Thai VI

ปี 2551 เงินลงทุนใน LTF ที่ซื้อมา 5 ปี ลดลงเกือบครึ่งนึง โดยที่ทำอะไรไม่ได้ (ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเด้งกลับมาก็ไม่เท่าเดิม) ปีนี้ผมชักเสียว ก็เลย short Tfex ปกป้อง LTF ของผมเอาไว้ก่อน ไม่รู้คิดถูกคิดผิด

tt เขียน:ปี 2551 เงินลงทุนใน LTF ที่ซื้อมา 5 ปี ลดลงเกือบครึ่งนึง โดยที่ทำอะไรไม่ได้ (ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะเด้งกลับมาก็ไม่เท่าเดิม) ปีนี้ผมชักเสียว ก็เลย short Tfex ปกป้อง LTF ของผมเอาไว้ก่อน ไม่รู้คิดถูกคิดผิด

ถ้าคิดจะใช้เพื่อปกป้องเงินใน LTF ทำไมไม่ใช้ option แทนล่ะครับ เพราะจะเสียเป็นเหมือนค่าประกันพอร์ทด้วยความสบายใจ แต่ถ้าเป็น tfex แล้วตลาดไม่ลงแรงแรง หรือลงแล้วเด้ง เกิดไปอีกทาง จะเสียหายได้มากนะครับ

1สัญญา ประกันความเสี่ยงพอร์ตที่ประกอบหุ้นในSET50ที่weightอย่างดีได้ที่ประมาณ 500,000บาท เวลาหุ้นลงเราได้เงินจากtfex เป็นการชดเชย แต่เวลาหุ้นขึ้นเราเสียเงินแต่ LTF เราโตขึ้นแต่ก็ยังขายไม่ได้นะครับแล้วการประกันความเสี่ยงต้องทำต่อเนื่องจนกว่าเราจะเริ่มเสี่ยงใหม่หรือเราจะขาย LTF

ผมว่าลองศึกษาเรื่องออปชั่นดูก่อนดีกว่าครับว่า แล้วเปรียบเทียบว่าอย่างไหนเหมาะกว่ากันมากกว่า พอดูออปชั่นเคยดูผ่านๆไม่กล้าแนะนำ

ซื้อ options แล้วดูด้วยนะครับว่าค่าใช้จ่ายคุ้มกับภาษีที่ประหยัดได้หรือเปล่า  

เลือกลงในกองทุนSCBLTS แทนก็ได้ครับ
เขามีการใช้set50 future บลจ.อื่นก็น่าจะมีนะครับ

http://www.scbam.com/inc/parkpoom/invbook2.asp?l=th

มี 1SMART-LTF ของบลจ. วรรณ ครับ มีการใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์

แต่ผมไม่รู้ว่าถ้าจะสับเปลี่ยนกองทุนจากบลจ.อื่นมาต้องเสียค่าธรรมเนียมเท่าไร

chode เขียน:เลือกลงในกองทุนSCBLTS แทนก็ได้ครับ
เขามีการใช้set50 future บลจ.อื่นก็น่าจะมีนะครับ

http://www.scbam.com/inc/parkpoom/invbook2.asp?l=th

สนับสนุนความคิดนี้ด้วยครับ เพราะใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน

LTF ของ SCB มีอยู่ 5 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน

ส่วนตัว ถ้าประเมินว่าช่วงนี้หุ้นขึ้น จะย้ายหุ้นไปไว้ให้ SCBLT2 เพราะลงทุนหุ้นสามัญเป็นหลัก เวลาขึ้นก็ขึ้นตาม SET

พอคิดว่าหุ้นจะลง (เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา) ผมก็ย้ายจาก SCBLT2 --> SCBLTS เวลาหุ้นลง พอร์ตจะไม่ลงเยอะตาม SET ครับ สังเกตุมาปีกว่าๆ แหละ

ลองดู..เป็นทางเลือกทางหนึ่งครับ


ปล. ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ SCB นะครับ แค่ถือเป็นความเห็นหนึ่งเท่านั้น อิอิ  :lol:

โอนเข้ามา 1SMART-LTF เสียอัตราค่าธรรมเนียมขายครับ (Front End Fee)
ที่ทำๆกันมา 1SMART-LTF นิ่งที่สุด  วิธีที่ง่ายที่สุดคือเล่น 1SMART กับ 1SG ของค่ายเดียวกันครับ

ผมมีส่วนได้เสียกับ ONE AM. นะครับ โปรดพิจารณา

แต่ถ้าพิจารณาดีแล้ว ก็กระซิบมาบอกก็ได้ครับ ยินดีแนะนำ

ใช้ FUTURE ถูกต้องแล้วครับ
Short ในมูลค่าสัญญาที่เท่ากับ LTF ที่ซื้อไป ก็จะปิดความเสี่ยงได้หมด
ค่าใช้จ่ายคือ premium ของ FUTURE เทียบกับ spot ซึ่งถ้าตลาดเป็นขาขึ้นจะสูง แต่ถ้าตลาดขาลงแบบปีก่อนมี discount เยอะอยู่
ค่าเสียโอกาสของเงินที่ต้องนำไปค้ำประกันบัญชี TFEX
ค่าคอมมิชชั่น
ค่าเสียเวลาที่ต้องคอย short เพิ่มทุกครั้งที่หมดอายุ
ถ้าฐานภาษีสูงหักค่าใช้จ่ายที่ว่ามาแล้วก็ยังคุ้มครับ

แนะนำว่าซื้อกองทุนแบบที่ คห. บน ว่ามาดีกว่า
ส่วนผมเลือก LTF แบบเสี่ยงเต็ม 100% ครับ

yyo_oyy เขียน: พอคิดว่าหุ้นจะลง (เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา) ผมก็ย้ายจาก SCBLT2 --> SCBLTS เวลาหุ้นลง พอร์ตจะไม่ลงเยอะตาม SET ครับ สังเกตุมาปีกว่าๆ แหละ

เมื่อกี้ไปดูกราฟมาที่ scbam.com เวลาลงลงไม่เยอะ เวลาขึ้นก็ขึ้นไม่เยอะด้วยครับ  เหมาะสำหรับคนหัวใจไม่แข็งแรง   :lol:

scblt2 ก่อนวิกฤต สูงสุดที่ 16.56 วิกฤตต่ำสุดที่ 7.73 ตอนนี้ 13.47
scblts ก่อนวิกฤต สูงสุดที่ 10.77  วิกฤตต่ำสุดที่ 8.11 ตอนนี้ 9.52

สังเกตได้ว่า
scblt2 ตอนต่ำสุด ลดลงมา 53% ตอนนี้ ขึ้นมาจากตอนวิกฤต 74% ยังต่ำกว่าตอนสูงสุดอยู่ 19%
scblts ตอนต่ำสุด ลดลงมา 25% ตอนนี้ ขึ้นมาจากตอนวิกฤต 17% ยังต่ำกว่าตอนสูงสุดอยู่ 11%

ผมว่าดีนะดูแล้วไม่ยุ่งยากเหมือน short tfex ด้วย ถ้าเปลี่ยนกองได้อันนี้ น่าจะ work ดีนะครับถ้าเทียบกับใช้ tfex

[quote="นักดูดาว"]โอนเข้ามา 1SMART-LTF เสียอัตราค่าธรรมเนียมขายครับ (Front End Fee)
ที่ทำๆกันมา 1SMART-LTF นิ่งที่สุด

อย่าลืมว่า SET50 Future นั้นอ้างอิงกับหุ้น 50 ตัว ใน SET50

หาก LTF ที่เราซื้อมีหุ้นและสัดส่วนไม่เหมือนกับ SET50 ก็ปิดความเสี่ยงไม่หมดครับ คุณอาจจะขาดทุนกับการ Short มากๆ แต่กำไรจาก LTF น้อยๆก็ได้ ถ้าหุ้นในพอร์ต LTF กับ SET50 ไม่ได้ไปทางเดียวกัน ตรงนี้อันตรายครับ

1SMART-LTF มีการคำนวณสูตรการ Short ให้เข้ากับสัดส่วนพอร์ตด้วยนะครับถึงได้นึ่งสนิทขนาดนั้น ต้องวิเคราะห์เชิงปริมาณว่าพอร์ตที่มีกับ SET50 Futures สัมพันธ์กันมากน้อยขนาดไหนและต้องปรับการซื้อขายอย่างไรครับ

คือยังสงสัยว่า 1SMART-LTF ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล ดังนั้นมูลค่า NAV ของกองทุนน่าจะโตขึ้นตามสัดส่วนของเงินปันผลที่ได้รับอย่างเดียวใช่ป่าวครับ

กำลังสนใจจะสับเปลี่ยนมากองทุนนี้อยู่อ่ะครับ

Saran เขียน:คือยังสงสัยว่า 1SMART-LTF ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล ดังนั้นมูลค่า NAV ของกองทุนน่าจะโตขึ้นตามสัดส่วนของเงินปันผลที่ได้รับอย่างเดียวใช่ป่าวครับ

กำลังสนใจจะสับเปลี่ยนมากองทุนนี้อยู่อ่ะครับ

คาดว่าน่าจะเป็นกอง LTF ที่นิ่งสุดแต่ก็ไม่ได้นิ่งขนาดที่ว่าโตตามปันผลซะอย่างนั้นทีเดียวนะครับ แน่ๆลองไปดูรายละเอียดในเวปของ บลจ วรรณ ดีกว่าครับ

ไม่แน่ใจนะครับ
แต่ของ scb นี้ รู้สึกว่าเวลาที่สลับกอง ltf
จะทำแบบนี้ได้ด้วย

สมมุติว่า อาทิตย์นี้ หุ้นลงตลอดทั้งอาทิตย์เลย

แล้วเราสั่งให้สลับกองltf จากกองหนึ่งไปอีกกองหนึ่ง
ในวันจันทร์ แล้วหน่วยลงทุนของเราจะไปเข้าที่กองใหม่ประมาณ
วันพุธ หรือไม่ก้ พฤ ตามแต่ละกองทุน

ราคาที่เราขายได้คือราคาเย็นวันจันทร์ แต่ราคาที่เราได้ที่กองใหม่
จะเป็นราคาวันพุธ หรือไม่ก็ พฤ  
ซึ่งเท่ากับว่า ช่วง วันอังคาร นั้นเราจะไม่โดน impact จากหุ้นที่ลงอ่ะครับ
ถ้าทำกลับไปกลับมา ตอนที่หุ้นลงยาวๆ
เราก็สามารถที่จะได้จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นได้ครับ

ยังไงก็ลอง confirm กันอีกทีนึง

1SMART-LTF มีกำหนดรับซื้อคืนทุกไตรมาสครับ สลับถี่มากเกินไปก็ลำบากในการ hedge

http://www.one-asset.com/ThailandMutual ... ?ID=010069