนี้เห้นตัวเลขก้ดีหมดเลยทั้ง LPN PS SIRI SPALI

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:25 am
โดย champ_st
กลุ่มเกษตรเลือก TVO

มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในอาเซียน ในประเทศมีแชร์น้ำมัน 95% ปันผล 70% ของกำไร ROE สูงตลอด
1down side จำกัด โดยดูจากาคาถั่วเหลืองในตลาดโลกมันลงมาสุดๆจนยังไม่ลงไปอีกแล้วเรียกว่าจำกัดขาลง

2มีสตอรี่โกรท มองว่ามีความต้องการใช้กากถั่วมากขึ้นในโลก ทั้งจีน อินเดียที่เป้นรายใหญ่ๆของโลก และสองประเทศนี่ก็มีอัตราเติบโตทาง ศก ที่สุกมากมีดีมานมาก  อีกทั้ในปีนี้ tvo มีการเพิ่มกำลังการผลิต 50% จาก 4000 เป้ฯ 6000 ตันต่อวัน ใช้เงินลงทันป 1.5 พันล้าน เดินเครื่องผลิต มิย รับรุ้รายได้ Q3ปลายๆ โดยกำลังผลิตใหม่ ก็ยังขายให้ลุกค้าเดิมได้เพราะ ในประเทศใช้ 3 ล้าน tvo ได้ 1 ล้าน นำเข้าอีก 2 ล้าน เพิ่มกำลังผลิตก็มาทดแทนการนำเข้าได้ อีทั้งเขตการค้าเสรีน่าจะทำให้ส่งออกได้ดีขึ้นไปยังเพือ่บ้านอาศัยแบนร์ดที่แข็ง

อาจารย์คอมเม้น : TVO จะไปมองแบบที่ว่ามาก้ไม่ตรงมาก เพราะมันเป็นคอมโม ยิงเปิดเสรี ภาษีไม่มี การนำเข้าถุกลงไม่น่าจะทำให้ TVO ไดเปรียบ ส่วนดีมานในประเทสยังไม่ใช่ปัญหาเพราะยังขาอยุ่อีกล้านตันผลิตเท่าไหรยังขายหมด แต่เรื่องจีน โต อินเดียโต ก็ไม่น่าจะได้ประโยชนกืกับ TVO เพราะเข้าใจว่าไมได้เป้นผู้ผลิตเองก้ไม่เกี่ยวกับเรา เป็นธุรกิจที่ไม่แนะนำให้ถือยาว แต่ถ้าซื้อขายตามสตอรี่ก็ดี เหมือนกันหุ้นวัฏจักรอื่นๆ สุดท้ายอาจารย์ติดใจ  TVO ขายน้ำมันถัวเหลือ หรือน้ำมันองุ่น อิอิ T_T

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:27 am
โดย champ_st
ค้าปลีก ROBIN
โครงสร้างรายได้หลักมาจากสินค้าพวกแฟชั่น เครื่องสำอางแบรน์ดเนม โดย สินค้าที่วางขายก็มี 2 ส่วนคือ กินหัวคิวส่วนต่างจากสินค้าที่เค้ามาฝากขาย กับซื้อมาแล้วก็ขายเอง กลุ่มลุกค้าก็เป็น B C ( a เป้นของเซ็นทรัล) อนาคตมีแผนที่จะขยายไป ตจว ตอนนี้มี 22 สาขา แผนงานคือ ไปสร้าง ตจวที่ ตรังปีนี้ เชียงราย พิดโลก เชียงใหม่ปีถัดๆไป  ตอนนี้ที่ กทม 9 สาขา ตจว 13 สาขา พื้นที่ใน ตจว ยังมีอีกมาก ผู้บริหารจะพยายามขยายสาขาอีก 14 สาขาใน 4-5 ปีข้างหน้า กำไรโตประมาณ 12-13%
จุดแข็ง
มีลักษณะโมเดลค้าปลีกคือหนี้น้อยเงินสดเยอะ ตั้งแต่หลุดพ้นจากศาลล้มละลายกลาง็มีแผนงานที่ชัดเจนมากขึ้น และใน ตจว ก้ยังไม่มีคู่แข่งเลย มีการผนึกกำลังกับเซ็นทรัลในการไปเปิด่น CPN สาขาชนบุรีที่ภายนอกใช้เว้นทรัลแต่ใส้ในป็นโรบินสัน  และคู่แข่งอย่าง the mall ก็ยังไม่มีแผนขยายไป ตจว ส่วนใน กทม ก็มีการปรับปรุงภายในให้น่าเดินยิ่งขึ้น เป้นดีพาดเม้นสโตน ไม่เหมือนกัน บิ๊กซี โลตัส
จุดอ่อน
โรบินมีรายได้หลักจากแฟชั่นซือ้เป็นสินค้าที่ซื้อขายตามอารมณื อะไรที่มีกระทบอารมคนจะชะลอการซื้อต่างจากสินค้าจำเป้น
ในตจว ยังนิยมใช้ของถุกอยุ่ การมาห้างอาจแค่มาเดินเล่น กินข้าวเวลาซื้อของจริงๆก้ไปวื้อนอกห้างเรบินก็ไม่ได้ประโยชน
งบการตลาดค่อนข้างสุง ยิ่งเปิดสาขาใหม่ๆยิ่งใช้เยอะ
ตัวเลขที่น่าสนใจคือ ปี 53 มีกำไรสุทธิ 2000 ล้านเฉลียปีละ 400 ล้าน , พีอี 13 เท่าถุกสุดในกลุ่ม หนี้น้อย 0.5 เท่า ROE 16% กำไรสุทธิ 7% ที่ถือว่าสุงมากในกลุ่ม

อาจารย์นิเวศน์ คอมเม้น : กลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ดีทุกตัวแต่โรบินมันโตช้า ตอน 10 บาทผมก็มอง แต่ด้วยราคาตอนนี้ไม่แน่ใจเพราะความเข้มแข็งมันไม่เท่าตัวอื่น คู่แข่งเยอะ ขนาดสาขาที่ว่าขายดีดี ผมเดินไปดูมันก็ยังเหงาๆ แต่ต้องระวัง บีกซี โลตัส ซึ่งอนาคตมันต้องพัฒนามาขายสิ้นค้าแฟชั่นที่มาจินเยอะแข่งกับโรบินด้วยแน่ๆ เหมือนดมเดลของห้างวอลมาท ซึ่งดิสเค้าสโตนมันมีสินค้ามากมายให้ดึงดูดคนไปได้มากกว่าเพราะความหมากหลาย แต่ตอนนี้ก็ยังพอดูดีอยุ่ เสียที่โตช้า ย้อนหลังไป 5 ปี มันกำไรเยอะกว่าโฮมดปร มาร์เกตแคปก้ใหญ่กว่าตอนนี้โดนแซงไปแล้วเพราะมันช้า อาจไม่ใช้ตัวที่ดีสุดในกลุ่มและในระยะยาวยิ่งน่ากลัวแต่ตอนนี้ ก็ดีอยู่มาจินดี

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:28 am
โดย champ_st
พลังงาน เลือก SGP   อ่านเอาตามด้านบนนะคัรบ ขอผ่าน

อาจารย์นิเวศน์ คอมเม้น : ห่วงเรื่องลงทุนที่จีนเพราะมัน 4 เท่าของไทย เอทานอลที่เปิดใหม่ก็ยังขาดทุน ธุรกิจที่เอาเงินไปลงต่างประเทสมันตรวจสอบยาก ต้องระวัง การขายแกสคล้ายๆน้ำมันมันขายปริมาณมากทั้งประเทศก้ไมได้กำไรมากมายอะไรแต่ มาจินตัวนี้เนอะก็ต้องดูเปนพิเศษว่าเกิดจากอะไร มาเกตแคป 8 พันล้าน ยอดขาย 22000 ล้านปันผล 6-7% ตัวนี้เล่นมันต้อง เล่นได้เสีย จำกัดจำนวนเงินที่จะเล่นก็แล้วกัน

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:29 am
โดย champ_st
กลุ่มยานยนต์ สแตนเลย์
สแตนเลย์เป้นผู้ผุกขาดการทำโคมไฟรถยนต์ 70% และมอไซ 90%  กลุ่มนี้วอลลุ่มไม่ค่อยเยอะ ภาพรวมปี 52 ขายรถได้ 9.9 ล้านคัน ปี 53 1.4ล้านคัน การเติบโต Q1 Q2 ปีที่แล้วต่ำ Q3 Q4 ดีขึ้นและคาดว่า Q1 นี้ก็จดีขึ้นอีก เพราะมีโมเดลรถใหม่ๆออกมา
จุดแข็ง
ใช้เงินลงทุนสูงในการจะเข้ามาทำธุรกิจ
มีออเดอร์จากมาสด้าจำนวนมาก
หนี้ไม่มี เงินสด 2000 ล้าน
ลุกค้าให้ความไว้วางใจมาก
ผู้บริการน่าเชือ่ถือ ญี่ปุ่นคอยชวยด้านเทนโนโลยี
จุดอ่อน
การขยายหือทำอะไรใช้เงินเยอะ
กำลังการผลิตปัจจุบันก็ 90% แล้วถ้าจะเพิ่มมันต้องมีการลงทุนครั้งใหญ่

อาจารย์นิเวศน์ คอมเม้น ; ช่วงนี้มีโอกาสที่ไฟจะแตกเยอะขึ้นมาก 555 มุขนี้ ผมมองว่าการขายรถยนต์ในไทยยังจะเติบโตสูงขึ้น โอกาสที่เราเป้นฮับผลิตก็ยิ่งทำให้กลุ่มนี่ดุดีทั้งกลุ่ม แต่ยังไงพวกรับจ้างผลิตก็ยังต้องโดนกดราคา และต้องลงทุนใหม่ๆตลอดเวลาตามแบบอุตสหกรรมที่เงินไม่อยถึงเรา โชคดีที่ตัวนี้ปันผลเยอะค่อยข้างดีในหมวดนี้ ในต่างประเทศการเตบโตกลุ่มยานยนต์ก็ดตแบบเรือ่ยๆ ไม่กระดดดแต่สม่ำเสมอ พีอี ตอนนี้ก็ยังไม่แพงในหลายๆตัว มีหุ้นกลุ่มนี้ไว้ในพอตถ้าสนใจอุตสหกรรม ยานยนต์ถือว่าน่าสนใจ (ช่วยๆกันซื้อเดี่ยวก้ไป 555)
มุมมมองเพิ่มเติมคือ เทียบกับกลุ่มอิเล้กแล้วยานยนตืผันผวนน้อยกว่าสม่ำเสมอกว่าอิเล้กเยอะยิ่งในไทย

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:32 am
โดย champ_st
ช่วงคำถามจากทางผู้เข้าฟัง

ถาม : สำหรับ VI เลือกหุ้นแล้วเจอที่ up side เยอะแล้วซื้อมากๆ นี่ประมาทไปไหม อาจารย์เลือกไงดี
อาจารย์นิเวศน์ตอบ : ชอบหุ้นที่ ดาวไซน้อยๆมากกว่า ปลอดภัยดี ดูย้อนหลัง 5 ปีกำไรไม่เลยลงตำๆ อนาคตก็น่าจะไม่ลงมากๆ มันเวฟ อัพไวไม่ค่อยได้ดู การดูดาวไซวมันปลอดภัยไม่อันตรายมาก แต่บางคนเล่น อัพไซเยอะๆแทง 3 ถูก2 แล้วคุ้มก็ดี ถ้ายังไงลองแบ่ง 2 พอต เลนดาวไซพอต อัพไวพอตแล้วลองดูว่าอันไหนดีก็ได้

ถาม : ค้าปลีกหาจุดอ่อน CPALL ไม่เจอ
อาจารย์นิเวศน์ตอบ: หุ้นทุกตัวมันก้มีจุดอ่อน อย่าง วอลมาท โตโยต้า ที่ว่าแน่ๆสุดท้านมันก็มีจุดอ่อนของมัน เพียงแต่ระยะเวลามันยังมาไม่ถึงตรงนั้น ยังมองไม่เหนมากกว่า อย่างถ้าอยุ่ดีดี มีกฏหมายควบคุมการค้า หรือห้างต้องปิดหลัง 5 ทุ่มมันก็มากระทบ cpall แต่โดยส่วนตวก็เหนว่าสุดท้ายทุนนิยมมันจะคอยปกป้อง ถ้าประชาชนไม่เอา เคนเข้า 7-11 ได้ 24 hr จะมามีเวลาเปิดปิด กฏหมายก็อยุ่ลำบาก

ถาม : เคยอ่านตำราว่า ทบ บอกว่าลงทุนยังไงก้ไม่ชนะตลาด
อาจารย์นิเวศน์ตอบ : ตาม ทบ สติถิมันก็บอกอย่างนั้นว่ายากทีจะอาชนะ คนชนะมันก็มีแต่น้อยมากๆ ค่าทางสติติก้ไม่เอามาคำนวน แต่ถ้าเราพัฒนา VI ให้มากขึ้นก้อาจเอาชนะตลาดได้ ถ้าเราเชือ่ว่ายังไงก้เอาชนะตลาดไม่ได้ก็อย่าไปเชือ่มันมาก ถ้าเชื่อมากก็ไม่ต้อมาซื้อหุ้น 555

ถาม : อ.เลือกหุ้น ณ ขนะนี้บวกปัจจัยการเมืองเข้าไปคิดไหม และหุ้นโรงแรมที่โดนกระทบน่าสนใจไหม
อาจารย์นิเวศน์ตอบ : เรื่องการเมืองมันก็มีผลกระทบในระยะสั้น นี่ถ้ามันรุนแรงก็เป็นจังหวะซื้อ เพราะมองว่าถ้าชัดเจนมันก็จะขึ้น จริงๆรอจังหวะในตอนนี้
           หุ้นโรงแรมที่ลงมาเยอะถ้ามันชัดเจนก็มีคนซื้อ เพราะตอนนี้ต่อให้ไม่มีการเองมันก็ยังไม่ค่อยไปไหนหรอกหุ้นกลุ่มนี้ แต่ถ้าตอนนี้คุณวื้อแล้วถือยาวๆได้รับรองผลตอบแทนก้ไม่ผิดหวัง
           สุดท้ายมองว่ายังไงเมืองไทยทุนนิยมก็ชนะ การเมืองระยะยาวๆไม่มีผลกระทบมาก

ถาม : ถ้าหุ้นลงมาจะซื้อตัวไหน
อาจารย์นิเวศน์ตอบ : หุ้นที่มีกำไรชัดเจน อยุ่ท่องเที่ยว หุ้นแถวๆราชประสงค์ ยังไงก็กลับมา ต้อนนี้ก็รอตูมตามถ้าลงอีกก็ซื้อ    หมายถึงตัวไหนหนอ อิอิ

จบแล้วครับผิดพลาดประการใดขออภยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:43 am
โดย moonchild
คุณ champ_st มีจดขั้นเทพจริง ขอคาราวะ :shock:

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 2:54 am
โดย i_sarut
เทพ lecture  :bow:

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 4:48 am
โดย หมีขาว
:bow:  :bow:

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 4:49 am
โดย blueplanet
ขอบคุณ คุณ champ ที่เขียนให้อ่าน
ขอถามหน่อยครับ
ถาม : เคยอ่านตำราว่า ทบ บอกว่าลงทุนยังไงก้ไม่ชนะตลาด
ทบ คืออะไรครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 7:03 am
โดย apisit_da
blueplanet เขียน:ขอบคุณ คุณ champ ที่เขียนให้อ่าน
ขอถามหน่อยครับ
ถาม : เคยอ่านตำราว่า ทบ บอกว่าลงทุนยังไงก้ไม่ชนะตลาด
ทบ คืออะไรครับ
ทฤษฎีบท หรือเปล่า :roll:

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 7:06 am
โดย jitakung
สุดยอดครับ มือ lecture ขั้นเทพจริง ๆ ผมไปนั่งฟัง ยังไม่ได้ละเอียดเท่า lecture นี้เลย

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:00 am
โดย Sorgios
สวัสดีครับคุณ champ_st

มาเร็วตามคำเรียกร้อง และก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ

ละเอียดยิบ คนที่พลาดโอกาสไปงาน อ่านสบายเลยครับ

ขอบคุณมากๆเลยนะครับ :bow:


ปล.ขยันจริงๆ มาโพสท์ตอนตีสอง สุดยอดจริงๆครับ

คารวะ

สอครับ :D

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:05 am
โดย gozzip
โห !! จดได้เทพจริง >< ขอบคุณครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:10 am
โดย s.teerapong
จดได้สุดยอดมาก ๆ
ขอบคุณครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:18 am
โดย abscisic
ขอบคุณครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:24 am
โดย 0N0111
ขอบคุณครับ
รวดเร็วทันใจ แบบนี้ต้องใช้บริการบ่อยๆ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:29 am
โดย boong24
จดได้เยี่ยม มาโพสได้เร็ว เยียมครับ
ขอบคุณครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:38 am
โดย anubee
สุดยอดดดใครได้อ่านในนี้นี่ละเอียดยิ่งกว่าไปสัมนาเองอีกครับเพราะว่ารู้ทุกกลุ่มเลย :D

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:45 am
โดย sialic
ขอบคุณมากค่ะ   ขอให้คุณ champ_st  มีสุขภาพแข็งแรง  พอร์ตโตวันโตคืนเด้อ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:53 am
โดย Jimmy
ขอบคุณ พี่ แชมป์มากครับ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:56 am
โดย yutt1234
ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆครับ

Re: สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 8:59 am
โดย SunShine@Night
ขอบคุณมากครับ

โพสตอนตี 2 เลย ว้าว :)

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 9:14 am
โดย Guez07
สุดยอดเลยครับ
ละเอียดทุกตัวอักษรเลย แทบไม่มีรายละเอียดตกหล่นเลย :lol:

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 9:36 am
โดย champ_st
apisit_da เขียน: ทฤษฎีบท หรือเปล่า :roll:
ใช้ครับมีคนถามแค่ว่าทฤษฏีบทเรื่องการลงทุนนะครับ เลยใช้ตัวย่อ

สรุปความรู้จากงานสัมมนาไทยวีไอ ประจำปี 2553

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 02, 2010 9:51 am
โดย romee
นอกจากงานนี้ผมจะได้เห็นเทพ และเซียนหุ้นแล้ว

ก็ยังได้เห็นเทพแลคเชอร์อีกด้วย

ขอบคุณกับน้ำใจดีครับ  :bow: