หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 9:35 am
โดย Anti-Aircraft
หลังจากเรียนจบทำงานมาได้ 2 - 3 ปีผมได้ยินคำพูดนี้บ่อยมาก จากคนรอบข้างหลายๆ คน ทั้งที่ทำงาน และที่บ้าน เพื่อสมัย ม.ปลาย หรือแม้แต่คนทีเคยบอกผมว่าชีวิตนี้ไม่ต้องการเงินทอง ขอเพียงได้ทำสิ่งที่เรารัก

สังคมเปลี่ยน คนเปลี่ยน วัยเปลี่ยน โลกเปลี่ยน เพื่อนเปลี่ยน ค่านิยมก็เปลี่ยน หลายคนละทิ้งเงินเพื่อความฝัน หลายคนละทิ้งความฝันเพื่อเงิน ขณะหลายคนละทิ้งความฝันเพื่อที่จะเป็นหนี้ เราบูชาคนที่มีบ้าน มีรถ ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยอย่างนั้นหรือ หรือมันคือการสร้างอนาคตแก่ครอบครัว และใช้ชีวิตกับปัจจุบันอย่างคุ้มค่า

ขอเชิญชาว VI ทั้งมือใหม่และมือเก่าร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ อย่างไม่มีถูกผิดได้ที่นี่ครับ

ผมเชื่อว่าเราจะได้แนวทางอะไรดีๆ จากการเปิดเผยและรับฟังความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีอคติครับ

ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามา
"ต่อต้านอากาศยาน"

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 9:42 am
โดย picklife
:D แหมม บางครั้งมีรถก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยมากนะครับ ได้ใช้ชีวิตอีกแบบเลยถ้ามีรถนะครับ อิอิ อยากไปไหนก็ได้ทุกที่ที่อยากไป เพียงแต่ว่าอย่ารถใหม่กิ๊กค่าผ่อนกระฉูดก็พอครับ ผมว่าคำว่าValueมันบ่งบอกแล้วครับ
รถ1แสนกับรถ6แสน สองคันนี้ไปถึงที่หมายเหมือนกันครับ
แต่หากไม่มีรถกับมีรถ1แสน มันต่างกันครับ

ผมว่าวิถีของVIไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย แต่ต้องมีบ้าง แต่มีอย่างคุ้มค่าครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 10:36 am
โดย raiden
picklife เขียน::D แหมม บางครั้งมีรถก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยมากนะครับ ได้ใช้ชีวิตอีกแบบเลยถ้ามีรถนะครับ อิอิ อยากไปไหนก็ได้ทุกที่ที่อยากไป เพียงแต่ว่าอย่ารถใหม่กิ๊กค่าผ่อนกระฉูดก็พอครับ ผมว่าคำว่าValueมันบ่งบอกแล้วครับ
รถ1แสนกับรถ6แสน สองคันนี้ไปถึงที่หมายเหมือนกันครับ
แต่หากไม่มีรถกับมีรถ1แสน มันต่างกันครับ

ผมว่าวิถีของVIไม่ใช่ไม่มีอะไรเลย แต่ต้องมีบ้าง แต่มีอย่างคุ้มค่าครับ
ต่างกันตรงที่รถ1แสนค่าซ่อมกระฉูดครับ :D :D

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 10:45 am
โดย picklife
raiden เขียน: ต่างกันตรงที่รถ1แสนค่าซ่อมกระฉูดครับ :D :D
ครับ หลายคนมองที่ค่าซ่อมเป็นหลัก เพราะค่าซ่อมแพงกว่าจริงๆครับ แต่ผมว่า....
1.ค่าซ่อมเทียบกับมุลค่ารถละครับสมมุติซื้อ1หมื่น ก็1.1แสน ก็ยังถูกกว่า1แสนครับ
2.ค่าเสียโอกาสของเงินละครับ
3.ค่าดอกของเงิน5แสนละครับ
4.ค่าความเสื่อมของรถปีละ5%(โดยประมาณ) 5%จาก6แสน กับ5%จาก1แสน
5.ค่าประกันละครับ มูลค่ารถเยอะค่าประกันจะแพงกว่าเยอะ
6.etc

มันมีหลายปัจจัยมากกว่าค่าซ่อมและค่าบำรุงรักษามากครับ ถ้านำค่าซ่อมมาคำนึงก็ต้องเอาทั้งหมดมาคำนึงด้วยนะครับ

ผมเคยนั่งศึกษาความน่าจะเป็นในการซื้อรถมีปัจจัยถึง10กว่าปัจจัยเยอะมากครับจับเอาทุกปัจจัยมาประมวลเป้ยตัวเลขแล้วก็ค่อยสรุปครับว่าอะไรดีกว่ากัน

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 10:46 am
โดย << New >>
เป็นหนี้ นี่สุดท้ายแล้วอาจไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นก็ได้ครับ แต่ที่ได้เป็นเจ้าของแน่ๆ คือเป็นเจ้าของหนี้  :lol:

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 11:03 am
โดย Anti-Aircraft
ขอกรณีศึกษาของการสร้างหนี้อย่างชาญฉลาดด้วยก็ดีครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 11:06 am
โดย vivitawin
อย่าให้สิ่งที่สังคมบูชาหรือนิยมมาไสหัวเราไปเป็นทาสกิเลสตัณหาก็พอ

ตัดสินใจทำทุกอย่างด้วยปัญญาแบบไร้อคติ ชีวิตไม่มีความทุกข์  :D

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 11:16 am
โดย กล้วยไม้ขาว
ผมนับถือบูชา..คนที่เลือกตัดสินใจได้เหมาะสม...ตลอดเวลา
ถ้ามีไม่พอ...มีแล้วต้องลำบากมากกว่าสบาย...อย่างนี้ก็ไม่ควรมี

ถ้าต้องมีเพราะจำเป็น...ก็ค่อยหาว่าจำเป็นแค่ไหน...ก็เอาเท่าที่จำเป็นต้องมี...ต้องไม่เกินตัว
เช่นคนทำงานเป็น Sale...ต้องไปๆ มาๆ...ต่างจังหวัดบ่อยๆ...ก็ควรมีรถ...ส่วนจะซื้อแบบไหนก็ดูกำลังซื้อเรา...ว่าแค่ไหนไม่เกินตัว

รถจะเก่า...ถ้ารูจักดูแลรักษา...หาความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก...ขับระมัดระวัง..ก็จะซ่อมน้อย..ใช้นานได้เหมือนกัน

เรื่องอื่นๆ...ก็ตัดสินใจ...ตามความเหมาะสม...บนพื้นฐานที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่น...และตนเองด้วย

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 11:41 am
โดย raiden
picklife เขียน: ครับ หลายคนมองที่ค่าซ่อมเป็นหลัก เพราะค่าซ่อมแพงกว่าจริงๆครับ แต่ผมว่า....
1.ค่าซ่อมเทียบกับมุลค่ารถละครับสมมุติซื้อ1หมื่น ก็1.1แสน ก็ยังถูกกว่า1แสนครับ
2.ค่าเสียโอกาสของเงินละครับ
3.ค่าดอกของเงิน5แสนละครับ
4.ค่าความเสื่อมของรถปีละ5%(โดยประมาณ) 5%จาก6แสน กับ5%จาก1แสน
5.ค่าประกันละครับ มูลค่ารถเยอะค่าประกันจะแพงกว่าเยอะ
6.etc

มันมีหลายปัจจัยมากกว่าค่าซ่อมและค่าบำรุงรักษามากครับ ถ้านำค่าซ่อมมาคำนึงก็ต้องเอาทั้งหมดมาคำนึงด้วยนะครับ

ผมเคยนั่งศึกษาความน่าจะเป็นในการซื้อรถมีปัจจัยถึง10กว่าปัจจัยเยอะมากครับจับเอาทุกปัจจัยมาประมวลเป้ยตัวเลขแล้วก็ค่อยสรุปครับว่าอะไรดีกว่ากัน

แล้วอัตรากินน้ำมันล่ะครับ
ไม่ทราบว่าพอมีข้อมูลมาแชร์กันหรือเปล่า

สำหรับมือใหม่ผู้เริ่มต้นที่คิดจะถอย สมมุติเป็น Nissan March ราคา 37x,xxx ประหยัดน้ำมัน
กับรถเก่า ๆ ราคา 1xx,xxx กินน้ำมัน ค่าดูแลรักษา บาน

ในระยะยาว แบบไหนน่าจะคุ้มค่ากว่าครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 1:38 pm
โดย คนคอน
สำหรับผม ถ้าไม่ถึง 1% ของพอร์ตสินทรัพย์ที่มีอยู่เท่าไรผมก็โอเคครับ

ขอเพียงให้มันใ้ช้ได้ยาวๆ ระบบดีๆ ป้องกันแจ่มๆ ก็โอเคแล้วครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 2:33 pm
โดย picatos
โดยส่วนตัวแล้ว... เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่าถ้าจะซื้อรถคันแรกให้ตัวเองต้องมีเงินสัก 10 ล้านก่อน ถึงจะซื้อรถสัก 1 คัน กรณีเลวร้ายที่สุดก็ต้องมีเงินสัก 5 ล้านบาทก่อน เพราะ ภาระหนี้ในเวลาที่ไม่เหมาะสม จะไปกัดกร่อนการเติบโตของพอร์ตอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

ผมก็นั่งรถเมล์ ขึ้นรถไฟฟ้ามาตลอด จนกระทั่งมาทำธุรกิจเนี่ยแหละครับ ถึงจะได้มีรถขับเป็นเรื่องเป็นราว เพราะ ซื้อเป็นของบริษัทฯ

บ้านก็เช่นกัน... ถ้าพ่อแม่ ไม่มีบ้านให้อยู่ ก็คงจะเช่าบ้านอยู่จนกว่าพอร์ตจะสัก 20 ล้านค่อยซื้อคอนโดเล็กๆ สักห้องอยู่

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 3:12 pm
โดย picklife
raiden เขียน:
แล้วอัตรากินน้ำมันล่ะครับ
ไม่ทราบว่าพอมีข้อมูลมาแชร์กันหรือเปล่า

สำหรับมือใหม่ผู้เริ่มต้นที่คิดจะถอย สมมุติเป็น Nissan March ราคา 37x,xxx ประหยัดน้ำมัน
กับรถเก่า ๆ ราคา 1xx,xxx กินน้ำมัน ค่าดูแลรักษา บาน

ในระยะยาว แบบไหนน่าจะคุ้มค่ากว่าครับ
ถ้าเล่นอีโก้คาร์ ราคาในระดับแตะๆ4แสน ถ้าขับในเมืองถือว่าโอเคเลยนะครับ
ดอกจ่ายน้อยกว่าเพราะเป็นมือ1 แต่ก็ต้องดูอัตราค่าผ่อนอีกว่าไหวหรือไม่?
ถ้าศัยภาพสามารถซื้อได้ราคาแสนต้นๆก็เอาแสนต้นๆไปดีกว่านะครับ
แต่ถ้าศัยภาพถึงระดับแตะๆ2แสน และขับแค่ในกทมผมว่าอีโก้คาร์ดีกว่าครับ
แต่หากมีความสามารถระดับ3แสนผมว่าผมเล่นมือ2ดีกว่าครับเพราะสามารถขับออกต่างจังหวัดได้ครับ.....แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเอามาศึกษาความน่าจะเป็นก่อนตัดสินใจครับเพราะตัวแปรแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ความรู้เพิ่มเติม
อีโก้คาร์เครื่องยนต์1.2นะครับ ผมคิดว่าถ้าขับด้วยความเร็ว80นี่ประหยัดกว่าเครื่อง1.5แน่นอนครับ แต่ถ้าขับด้วยความไว100อันนี้พอๆกันนะครับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่ด้วยว่าจะนั่งกี่คน เครื่องยน1.5ผมขับไว100เครื่องรอบจะหมุน2500รอบ
แต่1.2ไม่เคยขับครับ แต่คิดว่าน่าจะไปถึง2800 ถ้านั้งครบ4คนน่าจะหมุนที่300รอบกว่าซึ่งนั่นจะกลายเป้นกินน้ำมันมากกว่าทันทีครับ ยิ่งถ้าขับเร้วซัก120นี่เลิกคุยครับดีไม่ดีจากกทมถึงสุพรรณเครื่องจะน๊อคเอาได้ครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 7:45 pm
โดย leonleon
หนี้มีสองแบบครับ
หนี้ดี กับหนี้เลว

หนี้เลว หนี้ผ่อนอะไรเกินตัว
เช่น เงินเดือน 10,000 นึง ผ่อนรถ 8,000
( ผมเคยเจอเพื่อนแบบนี้จริงๆนะครับ ถามมันว่ามันกินอะไร มันบอกก็ขอพ่อขอแม่เอา ทั้งที่พ่อแม่มันก็ไม่ได้รวยนะครับ )

หนี้ดีก็พวก กู้สวัสดิการดอกเบี้ย 2-3% ต่อปีมาลงหุ้นตอนราคาถูกๆ นะครับ





ส่วนเรื่องวัตถุนิยม
ผมเคยเจอแฟนที่คบกันมา 5 ปี บอกเลิกเนื่องด้วยว่าผมไม่มีเงินด้วยครับ
ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 3 แล้วธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดีเหมือนเดิม ด่านลาวก็ปิดๆเปิด สภาพคล่องก็เลยหดหายครับ จากที่เคยได้ค่าขนมเดือนละ 10,000 ( รวมค่าหอ ) ก็เหลือ 6,000 บ้าง 8,000 บ้าง แล้วแต่ที่บ้านจะให้

พอเราไม่ค่อยมีเงินเหมือนก่อนหน้านั้น อยู่ๆเค้าก็บอกเลิก บอกถ้าผมรวย เรื่องของเราคงไม่ต้องเป็นแบบนี้

ผมนี่อึ้งเลย

แต่ก็ดีที่ เงินช่วยสกรีนคนที่ไม่จริงใจออกไปจากชีวิตของผมได้

ถ้าเกิดแต่งงานกันไปแล้วเราล้ม ทิ้งกันไปตอนนั้นคงเจ็บกว่านี้เยอะ

ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะ ( ที่ยังไม่รวย ) รอคนจริงใจต่อไปครับ

:D

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 08, 2010 7:54 pm
โดย คนคอน
leonleon เขียน:หนี้มีสองแบบครับ
หนี้ดี กับหนี้เลว

หนี้เลว หนี้ผ่อนอะไรเกินตัว
เช่น เงินเดือน 10,000 นึง ผ่อนรถ 8,000
( ผมเคยเจอเพื่อนแบบนี้จริงๆนะครับ ถามมันว่ามันกินอะไร มันบอกก็ขอพ่อขอแม่เอา ทั้งที่พ่อแม่มันก็ไม่ได้รวยนะครับ )

หนี้ดีก็พวก กู้สวัสดิการดอกเบี้ย 2-3% ต่อปีมาลงหุ้นตอนราคาถูกๆ นะครับ





ส่วนเรื่องวัตถุนิยม
ผมเคยเจอแฟนที่คบกันมา 5 ปี บอกเลิกเนื่องด้วยว่าผมไม่มีเงินด้วยครับ
ตอนนั้นเรียนอยู่ปี 3 แล้วธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดีเหมือนเดิม ด่านลาวก็ปิดๆเปิด สภาพคล่องก็เลยหดหายครับ จากที่เคยได้ค่าขนมเดือนละ 10,000 ( รวมค่าหอ ) ก็เหลือ 6,000 บ้าง 8,000 บ้าง แล้วแต่ที่บ้านจะให้

พอเราไม่ค่อยมีเงินเหมือนก่อนหน้านั้น อยู่ๆเค้าก็บอกเลิก บอกถ้าผมรวย เรื่องของเราคงไม่ต้องเป็นแบบนี้

ผมนี่อึ้งเลย

แต่ก็ดีที่ เงินช่วยสกรีนคนที่ไม่จริงใจออกไปจากชีวิตของผมได้

ถ้าเกิดแต่งงานกันไปแล้วเราล้ม ทิ้งกันไปตอนนั้นคงเจ็บกว่านี้เยอะ

ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตต่ำกว่าฐานะ ( ที่ยังไม่รวย ) รอคนจริงใจต่อไปครับ

:D

โห  เหลือ ชองพัน กินอะไรละนั้น แล้วไหนจะค่าน้ำมันอิกละ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:30 am
โดย yoyo
picatos เขียน:โดยส่วนตัวแล้ว... เคยตั้งเป้าเอาไว้ว่าถ้าจะซื้อรถคันแรกให้ตัวเองต้องมีเงินสัก 10 ล้านก่อน ถึงจะซื้อรถสัก 1 คัน กรณีเลวร้ายที่สุดก็ต้องมีเงินสัก 5 ล้านบาทก่อน เพราะ ภาระหนี้ในเวลาที่ไม่เหมาะสม จะไปกัดกร่อนการเติบโตของพอร์ตอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

ผมก็นั่งรถเมล์ ขึ้นรถไฟฟ้ามาตลอด จนกระทั่งมาทำธุรกิจเนี่ยแหละครับ ถึงจะได้มีรถขับเป็นเรื่องเป็นราว เพราะ ซื้อเป็นของบริษัทฯ

บ้านก็เช่นกัน... ถ้าพ่อแม่ ไม่มีบ้านให้อยู่ ก็คงจะเช่าบ้านอยู่จนกว่าพอร์ตจะสัก 20 ล้านค่อยซื้อคอนโดเล็กๆ สักห้องอยู่
พี่โตสมีหลักการคล้ายๆผมเลยครับ
เป็นหลักการณ์ที่ตั้งมาตลอดตั้งแต่เล่นหุ้น
ว่าจะไม่ซื้อของที่มีมูลค่าสูงกว่า 10% ของ port
ถ้าเป็นรถราคาล้านนึงก็ต้องมีเงิน 10 ล้านเป็นอย่างต่ำ
หรือถ้ามีเงิน 20 ล้าน ก็อาจจะซื้อ condo เล็กๆอยู่ ก็ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
ตัวเลขก็ออกมาคล้ายๆกันโดยบังเอิญเลย  :lol:

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 1:20 am
โดย อินทรีย์ทองแดง
yoyo เขียน:
พี่โตสมีหลักการคล้ายๆผมเลยครับ
เป็นหลักการณ์ที่ตั้งมาตลอดตั้งแต่เล่นหุ้น
ว่าจะไม่ซื้อของที่มีมูลค่าสูงกว่า 10% ของ port
ถ้าเป็นรถราคาล้านนึงก็ต้องมีเงิน 10 ล้านเป็นอย่างต่ำ
หรือถ้ามีเงิน 20 ล้าน ก็อาจจะซื้อ condo เล็กๆอยู่ ก็ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
ตัวเลขก็ออกมาคล้ายๆกันโดยบังเอิญเลย

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 4:47 am
โดย PaZZaHut
yoyo เขียน:
พี่โตสมีหลักการคล้ายๆผมเลยครับ
เป็นหลักการณ์ที่ตั้งมาตลอดตั้งแต่เล่นหุ้น
ว่าจะไม่ซื้อของที่มีมูลค่าสูงกว่า 10% ของ port
ถ้าเป็นรถราคาล้านนึงก็ต้องมีเงิน 10 ล้านเป็นอย่างต่ำ
หรือถ้ามีเงิน 20 ล้าน ก็อาจจะซื้อ condo เล็กๆอยู่ ก็ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
ตัวเลขก็ออกมาคล้ายๆกันโดยบังเอิญเลย

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 9:10 am
โดย sorawut
"ไม่มีหนี้ เมื่อไหร่จะได้เป็นเจ้าของ" น่าจะเป็นความคิดของคนที่ไม่มีความสามารถในการซื้อในปัจจุบัน โดยหวังจะยืมเงินในอนาคตเพื่อให้ได้ใช้ของไปก่อน
ซึ่งถ้าใช้ในทางที่เหมาะสมเช่นกู้มาซื้อสินค้า อุปกรณ์ไว้ทำธุรกิจ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรถ้าไม่ได้เป็นสัดส่วนที่สูงมากไปเมื่อเทียบกับเงินลงทุน

แต่ที่เป็นปัญหาในสังคมปัจจุบันโดยเพราะต่างจังหวัดคือ
มีรายได้ไม่แน่นอน กู้เกินตัวเพื่อซื้อของฟุ่มเฟื้อโดยไม่ได้ประเมินความสามารถในการจ่ายคืนของตัวเอง กู้ที่ดอกสูงเกินไป อันนี้บางทีก็ไม่มีทางเลือกสำหรับฐานะในตอนนั้น

สรุปคือต้อง value ของที่จะซื้อทุกอย่างเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายรวมถึงภาระดอกเบี้ยที่อาจจะเกิดด้วยครับ
จริงๆมันเป็นหลัก basic ของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่เราให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลหรือเปล่า :)

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 9:14 am
โดย sorawut
ปล. พิมพ์จาก iPhone ที่ปลอดหนี้นะครับ เหนื่อยชะมัด  :P

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 9:35 am
โดย manhaha
yoyo เขียน: พี่โตสมีหลักการคล้ายๆผมเลยครับ
เป็นหลักการณ์ที่ตั้งมาตลอดตั้งแต่เล่นหุ้น
ว่าจะไม่ซื้อของที่มีมูลค่าสูงกว่า 10% ของ port
ถ้าเป็นรถราคาล้านนึงก็ต้องมีเงิน 10 ล้านเป็นอย่างต่ำ
หรือถ้ามีเงิน 20 ล้าน ก็อาจจะซื้อ condo เล็กๆอยู่ ก็ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
ตัวเลขก็ออกมาคล้ายๆกันโดยบังเอิญเลย  :lol:
ซื้อโดยการใช้เงินสดรึเปล่าครับ :?:

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 10:00 am
โดย อนัตตา
ผมว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ถูกค่านิยมฟุ่มเฟือยหลอกโดยไม่รู้ตัว

ผ่านทางโฆษณาทางทีวี บ้าง ผ่านทางละครน้ำเน่าหลังข่าวบ้าง โดย

เฉพาะละครน้ำเน่า สังเกตุตัวอิจฉาจะสวยเซ็ก เอ็กซ์ อึ๋ม บึ้ม มีหน้าที่

คอยปัดขานางเองไม่ให้เข้าใกล้พระเอก และจะทำทุกวิถีทางที่จะเกาะ

พระเอกที่โคตรรวย โครตหล่อ แสนดีแสนวิเศษ

ในชีวิตจริงคนเราหาใช่จะได้เป็นพระเอกหรือนางเอก ฉะนั้นจึงเกิดความ

มุ่งมั่นว่าจะต้องหล่อรวย สวยเริ่ด เพื่อจะได้อะไรๆ อย่างที่ในละครแสดง

ให้ดู ส่วนใหญ่ก็ยังทำมาหากินเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ บางคนก็

เลยอยากรวยทางลัดโดยการฉ้อโกง ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ผู้หญิงบางคน

อยากรวยทางลัดก็ต้องสวยให้ได้เพื่อผู้ชายหล่อๆ รวยๆ จะมาจีบ จะได้สบาย

ถ้ายังไม่ทันใจก็เข้าสู่วงการน้ำกามซะเลย รวยเร็วและแรงแซงทางโค้ง


สังคมวุ่นวายทุกวันนี้เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักพอกับสิ่งที่มี ไม่รู้จักรอคอย

ที่จะประสบความสำเร็จ ทุกอย่างต้องเร่งๆๆๆๆๆๆ รีบๆๆๆๆๆ จนลืมไปว่าเรา

เร่งรีบไปทำไม อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 10:29 am
โดย yoyo
manhaha เขียน:
พี่โตสมีหลักการคล้ายๆผมเลยครับ
เป็นหลักการณ์ที่ตั้งมาตลอดตั้งแต่เล่นหุ้น
ว่าจะไม่ซื้อของที่มีมูลค่าสูงกว่า 10% ของ port
ถ้าเป็นรถราคาล้านนึงก็ต้องมีเงิน 10 ล้านเป็นอย่างต่ำ
หรือถ้ามีเงิน 20 ล้าน ก็อาจจะซื้อ condo เล็กๆอยู่ ก็ได้ไม่เกิน 2 ล้านบาท
ตัวเลขก็ออกมาคล้ายๆกันโดยบังเอิญเลย

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:19 pm
โดย Anti-Aircraft
อนัตตา เขียน:ผมว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้ถูกค่านิยมฟุ่มเฟือยหลอกโดยไม่รู้ตัว

ผ่านทางโฆษณาทางทีวี บ้าง ผ่านทางละครน้ำเน่าหลังข่าวบ้าง โดย

เฉพาะละครน้ำเน่า สังเกตุตัวอิจฉาจะสวยเซ็ก เอ็กซ์ อึ๋ม บึ้ม มีหน้าที่

คอยปัดขานางเองไม่ให้เข้าใกล้พระเอก และจะทำทุกวิถีทางที่จะเกาะ

พระเอกที่โคตรรวย โครตหล่อ แสนดีแสนวิเศษ

ในชีวิตจริงคนเราหาใช่จะได้เป็นพระเอกหรือนางเอก ฉะนั้นจึงเกิดความ

มุ่งมั่นว่าจะต้องหล่อรวย สวยเริ่ด เพื่อจะได้อะไรๆ อย่างที่ในละครแสดง

ให้ดู ส่วนใหญ่ก็ยังทำมาหากินเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ บางคนก็

เลยอยากรวยทางลัดโดยการฉ้อโกง ด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ผู้หญิงบางคน

อยากรวยทางลัดก็ต้องสวยให้ได้เพื่อผู้ชายหล่อๆ รวยๆ จะมาจีบ จะได้สบาย

ถ้ายังไม่ทันใจก็เข้าสู่วงการน้ำกามซะเลย รวยเร็วและแรงแซงทางโค้ง


สังคมวุ่นวายทุกวันนี้เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักพอกับสิ่งที่มี ไม่รู้จักรอคอย

ที่จะประสบความสำเร็จ ทุกอย่างต้องเร่งๆๆๆๆๆๆ รีบๆๆๆๆๆ จนลืมไปว่าเรา

เร่งรีบไปทำไม อีกไม่กี่ปีก็ตายแล้ว
เรื่องของสื่อ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบ ละครที่เกี่ยวกับการต่อสู้เพื่อความฝัน น่ะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นสัญชาติญี่ปุ่น ผมดูละครไทยครั้งสุดท้ายตอนประถมน่ะครับ ช่วงวัยรุ่นนั้นรู้สึกว่าเนื้อหาละครไทยไร้สาระมาก ตอบรับความร้อนแรงในวัยหนุ่มสมัยใหม่ไม่ได้น่ะครับ เรื่องสุดท้ายที่ชอบคือ "ฉลุย" ครับ เนื้อหาเกี่ยวกับการไล่ตามความฝันของวัยรุ่นที่ล้มลุกคลุกคลาน กับการหาเช้ากินค่ำ พร้อมกับไล่ตามความความฝันจะได้ออกเทปเป็นศิลปินดัง

สังเกตได้ว่าในซีรีย์เหล่านี้ตัวเอกของละครจะมีความหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย เป็นนักธุรกิจ มีมรดก หรือมีบ้านหลังใหญ่ ไม่จำเป็นจะต้องลำบาก อาภัพ หรือเป็นกำพร้า แบบสูตรสำเร็จ พวกเขามีชีวิตที่เห็นได้ทั่วไำปในสังคม นักเขียน นักดนตรี นักข่าว พ่อครัว คนทวงหนี้ หมอ ครู ตำรวจ นักสืบ พยาบาล รึแม้แต่มนุษย์เงินเดือนทั่วไป

ดูแล้วรู้สึกว่า มนุษย์ทุกคนที่ต่อสู้เพื่ออะไรบางอย่าง ก็สามารถเป็นตัวเอกในเรื่องราวมหัศจรรย์ของตัวเองได้ทั้งนั้น

ซีรีย์เกาหลีผมไม่ได้ดูนะ ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่พอโตขึ้นมาแล้ว อยู่ๆก็รู้สึกไม่ชอบดูทีวีไปซะเฉยๆ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:22 pm
โดย Anti-Aircraft
[quote="yoyo"]
ซื้อสดครับ... ผมไม่มีรายได้ประจำ ขอกู้เค้าก็ไม่ค่อยให้

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:29 pm
โดย vivitawin
[quote="Anti-Aircraft"][quote="yoyo"]
ซื้อสดครับ... ผมไม่มีรายได้ประจำ ขอกู้เค้าก็ไม่ค่อยให้

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:32 pm
โดย Anti-Aircraft
leonleon เขียน: ส่วนเรื่องวัตถุนิยม
ผมเคยเจอแฟนที่คบกันมา 5 ปี บอกเลิกเนื่องด้วยว่าผมไม่มีเงินด้วยครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยในช่วงจบมหาลัยอะครับ เพื่อนๆคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟังจนเบื่อ เพื่อนคนนึงเด็ดที่สุดเลย คือมีแฟนสวยมาก หลังเรียนจบก็คุยกันเรื่องอนาคต แฟนก็บอกอยากได้นั่นได้นี่ ต้องมีบ้านอย่างงั้นมีรถอย่างงี้ ถึงจะแต่งงานด้วย แล้วก็บอกอยากแต่งก่อนอายุ 27 ด้วย เพื่อนผมด้วยความที่เป็นวิศวกร ก็เลยไปนั่งคำนวณงบประมาณตาม requirement ของเจ้าหล่อน

ประมาณ 8 ล้านครับ... ก็เลยเลิกกันไป

ยังไม่จบครับ

หลังจากนั้น 2 ปี









ผมก็โดนมั่งไงครับ 555  :rofl:

ผมเคยมีชีวิตเพื่อความรัก แต่หลังจากนี้ผมจะมีชีวิตเพื่อความฝันครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 12:35 pm
โดย Anti-Aircraft
vivitawin เขียน: ใช่เลยครับ เพราะจะกู้นี่ ต้องมีสลิปเงินเดือน/หนังสือรับรองเงินเดือน
แล้วต้องมีบัญชีธนาคารมาอ้างอิงว่าโอนเงินเดือนเข้าบัญชีทุกๆเดือน
แล้วพวกทำธุกิจส่วนตัว ฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระอะไรพวกนี้เข้าข่ายเดียวกันรึป่าวครับ

ขอโทษที่ถามซอกแซก ไม่รู้จริงๆครับ

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 1:06 pm
โดย cashcycle
Anti-Aircraft เขียน: แล้วพวกทำธุกิจส่วนตัว ฟรีแลนซ์ อาชีพอิสระอะไรพวกนี้เข้าข่ายเดียวกันรึป่าวครับ

ขอโทษที่ถามซอกแซก ไม่รู้จริงๆครับ
เท่าที่รู้มานะครับ พวกฟรีแลนซ์นี่เค้าจะอ้างอิงจาก ภงด.3 รึเปล่าครับ เป็นเหมือนใบหักภาษีณ.ที่จ่ายจากการรับงาน เพื่อใช้ในการยืนยันการมีรายได้จริง

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 1:53 pm
โดย kurapica
ผมอยู่กับพ่อแม่ รถก็ใช้ของที่บ้าน บ้านก็ของพ่อแม่ วันๆแทบไม่ต้องใช้เงิน
มีรถให้ใช้ แต่ส่วนใหญ่ขี้เกียจขับ ชอบอยู่กับบ้านมากกว่า ออกไปข้างนอกร้อน
ผมคิดง่ายๆว่าระหว่าง การที่ต้องดิ้นรนหาเงินให้พอใช้ กับ การใช้เงินอย่างพอดีกับที่เราหาได้
อย่างแรกดูท่าจะต้องเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหนักแต่อย่างหลังเราต้องควบคุมตัวเอง
เปรียบเทียบดูแล้ว ผมว่าควบคุมการใช้จ่ายน่าจะดีกว่าต้องดิ้นรนทำงานหนักเพื่อให้พอใช้
ผมเลยไม่คิดอะไรมาก ขอแค่มีกินมีใช้ ได้ทำสิ่งที่ชอบ มีความสุขทุกวัน อย่างมั่นคง นั่นแหละสุดยอดแล้ว
ผมเลยชอบคิดว่าทำไมต้องไปสนองอารมณ์ อารมณ์ต่างหากที่ต้องสนองความเหมาะสมของเรา

ไม่เป็นหนี้แล้วเมื่อไรจะได้เป็นเจ้าของ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 09, 2010 5:17 pm
โดย O_CHAY
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด มาทำงานที่ กทม   ตอนนี้เช่าหออยู่ ครับ   อยากมี Condo สักห้อง อาจต้องย่อมเป็นหนี้ ครับ เพราะ Port เล็กมากๆๆ ถึงมากที่สุด
ครับ ถ้ารอให้ Port โต คงอีกนานๆครับ  แต่อยากเอากำไรจาก หุ้นไปดาว Condo หรือ ซื้อ สดได้ก็ดี(แอบฝันครับ)  ตอนนี้เช้าหออยู่ หน้าร้อนๆๆ มากๆๆ แต่ก็ต้องทน เพราะค่าหอถูก แถมอยู่ใกล้ รถไฟฟ้าใต้ดิน อีกครับ  จะได้เอาเงินออมมาซื้อหุ้น เฉลี่ยๆ ทุกเดือนครับ  ตั่งแต่ผมเริ่มรู้จักร ห้องนี้ ผมก็ไม่คิดจะออมเงินโดย ฝากประจำอีกเลย ครับ และก็ไม่คิดจะเอาเงินฝากประจำมา ลงทุนในหุ้นด้วยครับ  เนื่องจากผมยังใหม่มากๆๆ ใน SET ถึงจะศึกษามาก่อน ประมาณ 1 ปี
อิอิ