Thai VI

อยากถามพี่ๆเพื่อนๆน้องๆ คิดว่าทำไมSETบ้านเราถึงแค่700กว่า

ซึ่งต่างกับต่างประเทศมากนัก.....เพราะอะไรครับ?????????????????

ผมชอบเลข  7  

แล้วมีประเทศไหนที่น้อยกว่าเราไหมครับ....

เท่าที่ผมรู้เพื่อนๆบ้านก็.......

Hongkong 21,200
JAPAN 17,000
Taiwan 8,200
CHINA  3,100
Singapore 2,900
Indonesia 2,600
South Korea 1,700
Malasia 1,300

แล้วประเทศไทยเรามีอะไรต่างกันบ้างครับ????
ทำไมSETเราถึงยังไม่ถึงพันครับ????????

เขาเปรียบเทียบโดยใช่ค่า pe ครับ  :?

อิทธิพลของกีฬาสีของพวกสิ้นคิด

[quote="green/30/10/08"]เขาเปรียบเทียบโดยใช่ค่า pe ครับ

สภาพคล่องเป็นตัวกำหนดให้หุ้นขึ้นหรือลง  :D

มองอีกด้านก็คือ...ประเทศไทยสามารถคุมเงินเฟ้อได้ดีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาครับ....
เมื่อไม่เกิดเงินเฟ้อ...กำไรของบริษัทต่างๆ ก็ไม่เติบโตหวือหวามาก  
ดัชนีหุ้นก็ไม่ได้เฟ้อมากมายตามไปด้วยไงครับ

naijan เขียน:อิทธิพลของกีฬาสีของพวกสิ้นคิด

ถ้าเป้นสาเหตุจากที่คุณnaijanกล่าวมาก็แสดงว่า สาเหตุหลักๆคือราคาไม่ตอบสนองการเติบโตของกิจการใช่ไหมครับ?????

แล้วคนอื่นคิดว่าไงบ้างครับ????

ปล.เราสามารถดูค่าPEของประเทศเทียบเรากับประเทศอื่นได้จากที่ไหนบ้างครับ?????

ปล2.ผมดูค่าPEเก่าๆ
SET=9  SET700
มาเลเซีย=18  700*18/9=1400 ใกล้เคียงกับ 1300 OK
สิงคโปร์=15  700*15/9=1100 แต่ของจริง 2900 ตัวเลขนี้มันบอกอะไรเราได้บ้างครับ?????

สมัยก่อน  ดัชนีของไทย พอๆ กับ อินโดนีเซีย และ เกาหลีนะครับ...
แต่ตอนนี้ห่างกันกันหลายช่วงตัวแล้ว

ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะ ที่ผ่านมากำไรของบริษัทต่างๆ ไม่ค่อยโตเท่าไหร่
ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะ ปัญหาทางการเมืองมาก P/E ก็เลยให้ต่ำๆ ไว้
ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะ เงินเฟ้อที่คุมอยู่  ทำให้ดัชนีหุ้นไม่เฟ้อไปด้วยครับ

3 เรื่องใหญ่ๆ ประกอบกันมั้งครับ

"เมื่อร้อยปีก่อนดาวโจนส์อยู่ที่ 100 จุด ตอนนี้อยู่ที่ 10000 กว่าจุด"  

ปรากฎการณ์แบบนี้  จะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ด้วยปัจจัยอะไรบ้างครับ  เพราะส่วนตัวผมคิดว่า  ตลาดหุ้นแต่ละแห่งมีศักยภาพไม่เท่ากัน จากปัจจัยเหล่านี้  

1. การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ  
  - นับจาก 100 ปีก่อนมาจนวันนี้ เศรษฐกิจของอเมริกา
     เคยรุ่งเรืองอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด  
 
  คำถามคือ ถ้าเศรษฐกิจในภูมิภาคนั้น มันไม่ขยายตัว
  อย่างที่เป็นมา  ดัชนีตลาดหุ้นในที่ๆนั้นจะไปได้อย่างไร

2. คุณภาพบริษัทจดทะเบียน  ไม่เท่ากัน  

  เป็นที่รู้กันว่า ดัชนีหุ้นอเมริกา มีหุ้นชั้นยอดอยู่มาก
  มายที่กำไรโตอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ

  ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่  จะมีบริษัทคุณภาพเหล่า
  นี้ น้อยกว่ามาก  แม้ว่าจะมีบริษัทจดทะเบียนดีๆ ที่ยังไม่
  ได้นำเข้าตลาดอีกหลายแห่ง  แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะมี
  การนำกิจการเข้าตลาด บ่อยเพียงใด

3. พื้นฐานเศรษฐกิจของอเมริกา กับ ประเทศเราแตกต่างกัน
  มาก  
  - เศรษฐกิจอเมริกาถูกขับเคลื่อนด้วยการใช้จ่ายใน
  ประเทศเป็นหลัก  กำไรของบริษัทจดทะเบียนของเขาจึง
  เติบโต อย่างต่อเนื่อง

4. มุมมองของเจ้าของที่นำบริษัทเข้าตลาดหุ้นต่างกัน

  - ผมคิดว่าที่ อเมริกา บริษัทจำนวนมากเข้าตลาด ด้วยเหตุผลของ การขยายธุรกิจ มากกว่า การเอาธุรกิจที่อิ่มตัวแล้วมาเลหลังขายนักลงทุนรายย่อย
     
5. การเมืองที่มีเสถียรภาพและชัดเจน

ฯลฯ  

ปรากฎการณ์เหล่านี้ มันจะเกิดกับ SET INDEX หรือ  
เราถึงมีโอกาสซื้อหุ้นราคาถูกได้บ่อยกว่าที่อื่น

[quote="อะไรดีละ"]มองอีกด้านก็คือ...ประเทศไทยสามารถคุมเงินเฟ้อได้ดีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาครับ....
เมื่อไม่เกิดเงินเฟ้อ...กำไรของบริษัทต่างๆ ก็ไม่เติบโตหวือหวามาก

picklife เขียน:
แล้วประเทศไทยเรามีอะไรต่างกันบ้างครับ????
ทำไมSETเราถึงยังไม่ถึงพันครับ????????

SET คำนวณอย่างไรครับ  :?:
แล้วดัชนีประเทศอื่นคำนวณอย่างไรครับ  :?:

น่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

บริษัทในประเทศไทยยังนิยมกู้เงินจากธนาคาร มากกว่าการระดมทุนจากประชาชนครับ

[quote="Voldtrest"]"เมื่อร้อยปีก่อนดาวโจนส์อยู่ที่ 100 จุด ตอนนี้อยู่ที่ 10000 กว่าจุด"

siwapolw เขียน:

SET คำนวณอย่างไรครับ

สรุปน้องVoldtrestคิดว่าหุ้นไทยถูกหรือแพงครับ?
และคิดว่าPEเราจะปรับขึ้นไปอยู๋ระดับเดียบกับเพื่อนบ้านได้ไหม?

picklife เขียน:

SET คำนวณอย่างไรครับ

ผมว่าไม่เกี่ยวกับการคุมเงินเฟ้อนะ พวกมาเลย์ สิงค์โปร์ เงินเฟ้อก็ไม่ได้เยอะเลย นะครับ เงินเฟ้อเยอะๆ จะอยู่ในประเทศที่มีการพัฒนาอย่างเร็วมากกว่า หรือประเทศที่โดนเรื่องขาดความน่าเชื่อถือของเงินครับ

Sumotin เขียน:ผมว่าไม่เกี่ยวกับการคุมเงินเฟ้อนะ พวกมาเลย์ สิงค์โปร์ เงินเฟ้อก็ไม่ได้เยอะเลย นะครับ เงินเฟ้อเยอะๆ จะอยู่ในประเทศที่มีการพัฒนาอย่างเร็วมากกว่า หรือประเทศที่โดนเรื่องขาดความน่าเชื่อถือของเงินครับ

สิงคโปร์ กับ มาเลย์  ดัชนีเลยไม่ค่อยไปไหนไง...
ขณะที่ อินโดฯ  ฟิลิปปินส์  วิงฉิวๆ เลยครับ

วิธีคำนวน ดัชนี
ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) = (มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (Current Market Value) x 100)/ มูลค่าตลาดรวมวันฐาน (Base Market Value)
(ฐาน วันที่ 30 เมษายน 2518)
http://stockgame.pantip.com/calset.html

จริงๆผมมองว่า ก็เป็นเพราะนายตลาดให้ราคาแค่นี้
สาเหตุอีกส่วนหนึ่ง ก็เพราะ บริษัทในตลาดก็มีล้มหายไป ก็หลายตัว
(โดยเฉพาะจากสมัย 1000จุด)
บริษัทใหญ่ๆในเมืองไทยหลายบริษัทก็ไม่เข้าตลาด
บางบริษัท ก็ไม่ให้เข้า โดยม๊อบศีลธรรมบ้าง โดยสหภาพบ้าง

คิดว่า เป็นเพราะ บ้านเราหุ้นวัฎจักร เต็มตลาด
หาหุ้น พวก super stock แทบไม่ได้เลย
เลยทำให้ กำไร มันโต ไม่กี่ปี แล้วก็หด จากนั้นก็ กลับมาที่เดิม
ไม่ได้ไปไหนไกล

หายาก ที่จะมีบริษัท ที่กำไรโต ติดกัน 5ปี++

ราคาหุ้นก็เลยไม่ไปไหนไกล ดัชนีก็เหมือนกัน วนๆเวียนๆ อยู่เท่าเดิม

อะไรดีละ เขียน:

สิงคโปร์ กับ มาเลย์

เคยมีนักวิเคราะห์เค้าเก็บสถิติหุ้นไทย จะ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเป็นปกติเมื่อเทียบกับภูมิภาคสาเหตุหลักๆก็มาจากการเมือง  นี่หล่ะ  

เพราะมันจะไม่ได้คุยกันแค่อัตราการทำกำไร  แต่มันจะมีแง่สังคม เอากฎหมาย หรือ การบังคับใช้ บางอย่างมากำกับ  ซึ่งเป็นคาวมเสี่ยงต่อการลงทุน เพราะเปลี่ยนรัฐบาลที นโยบายก็เปลี่ยนที ยุบสภา มีมาตลอดน้อยมากๆที่จะอยู่ครบเทอม แทบไม่มี ความต่อเนื่องในการพัฒนาจึงไม่ได้รับการสานต่อ

ยกตัวอย่างเช่น ผมจะสร้างรถไฟฟ้าไปดูแพนด้าที่เชียงใหม่ แต่เก็บตัวเข้าชมไปช่วยช้างและอนุรักษ์ช้างไทย  พอผมเป็นรัฐบาล ผมก็ทำๆไป แต่แบบว่าระยะทางมันไกลสี่ปีไม่เสร็จ แล้วผมก็มีเหตุให้ต้องยุบสภาก่อน สี่ปีด้วย

พอรัฐบาลใหม่มาแต่เป็นอีกพรรคนึง ก็ชูอีกเรื่องนึง ไปทำเมืองช้างไทยดีกว่า มีศูนย์อนุรักษ์ช้าง  ทั่วประเทศ

เรื่องก็วนๆอยู่แค่นี้  มันก็เลยวนๆไปๆมา เพราะบริทษัที่เก่งๆถึงเริ่มไปหาทางลงทุนที่ต่างประเทศ  เหมือนโดนบีบไปกลายๆ

ก็ขนาดเส้นทางอินโดจีน  ที่รัฐบาลสมัยก่อนๆ ทำเอาไว้ว่าจะเชื่อมต่อประเทศในกลุ่มภูมิภาค พอทำเสร็จ แล้วไง ก็เปลี่ยนรัฐบาลทีก็ไม่มีคนสนใจ ทั้งๆที่มันก็ดี แต่โครงการนี้ก็ทำให้โครงการต่อเนื่องอื่นๆเจ๊งมาเยอะเลย  พวกหมู่บ้านจัดสรรค์แถวบ้านที่เน้น  บ้านชานเมืองติดถนนสายสำคัญก็เน่าไปตามระเบียบ หมู่บ้าน ที่อยู่แถว ทางแยกไปอุตรดิตย์  ขึ้นเหนือ ก็ติดเจ๊งมากมาย

แบบนี้เป็นต้น ใกล้ตัวมาก  :twisted:

อีกเรื่องนึง ข้อตกลงระหว่างประเทศ ที่ต้องทำอะไรก็ต้องขอความเห็นจากสภาก่อน

ผมว่าถ้ามีการประชุมระดับชาติ  นายกที่อื่นมาถามเราว่าตกลงประเด็นนี้ คุณเอาด้วยไหม เราก็บอกไปว่าไม่อ่ะเราต้องกลับไปโวหตในสภาก่อน หันมาถามเรื่องอื่น นายกที่ประเทศ A เขา ให้สิทธิพิเศษต่อการลงทุนแบบนี้นะ งั้นให้เค้าทำไปก่อนเลยนะประชุมคราวหน้ารอบการประชุม ปีหน้า ก็มาว่ากันใหม่นะ

แล้วเราหล่ะ คือเราไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้อย่างฉับไวเลย เผลอๆเปลี่ยนรัฐบาลอีก รัฐบาลใหม่มก็แบบว่าเดี๋ยวขอไปศึกษาก่อนว่าจะเอาด้วยป่าว ดีไม่ดี ไม่เอาล่ะ ที่ผ่านมายกเลิกแล้วกันนะ นักธุรกิจที่ลงทุนไปแล้วก็เหวอเลย นึกว่าประเทศไทยเอาแน่ ลงเงินไปก่อนแล้ว (คุ้นๆม่ะ)

แปลกเหมือนกันนะครับ ว่าทำไม set เราถึงไปไม่ถึงไหน ที่จริงผมไม่ค่อยอยากรู้ด้วยแหละ เพราะส่วนตัวมีความเชื่อว่าไม่ว่าดัชนีจะขึ้นไปถึงไหน ถ้าเราลงทุนแบบไม่มีหลักการ ก็ไม่ได้อะไรกับดัชนีอยู่ดี จำได้ว่า บัฟเฟต์เคยเล่าว่า ตอนเค้าเริ่มลงทุนดัชนีอยู่ที่ 200 จุด มาจนถึงวันนี้อยู่ที่ 10000 กว่าจุด  แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ นักลงทุนที่ลงทุนมาตลอดช่วงระยะเวลาดังกล่าวกว่า 90 % ก็ยังขาดทุนอยู่  :lol:

tn143 เขียน:วิธีคำนวน ดัชนี
ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) = (มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (Current Market Value) x 100)/ มูลค่าตลาดรวมวันฐาน (Base Market Value)
(ฐาน วันที่ 30 เมษายน 2518)

อย่างนี้น่าจะวัดจาก market cap. อย่างเดียวเทียบกันก็น่าจะได้นะครับ
ถ้าจะดูการเติบโตของตลาด
หรือทุกท่านเห็นว่ายังไงครับ

tn143 เขียน:วิธีคำนวน ดัชนี
ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) = (มูลค่าตลาดรวมวันปัจจุบัน (Current Market Value) x 100)/ มูลค่าตลาดรวมวันฐาน (Base Market Value)
(ฐาน วันที่ 30 เมษายน 2518)
http://stockgame.pantip.com/calset.html

จริงๆผมมองว่า ก็เป็นเพราะนายตลาดให้ราคาแค่นี้
สาเหตุอีกส่วนหนึ่ง ก็เพราะ บริษัทในตลาดก็มีล้มหายไป ก็หลายตัว
(โดยเฉพาะจากสมัย 1000จุด)
บริษัทใหญ่ๆในเมืองไทยหลายบริษัทก็ไม่เข้าตลาด
บางบริษัท ก็ไม่ให้เข้า โดยม๊อบศีลธรรมบ้าง โดยสหภาพบ้าง

สูตรผมว่าไม่น่าต่างกันมากนะครับ น่าจะพื้นฐานเดียวกัน

เรื่องบริษัทนี่น่าสนใจครับ เพราะว่าบ้านเราค่อนข้างขี้อายเรื่องศิลธรรมกันมากที่สุดครับ
มีฉลากกินแบ่ง ฉลากออมสิน สนามมวย สนามม้า สนามไก่ หนังสือกีฬาที่มีราคาต่อรองบอล แต่กลับไม่กล้าเอาบริษัทเกี่ยวกับสิ่งมึนเมาเข้าตลาด ไม่กล้ามีหวยบนดิน และอื่นๆ
ปล.ไม่ได้ว่าควรมีหรือไม่ควรมีนะครับ แต่แค่รู้สึกมันมี2มาตราฐานเท่านั้น

Joga Bonito เขียน:คิดว่า เป็นเพราะ บ้านเราหุ้นวัฎจักร เต็มตลาด
หาหุ้น พวก super stock แทบไม่ได้เลย
เลยทำให้ กำไร มันโต ไม่กี่ปี แล้วก็หด จากนั้นก็ กลับมาที่เดิม
ไม่ได้ไปไหนไกล

หายาก ที่จะมีบริษัท ที่กำไรโต ติดกัน 5ปี++

ราคาหุ้นก็เลยไม่ไปไหนไกล ดัชนีก็เหมือนกัน วนๆเวียนๆ อยู่เท่าเดิม

อันนี้ไม่รู้ครับ???? พี่ๆ ลูกอิสาน ครรชิต วิบูรณ์ พี่หมอ และอีกหลายๆคน น่าจะช่วยตอบนะครับอิอิ หรือใครเคยศึกษาหุ้นต่างประเทศบ้างครับ?????