แนะลงทุน16หุ้น จ่ายปันผลสูงสุด เชียร์น่าซื้อเก็บ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 4:53 pm
แนะลงทุน16หุ้น จ่ายปันผลสูงสุด เชียร์น่าซื้อเก็บ
ผู้บริหารตลท.แนะผู้ลงทุนเลือกหุ้นปันผลทยอยเก็บเข้าพอร์ต หลังภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวทำหุ้นไทยพื้นฐานดีเงินสดเยอะ ต้องจ่ายปันผล "ภัทรียา"ชี้ศึกษาข้อมูลพื้นฐานหุ้นปันผลดี "วิเชฐ"มองหุ้นร่วงทัวโลก เป็นโอกาสได้เก็บข้อดีราคาถูก"ชนิตร"ชี้บจ.ตุนเงินสดเพียบมีสิทธิปันผลเต็มอัตรา"ข่าวหุ้นธุรกิจ"สำรวจพบ 16 หุ้นกำไรสะสมสูง พื้นฐานดี แนวโน้มปันผลเพียบ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ใน จังหวะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในหุ้นปันผลดี เพราะจะช่วงให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง ประกอบกับกำลังอยู่ในช่วงประกาศผลการดำเนินงาน จึงสามารถหาหุ้นปันผลที่ดีสำหรับการลงทุนได้
"ปัจจัย ภายนอกที่กระทบตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ถือเป็นโอกาสของการลงทุน ที่สามารถเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เงินสดเหลือเยอะ และพร้อมที่จะจ่ายปันผลสูง ซึ่งเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้"นางภัทรียา กล่าว
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า อยากให้นักลงทุนดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกับภาวะตอนนี้ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะสามารถหาหุ้นราคาถูก โดยยึดหลักหุ้นมีการจ่ายเงินปันผลดีเป็นหลักยึด
"การซื้อหุ้นโดยใช้หลักประเมินว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลสูง ในช่วงนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้นักลงทุนสามารถหาซื้อของถูกในตลาดหุ้นได้ ซึ่งจะซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือรอปันผลก็ได้ขึ้นอยู่กับตัวนักลงทุนเอง โดยมองว่ากลุ่มนักลงทุนที่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้น ควรศึกษาข้อมูลก่อนที่จะหาจังหวะเลือกซื้อหุ้นในช่วงที่หุ้นลงเยอะแบบนี้"นายวิเชฐกล่าว
เหตุผลที่แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนซื้อหุ้นในช่วงนี้ เพราะการปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นการเทขายเพราะการตื่นตระหนก(แพนิก )เกี่ยวกับข่าวเศรษฐกิจต่างๆ และเป็นการขายตามกันทั่วโลก ซึ่งตลาดหุ้นใหญ่ๆทั้งหมด 20 แห่งทั่วโลกปรับตัวลงเหมือนกันหมด
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการกลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เปิด เผยว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ควรหันมาลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลที่ดี เนื่องจากมีบริษัทที่มีเงินสดเก็บไว้โดยไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ขึ้นมา
ผลจากวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้บจ.ไทยส่วนใหญ่จะตุนเงินสดไว้ในบริษัทตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถที่จะนำเงินออกมาใช้ในการขยายธุรกิจ จึงทำให้เงินสดเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในตัวบริษัทโดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ กับบริษัทหรือผู้ถือหุ้น ดังนั้นประเด็นการจ่ายเงินปันผลจึงถือเป็นสิ่งแรกที่บริษัทเงินสดเยอะเหล่า นี้จะจ่ายปันผลมากกว่าปกติ
"แรงกดดันของภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทำให้บจ.สะสมเงินสดไว้สำรองช่วง ที่ต้องการใช้เงินในการขยายงาน แต่จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันการลงทุนยังเป็นสิ่งที่บจ.ระมัดระวัง ซึ่งบางแห่งก็อาจจะงด หรือหยุดขยายการลงทุน จึงทำให้เงินสดเหลือเยอะ ซึ่งภาวะแบบนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ทางออกที่ดีที่สุดของเงินสดล้นบริษัทเหล่านี้คือการจ่ายปันผลออกมา"นายชนิตร กล่าว
สำหรับเหตุผลที่แนะนำให้นักลงทุนหาหุ้นปันผลเก็บไว้ เพราะช่วงนี้เป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวขึ้นลง ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงของการปรับพอร์ตลงทุนของกองทุนต่างชาติ ทำให้โอกาสที่นักลงทุนจะซื้อหุ้นปันผลดีราคาถูกได้
"การซื้อหุ้นปันผล ควรจะเป็นลักษณะของการแบ่งพอร์ตลงทุนให้ชัดเจน โดยจัดให้อยู่ในกลุ่มของการลงทุนระยะยาวเพื่อหวังเงินปันผลเป็นหลัก ซึ่งจะต่างกับหุ้นเก็งกำไร หรือซื้อเพื่อหวังส่วนต่างกำไรจากราคาหุ้น(แคปปิตอล เกน) เพราะถ้าหากจะซื้อหุ้นปันผลใกล้กับวันที่จะขึ้นเครื่องหมายXD หรือช่วงใกล้เดือนเมษายน ตอนนั้นราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นไปเรียบร้อย การได้ปันผลอาจจะได้ไม่คุ้ม"นายชนิตร กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นปันผล ควรที่จะทยอยสะสมไปเรื่อยๆ เพราะจะทำให้ได้ราคาถูกกว่าที่จะไปไล่ซื้อตอนใกล้ขึ้นเครื่องหมายXD ซึ่ง การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง จะถือเป็นเครื่องการันตีในเรื่องของปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด กล่าวว่า ภาวะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง ผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโดยรอบ ซึ่งมาจากปัจจัยต่างประเทศ และมองว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระยะสั้น
"ถ้าหากเป็นนักลงทุนระยะยาก็ไม่ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบระยะสั้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละบุคคล ถ้าเป็นคนที่รับกับความเสี่ยงได้น้อย ก็อาจจะขายออกมาก่อน แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้มากก็ให้ถือรอไปก่อน เพราะสุดท้ายก็จะกลับมาเหมือนเดิม"นายศักรินทร์ กล่าว
"ข่าวหุ้นธุรกิจ"รวบรวมข้อมูลจากงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)พบว่า มีบจ.ที่มีเงินสดอยู่ในบริษัทเยอะ จนมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลได้มีทั้งหมด 17 แห่ง อาทิBEC, BOL, CITY, CM, DRACO, EASON, HANA, MACO, PSL, S&P, SNC,TBSP, TNH, UEC, UVAN และWORK โดยคิดจากอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงตั้งแต่ 5.68-16.58% ตามประวัติการจ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมา
สำหรับหุ้นปันสูงมีดังนี้ หุ้นBEC มีกำไรสะสม 3,306 ล้านบาท อัตราเงินปันผลตอบแทน(yield)อยู่ที่ 5.63% หุ้น BOL มีกำไรสะสม 59 ล้านบาท yield อยู่ที่ 6.48 % หุ้น CITY มีกำไรสะสม 363 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.79 % หุ้น CM มีกำไรสะสม 768 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.95 % หุ้นDRACO มีกำไรสะสม 501 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.68 %
หุ้นEASON มีกำไรสะสม122 ล้านบาท yield อยู่ที่ 7.04% หุ้นHANA มีกำไรสะสม10,011 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.72 % หุ้นMACO มีกำไรสะสม 163ล้านบาท yield อยู่ที่6.67 % หุ้นMCOT มีกำไรสะสม 3,041 ล้านบาท yield อยู่ที่ 6.75%
หุ้นPSL มีกำไรสะสม15,302 ล้านบาท yieldอยู่ที่ 16.58 % หุ้นS&P มีกำไรสะสม
640 ล้านบาท yield อยู่ที่ 6.77 %
หุ้นSNC มีกำไรสะสม 162 ล้านบาท yield อยู่ที่ 7.54 % หุ้นTBSP มีกำไรสะสม 375 ล้านบาท yield อยู่ที่5.35 % หุ้นTNH มีกำไรสะสม 314 ล้านบาท yield อยู่ที่
5.73 % หุ้นUEC มีกำไรสะสม 878 ล้านบาท yield อยู่ที่ 8.39 % หุ้นUVAN มีกำไรสะสม 1,205 ล้านบาท yield อยู่ที่ 14.38 % และหุ้นWORK มีกำไรสะสม 242 ล้านบาท yield อยู่ที่ 8.26 %
สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกบจ.เหล่านี้ที่มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลนั้น จะเลือกและพิจารณาจากสถานะทางการเงิน ณ ไตรมาส 3/52 , ผลการดำเนินงาน ,ประวัติการจ่ายเงินปันผล และสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. มีสัดส่วนเงินสดต่อสินทรัพย์รวมตั้งแต่ 15% ขึ้นไป 2. มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(DE)ต่ำกว่า 0.5 เท่า 3.มีกำไรสะสม
4.ผลการดำเนินงานปี2551 และ 9 เดือนแรกของปี 2552 มีกำไร
5.มีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา(ยึดตามรอบผลประกอบการปี 2547-2551) สำหรับบจ.ใหม่ที่เข้ามาจดทะเบียนยังไม่ครบ 5 ปี จะต้องเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่เข้าจดทะเบียน 6.มีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อย(Free Float)
ตั้งแต่ 20% ขึ้นไป
ทั้งนี้การคัดเลือกบจ.ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว จะไม่รวมบจ.ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน บจ.ที่อยู่ในกลุ่มNPG และNC รวมถึงบจ.ที่ไม่นำส่งงบการเงินไตรมาส 3/2552 อีกทั้งไม่รวมบจ.ที่เข้าจดทะเบียนในปี 2552
วันที่ 25 ม.ค. 2553 แสดงข่าวมาแล้ว 16ช.ม. 19นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=35877
ผู้บริหารตลท.แนะผู้ลงทุนเลือกหุ้นปันผลทยอยเก็บเข้าพอร์ต หลังภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวทำหุ้นไทยพื้นฐานดีเงินสดเยอะ ต้องจ่ายปันผล "ภัทรียา"ชี้ศึกษาข้อมูลพื้นฐานหุ้นปันผลดี "วิเชฐ"มองหุ้นร่วงทัวโลก เป็นโอกาสได้เก็บข้อดีราคาถูก"ชนิตร"ชี้บจ.ตุนเงินสดเพียบมีสิทธิปันผลเต็มอัตรา"ข่าวหุ้นธุรกิจ"สำรวจพบ 16 หุ้นกำไรสะสมสูง พื้นฐานดี แนวโน้มปันผลเพียบ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ใน จังหวะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง ถือเป็นโอกาสสำหรับการลงทุน โดยเฉพาะการเลือกลงทุนในหุ้นปันผลดี เพราะจะช่วงให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่มั่นคง ประกอบกับกำลังอยู่ในช่วงประกาศผลการดำเนินงาน จึงสามารถหาหุ้นปันผลที่ดีสำหรับการลงทุนได้
"ปัจจัย ภายนอกที่กระทบตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ถือเป็นโอกาสของการลงทุน ที่สามารถเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เงินสดเหลือเยอะ และพร้อมที่จะจ่ายปันผลสูง ซึ่งเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้"นางภัทรียา กล่าว
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า อยากให้นักลงทุนดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นกับภาวะตอนนี้ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะสามารถหาหุ้นราคาถูก โดยยึดหลักหุ้นมีการจ่ายเงินปันผลดีเป็นหลักยึด
"การซื้อหุ้นโดยใช้หลักประเมินว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี ปันผลสูง ในช่วงนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้นักลงทุนสามารถหาซื้อของถูกในตลาดหุ้นได้ ซึ่งจะซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือรอปันผลก็ได้ขึ้นอยู่กับตัวนักลงทุนเอง โดยมองว่ากลุ่มนักลงทุนที่ยังไม่เคยลงทุนในตลาดหุ้น ควรศึกษาข้อมูลก่อนที่จะหาจังหวะเลือกซื้อหุ้นในช่วงที่หุ้นลงเยอะแบบนี้"นายวิเชฐกล่าว
เหตุผลที่แนะนำให้ศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนซื้อหุ้นในช่วงนี้ เพราะการปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลกเป็นการเทขายเพราะการตื่นตระหนก(แพนิก )เกี่ยวกับข่าวเศรษฐกิจต่างๆ และเป็นการขายตามกันทั่วโลก ซึ่งตลาดหุ้นใหญ่ๆทั้งหมด 20 แห่งทั่วโลกปรับตัวลงเหมือนกันหมด
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการกลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์ และบริษัทจดทะเบียน ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai) เปิด เผยว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง ควรหันมาลงทุนในหุ้นที่คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลที่ดี เนื่องจากมีบริษัทที่มีเงินสดเก็บไว้โดยไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ขึ้นมา
ผลจากวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้บจ.ไทยส่วนใหญ่จะตุนเงินสดไว้ในบริษัทตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถที่จะนำเงินออกมาใช้ในการขยายธุรกิจ จึงทำให้เงินสดเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในตัวบริษัทโดยที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ กับบริษัทหรือผู้ถือหุ้น ดังนั้นประเด็นการจ่ายเงินปันผลจึงถือเป็นสิ่งแรกที่บริษัทเงินสดเยอะเหล่า นี้จะจ่ายปันผลมากกว่าปกติ
"แรงกดดันของภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่ผ่านมาทำให้บจ.สะสมเงินสดไว้สำรองช่วง ที่ต้องการใช้เงินในการขยายงาน แต่จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันการลงทุนยังเป็นสิ่งที่บจ.ระมัดระวัง ซึ่งบางแห่งก็อาจจะงด หรือหยุดขยายการลงทุน จึงทำให้เงินสดเหลือเยอะ ซึ่งภาวะแบบนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ทางออกที่ดีที่สุดของเงินสดล้นบริษัทเหล่านี้คือการจ่ายปันผลออกมา"นายชนิตร กล่าว
สำหรับเหตุผลที่แนะนำให้นักลงทุนหาหุ้นปันผลเก็บไว้ เพราะช่วงนี้เป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นแกว่งตัวขึ้นลง ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงของการปรับพอร์ตลงทุนของกองทุนต่างชาติ ทำให้โอกาสที่นักลงทุนจะซื้อหุ้นปันผลดีราคาถูกได้
"การซื้อหุ้นปันผล ควรจะเป็นลักษณะของการแบ่งพอร์ตลงทุนให้ชัดเจน โดยจัดให้อยู่ในกลุ่มของการลงทุนระยะยาวเพื่อหวังเงินปันผลเป็นหลัก ซึ่งจะต่างกับหุ้นเก็งกำไร หรือซื้อเพื่อหวังส่วนต่างกำไรจากราคาหุ้น(แคปปิตอล เกน) เพราะถ้าหากจะซื้อหุ้นปันผลใกล้กับวันที่จะขึ้นเครื่องหมายXD หรือช่วงใกล้เดือนเมษายน ตอนนั้นราคาหุ้นก็วิ่งขึ้นไปเรียบร้อย การได้ปันผลอาจจะได้ไม่คุ้ม"นายชนิตร กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนในหุ้นปันผล ควรที่จะทยอยสะสมไปเรื่อยๆ เพราะจะทำให้ได้ราคาถูกกว่าที่จะไปไล่ซื้อตอนใกล้ขึ้นเครื่องหมายXD ซึ่ง การลงทุนในหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูง จะถือเป็นเครื่องการันตีในเรื่องของปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และถือเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ
นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยผู้จัดการสายงานกำกับตลาด กล่าวว่า ภาวะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง ผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับภาวะโดยรอบ ซึ่งมาจากปัจจัยต่างประเทศ และมองว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระยะสั้น
"ถ้าหากเป็นนักลงทุนระยะยาก็ไม่ต้องตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลกระทบระยะสั้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของแต่ละบุคคล ถ้าเป็นคนที่รับกับความเสี่ยงได้น้อย ก็อาจจะขายออกมาก่อน แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้มากก็ให้ถือรอไปก่อน เพราะสุดท้ายก็จะกลับมาเหมือนเดิม"นายศักรินทร์ กล่าว
"ข่าวหุ้นธุรกิจ"รวบรวมข้อมูลจากงบการเงินของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)พบว่า มีบจ.ที่มีเงินสดอยู่ในบริษัทเยอะ จนมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลได้มีทั้งหมด 17 แห่ง อาทิBEC, BOL, CITY, CM, DRACO, EASON, HANA, MACO, PSL, S&P, SNC,TBSP, TNH, UEC, UVAN และWORK โดยคิดจากอัตราเงินปันผลตอบแทนที่สูงตั้งแต่ 5.68-16.58% ตามประวัติการจ่ายเงินปันผลในปีที่ผ่านมา
สำหรับหุ้นปันสูงมีดังนี้ หุ้นBEC มีกำไรสะสม 3,306 ล้านบาท อัตราเงินปันผลตอบแทน(yield)อยู่ที่ 5.63% หุ้น BOL มีกำไรสะสม 59 ล้านบาท yield อยู่ที่ 6.48 % หุ้น CITY มีกำไรสะสม 363 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.79 % หุ้น CM มีกำไรสะสม 768 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.95 % หุ้นDRACO มีกำไรสะสม 501 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.68 %
หุ้นEASON มีกำไรสะสม122 ล้านบาท yield อยู่ที่ 7.04% หุ้นHANA มีกำไรสะสม10,011 ล้านบาท yield อยู่ที่ 5.72 % หุ้นMACO มีกำไรสะสม 163ล้านบาท yield อยู่ที่6.67 % หุ้นMCOT มีกำไรสะสม 3,041 ล้านบาท yield อยู่ที่ 6.75%
หุ้นPSL มีกำไรสะสม15,302 ล้านบาท yieldอยู่ที่ 16.58 % หุ้นS&P มีกำไรสะสม
640 ล้านบาท yield อยู่ที่ 6.77 %
หุ้นSNC มีกำไรสะสม 162 ล้านบาท yield อยู่ที่ 7.54 % หุ้นTBSP มีกำไรสะสม 375 ล้านบาท yield อยู่ที่5.35 % หุ้นTNH มีกำไรสะสม 314 ล้านบาท yield อยู่ที่
5.73 % หุ้นUEC มีกำไรสะสม 878 ล้านบาท yield อยู่ที่ 8.39 % หุ้นUVAN มีกำไรสะสม 1,205 ล้านบาท yield อยู่ที่ 14.38 % และหุ้นWORK มีกำไรสะสม 242 ล้านบาท yield อยู่ที่ 8.26 %
สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกบจ.เหล่านี้ที่มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลนั้น จะเลือกและพิจารณาจากสถานะทางการเงิน ณ ไตรมาส 3/52 , ผลการดำเนินงาน ,ประวัติการจ่ายเงินปันผล และสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. มีสัดส่วนเงินสดต่อสินทรัพย์รวมตั้งแต่ 15% ขึ้นไป 2. มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(DE)ต่ำกว่า 0.5 เท่า 3.มีกำไรสะสม
4.ผลการดำเนินงานปี2551 และ 9 เดือนแรกของปี 2552 มีกำไร
5.มีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา(ยึดตามรอบผลประกอบการปี 2547-2551) สำหรับบจ.ใหม่ที่เข้ามาจดทะเบียนยังไม่ครบ 5 ปี จะต้องเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่เข้าจดทะเบียน 6.มีสัดส่วนนักลงทุนรายย่อย(Free Float)
ตั้งแต่ 20% ขึ้นไป
ทั้งนี้การคัดเลือกบจ.ที่มีคุณสมบัติดังกล่าว จะไม่รวมบจ.ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการเงิน บจ.ที่อยู่ในกลุ่มNPG และNC รวมถึงบจ.ที่ไม่นำส่งงบการเงินไตรมาส 3/2552 อีกทั้งไม่รวมบจ.ที่เข้าจดทะเบียนในปี 2552
วันที่ 25 ม.ค. 2553 แสดงข่าวมาแล้ว 16ช.ม. 19นาที
http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=35877