Thai VI

ผมดูFANCYระยะนี้มีปัญหาเรื่องต้นทุนไม้ยาวพาราที่เป็นต้นทุนวัตถุดิบหลักมีราคาเพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำยาง แต่ผมเองก็ยังข้องใจไม่หายว่า เวลาปลูกยางเมื่อกรีดยางไดเต็มอายุแล้วก็ต้องโค่นเอาไม้ นั่นหมายถึงไม้ยางพาราเป็น สินค้าพลอยได้ มันไม่นาจะมีราคาแพงตามน้ำยางได้เลย หรือว่ามีสาเหตุอื่น ใครรู้ช่วยหน่อยเถอะครับ ปวดหัวจริงๆคิดไม่ออก

Is it possible that, in the past, some rubber growers cut the woods before the time the rubber ripes krub? I used to see the government policy that the area allowed for rubber plant will be reduced while the demand of the wood is still high.

What's the real problem about FANCY krub between Currency Exchange and High Operating Cost, P' Mon? (or Anyone please advise if you have any idea)

Fancy is 35% in my port. Worry very much krub. This barricades my port's growth a lot.


2nd wind.

เรื่อง FANCY ต้องถามลุงขวดเท่านั้นครับ

ลูกศิษย์ปลายแถวของลุงขวดจะลองดูก่อนก็แล้วกัน

อันว่า FANCY เป็นบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา ที่ผ่านมาผลิตเฉพาะโต๊ะและเก้าอี้ ตอนนี้กำลังลองผลิตพวกเครื่องนอนตู้เสื้อผ้าเพิ่มอยู่ ยังไม่แน่ว่าจะเจาะตลาดสำเร็จหรือไม่ อันนี้ผมมีข้อสังเกตอยู่อย่างคือ เตียงต้องใช้เทคโนโลยีพอสมควรครับ เรื่องการรับและกระจายน้ำหนัก เป็นสิ่งที่คนนอนทุกวัน เรื่องความแข็งแรงมีความสำคัญมากกว่าโต๊ะเก้าอี้เยอะ

ถ้าดูประวัติย้อนหลังของ FANCY จะเห็นว่าผู้บริหารน่าสนใจมาก ในอดีต FANCY ทำเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งครับ ผู้บริหารเห็นว่าไม้เนื้อแข็งในอนาคตจะหมดไปและผู้ขายไม้จะเป็นคนกำหนดราคาและปริมาณวัตถุดิบ FANCY จึงเริ่มหันมาดู option ไม้ยางพารา โดยขอส่งเสริมการลงทุนด้วย

ผลปรากฎว่าทำได้ดีครับ โต๊ะเก้าอี้ไม้ยางพารากลายเป็นของนิยมไป เพราะราคาถูกกว่าไม้เนื้อแข็งอื่นๆ แต่มีคุณสมบัติคล้ายไม้เนื้อแข็ง บ้านผมยังมีหลายอันเลย

ทีนี้มาดูวัตถุดิบกันบ้าง ไม้ยางพาราปกติในประเทศไทยมีอายุไม่ถึงห้าสิบปีก็ต้องโค่น(ทิ้ง)แล้ว แต่มาเลเชียสามารถยืดอายุได้นานกว่านั้น เพราะเทคโนโลยีที่ไม่ต้องกรีดทำลายผิวไม้ (ใช้แก๊สช่วย) ทำให้ได้น้ำยางมากขึ้น และยึดอายุต้นไม้ออกไปได้หลายสิบปี

ในเมืองไทยชาวสวนยางพาราสามารถขายยางได้และขายไม้ได้ด้วย เมื่อยางพาราราคาตก ชาวสวนก็จะโค่นต้นไม้เร็วขึ้น เพื่อลดกำลังการผลิต ตอนนั้นไม้ยางจะมีราคาถูกตามไปด้วย

ทีนี้เมื่อตัดไปแล้ว ราคายางสูงขึ้น ก็จะทำให้ไม่มีใครตัดเพิ่ม (เพราะอันที่ใกล้หมดอายุตัดไปหมดแล้ว) ก็ทำให้ไม้ยางหายากขึ้น และมีราคาแพงขึ้น

จะเห็นได้ว่าราคาวัตถุดิบของ FANCY ผันผวนตามราคายางเล็กน้อยครับ แต่ไม่ใช่โดยตรง

ข่าวที่มีผลกระทบกับเรื่องวัตถุดิบก็คือ

1. รัฐบาลไทยอยากพัฒนาอีสานเป็นพื้นที่ปลูกยางพาราเพิ่มเติม ซึ่งถ้าสำเร็จ FANCY อาจจะต้องลงทุนเพิ่มโรงงานในอีสานเพื่อรับวัตถุดิบในอนาคต (อีกนาน)

2. จีนกำลังจะเร่งพัฒนาการปลูกยางในประเทศ เพราะ consumption สูงมาก

3. ไทยมีโครงการนำเทคโนโลยีการรีดน้ำยางจากมาเลเซียมาใช้ ทำให้ต้นยางมีอายุมากขึ้น

4. สหรัฐกำลังค้นคว้ายางพันธุ์ใหม่เพื่อปลูกในอเมริกาใต้ ถ้าสำเร็จจะทำให้สหรัฐได้ทั้งยางและไม้ยาง

ทั้งสี่ข้อไม่ใช่ข่าวดีสำหรับ FANCY ครับ จะเห็นได้ว่าราคา FANCY นิ่งอยู่กับที่แม้ว่าหุ้นพื้นฐานตัวอื่นๆจะกระโดดขึ้นอย่างเมามันในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา

คำแนะนำของผมคือ รอดูท่าทีครับ ถ้าการลงทุนใหม่ของ FANCY ได้ผล ผลประกอบการจะโตขึ้นในสองปีข้างหน้า ถ้าไม่ บริษัทคงจะได้รับผลกระทบทีเดียวครับ

ส่วนจะขายหรือไม่ที่ราคานี้ ผมคิดว่ายังไม่ควร ยกเว้นราคาหลุดแนวรับ 8.70 ลงมา คือถ้า 8.65 เป็น offer เมื่อไหร่ละก็ อาจจะลงยาว แต่ถ้าถือเพื่อรับปันผล 4 ครั้งต่อปีก็ถือไปดีกว่าครับ ได้ 8-10% ทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหน

***** เพิ่มเติม *****

ส่วนเรื่อง currency มีผลหรือไม่ ก็เหมือน exporter รายอื่นแหละครับ ยอดขาย (ในรูปเงินไทย) ตก วัตถุดิบยังเป็นเงินไปอยู่ แก๊ปตรงนี้หายไปทำให้ profit margin ลดลง แต่ตัว operation เองไม่น่าจะได้ผลกระทบครับ

ผมคิดว่าความเสี่ยงที่สุดในระยะสั้นของ FANCY คือสินค้าใหม่เขาจะติดตลาดหรือไม่ ส่วนตัวแปรอื่นๆก็สำคัญครับ แต่ไม่สำคัญเท่า

ส่วนความเสี่ยงในระยะยาวขึ้นอยู่กับว่าผู้บริหาร FANCY จะปรับกลยุทธ์เรื่อง design ได้ในระดับไหน โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเฟอร์นิเจอร์จะต้องมีพัฒนาการใหม่ๆอยู่ตลอดเลาครับ เพราะต่อให้เป็นไม้ยางพารา ก็ต้องมีราคาแพงขึ้นในที่สุด ถ้าราคาแพงกว่าแต่เกรดสินค้าดูโลว์กว่าโต๊ะเก้าอี้ที่ทำจาก MDF หรือ PB แล้ว ใครจะอยากซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราครับ

หมายเหตุ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะผิดได้

ลุงขวดครับช่วยให้ความกระจ่างด้วยครับ

เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางผมว่าจะที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากปลูกไม้ยางทดแทนได้และเป็นผลพลอยได้จาอุตฯ ยาง ...ระยะยาว ที่น่าจับตา อยู่ที่ว่า ประเทศคู่แข่งเราเช่น จีน เวียดนาม จะพัฒนาของมาสู้เราได้หรือไม่ ตอนนี้เค้าได้เปรียบเรื่องต้นทุน ครับ

คุณ ck ให้ความกระจ่างได้ดีมาก ต้นยางในไทยมีอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น ต้อง โค่นทิ้งเพราะน้ำยางให้ไม่มากแล้ว........ตอนนี้ปัญหา ที่ ราคาไม้ยางเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจาก ทางจีน หันมาซื้อไม้จากไทย นำไปผลิตแข่งกับเรา รัฐบาลพยายามหาทางตกลงเพื่อป้องกันราคาไม้ยางเพิ่มขึ้น (ช่วยโรงงานเฟอร์นิเจอร์ แต่ชาวสวนยางไม่ชอบเท่าไหร่ อยากให้ไม้ยาง ขายได้ราคา) เฟอร์นิเจอร์จากจีนไม่เปรียบเราเรื่องค่าแรงงาน แต่วัตถุดิบต้องเสียค่าขนส่งจากไทยไปจีน เลยทำให้เรา พอสู้กับจีนได้ ฝีมือการผลิตของเราเก่งกว่า คุณภาพดีกว่า......ปัญหาที่มีผลต่อ fancy ก็ต้นทุนวัตถุดิบนี้ และ อัตราแลกเปลี่ยน ถ้าเงินบาทแข็งไป ก็ แย่หน่อย.....การปลูกไม้ยางคงไม่ง่าย เพราะ อากาศต้องชื้นและฝนตกมากหน่อย ถ้าจีนเริ่มปลูกไม้ยางพารา เราก็ยังมีโอกาสอีก 20-30 ปี ในเรื่องเฟอร์นิเจอร์นี้ ก็ไม่น่าเป็นห่วง.....ส่วนเรื่อง พวก ไม้ปลอม particle และ mdf นั่นคงสู้กันไม่ได้ เพราะ พวกนั้นอายุการใช้งานสั้นกว่า กันมาก ถึงแม้ราคาถูกกว่า แต่ผมว่า ผู้ซื้อ ชอบไม้แท้ มากกว่า ไม้เทียม

เมื่อวานนี้ ทาง ดีบีเอสวิคเคอร์ (นะวะ) ออก บทวิเคราะห์ว่า เหมาะแก่การซื้อลงทุน การผลิตจะเพิ่มมากขี้นใน Q3 เป็นต้นไป ราคาภายใน อีก ปีหนึ่ง ได้ เห็น ราคา 13 บาท......ผมว่าเหมาะกับการลงทุนยาว เพราะ คิดว่า เขาให้ปันผลทุกไตรมาสอยู่แล้ว ทั้งปี ขอให้ได้สัก 1 บาท ก็ นับว่า สุดยอก แล้ว ส่วนราคาหุ้นแน่ นอน ปลายปี ผมว่า เลขสองหลักอยู่แล้ว แต่ Q2 อาจกำไรไม่ดี นัก เพราะ โรงงานทางสุราษฯ ยังไม่เริ่มการผลิต.. Q2 ยังขรุขระอยู่ ค่าใช้จ่ายก็เพิ่ม กำไรลดลง แต่ยอดขายไม่ลดลงนะครับ ลองตาม ๆ กัน ดู

อุ่นใจขึ้นครับ

มีบางเวปเรียก Fancy ว่าหุ้นเกียร์ว่าง

ขอบคุณครับ

หุ้นเกียร์ว่าง เข้า ท่า นะครับ fancy นี่ ผม ว่า เขาจะเข้าเกียร์ 1 ตอนผลประกอบการ Q3 ออก.... เกียร์ 2 ตอนผลประกอบการQ4 ออก....กว่าจะออก Q4 ก็ เดือน ก.พ.47......จากนั้นคงใส่ เกียร์ 3 และ เปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 อย่างรวดเร็ว คงวิ่งเกียร์ 4 ปีอีก 2 ปี เป็นแน่ กว่า จะ มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกช่วงหนึ่ง......ตอนนี้เกียร์ว่าง เหมาะสมจริง ๆ........ลองหา บทวิเคราะห์ของ วิคเคอร์บาลาส ที่ออก เมื่อ 16/7 อ่านดูจะเข้าใจบริษัทฯ ของเขามากขึ้น แต่ประมาณการ กำไรสุทธิ ผมว่า น้อยกว่า ที่ผมคาด สงสัย ค่า bias ของผมมันสูงเกินไป

ความเห็นส่วนตัวนะครับ ฮิฮิ ทำตามที่คุณ genie วางกฎ ไว้ ผมชอบทำตามระเบียบ กฏ ต่าง ๆ ที่ส่วนรวมวางไว้ ไม่ชอบ ฝืน กฎ ต่าง ๆ

ลองหา บทวิเคราะห์ของ วิคเคอร์บาลาส ที่ออก เมื่อ 16/7 อ่านดูจะเข้าใจบริษัทฯ ของเขามากขึ้น

"ขอบคุณครับลุงขวด อ่านรอบที่ 3 แล้วครับ"