18 @ หุ้นเงา เดือน ม.ค.53
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 17, 2010 9:34 am
ทบทวนอดีต...
SET ได้บวกไปได้มากพอตัว 4.3% ขณะที่หุ้นเงาทั้ง 18 ตัว ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7.1% เป็นเวลาหนึ่งเดือน (17 ธค.52 ถึง 17 มค.53) นับว่าชนะตลาดได้ 2.8% ซึ่งก็นับว่าไม่เลวเลย ถึงแม้ว่า หุ้นเงา จะไม่ชอบตลาดขาขึ้นนัก เพราะ มักจะแพ้ตลาดบ่อยๆ ในสภาพขาขึ้น อย่างไรก็ดีหากมองว่า วอเรนต์ บัฟเฟต์ทำได้ชนะตลาดราว 1% ต่อเดือนโดยเฉลี่ย แนวคิดของ หุ้นเงา ชนะ บัฟเฟต์ ได้ถึง 3 เดือนซ้อน หุ้นที่แพ้ตลาดมี 9 ตัว ขณะที่หุ้นชนะตลาดมี 9 ตัว เป็นความผิดพลาดสำหรับหุ้นที่แพ้ตลาดทั้ง 9 ตัว ขออภัยด้วยหากมีคนซื้อลงทุนไป อย่างไรก็ดี มีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% อยู่ 4 ตัว คือ SYNEX (34%) , CI (22%) , SIS (15%) และ MFEC (13%) เป็นเพราะหุ้นได้เปลี่ยนภาพจาก No Growth Low P/E เป็น High Growth High P/E หรือเปล่า ??
ปรับเปลี่ยนปัจจุบัน....
ยังคงเป็น 8 ตะแกรงเช่นเดิม
1. หุ้นเล็ก : ต้องมีขนาดเล็กกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อในเข้าข่าย หุ้นเงา ที่แท้จริง
2. หุ้นโต : ต้องมีการเติบโตของผลกำไรในปีหน้าอย่างต่ำ 15%
3. หุ้นคล่อง : ต้องมีสภาพคล่องพอตัว มีซื้อขายได้ทุกวัน
4. หุ้นสลัว : ราคาหุ้นต้องไม่ขึ้นมากกว่า ตลาด 20% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น SYNEX ต้องหลุดจากแนวคิด หุ้นเงา ไปอย่างน่าเสียดาย
5. หุ้น P/E ต่ำกว่า 8 เท่าในปีหน้า เราขยับขึ้นมาอีกนิด กำหนด PEG ที่ 0.5 เท่าเป็นเกณฑ์
6. หุ้น P/B ต่ำกว่า 2 เท่า ราวๆ นี้ก็คิดว่าแพงแล้วสำหรับหุ้นเงา
7. หุ้นที่จะมีการจ่ายปันผลสูงกว่า 3% ต่อปี (เพื่อให้มากกว่า ดอกเบี้ยพันธบัตร)
8. หุ้นที่มีเฟยหง เรโชสูงกว่า 10% : ตัวเลขนี้คิดจากกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร ต่อ มาร์เก็ตแคป) คือ ถ้า บ.จ่ายเท่าที่จ่ายได้ทั้งหมด จะจ่ายเงินปันผลได้กี่เปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้น เพื่อกรองหุ้นที่มีขาดทุนสะสมออกไปด้วย
สอดส่องอนาคต.....
Super Leading Indicators ทั้ง 5 ตัว คือ ค่าเงินยูโร ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน ดัชนี NASDAQ และ ดัชนีหุ้นจีน ต่างส่งสัญญาณทางเดียวกันในทางลบทั้งสิ้น....เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่อาจมองข้ามครับ
Theme การลงทุนในอนาคต มี 4 เรื่อง คือ ไทยเข้มแข็ง ฟองสบู่แตกรอบ2 3G และ อีโคคาร์
- ไทยเข้มแข็ง โดนเหตุการณ์มาบตาพุดสกัดดาวรุ่งไว้ จึงทำให้กลุ่มรับเหมาจืดๆ ไปเหมือนกัน อย่างไรก็ดี บริษัทรับเหมาทั้ง ก่อสร้าง และ วางระบบ IT น่าจะได้รับผลดีในปีนี้อย่างแน่นอนหลายแสนล้าน
- ผมคาดการณ์ฟองสบู่จะแตก ทั้งในยุโรโซน จีน และเวียดนาม โดยต้นเหตุมาจาก FX ที่ผิดพลาดของแต่ละประเทศ ค่าเงินบาทอยู่ในสถานะที่ดีกว่ามาก ดังนั้น หุ้นส่งออกต่างๆ พึงระวัง รวมทั้งหุ้น commodity ผมมองเป็นทิศทางเชิงลบกับหุ้นกลุ่มเหล่านี้ โดยค่าเงินยูโรที่น่าจะดิ่งลง จะทำให้กำลังซื้อคิดเป็นดอลลาร์ของโลกหายไปราว 5%
- 3G ก็คงจะมีการลงทุนโครงข่ายแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ของ TOT 2 หมื่นล้านบาท ส่วนการประมูลโดนโรคเลื่อนออกไปคงทำได้ประมาณกลางปีหน้า อย่างไรก็ดี บริษัท IT พวกนี้คงแบ่งเค้กกันสบายๆ
- อีโคคาร์ และ รถยนต์เล็กถูกๆ จะนำตลาดเช่าซื้อ ในเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง เราจึงใส่หุ้นในกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ไปด้วย เพราะเห็นว่ายังเข้าหลักเกณฑ์ ทั้งถูกทั้งโตพอจะได้
ซึ่งหลังจากกรองหุ้นผ่าน 8 ตะแกรงได้ 18 หุ้นเงา แล้ว หากจะตัดสินใจลงทุนจริงๆ กรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนครับ ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นกระจายอยู่ใน 4 กลุ่มเท่านั้น .... วิจารณ์กันได้เต็มที่ เพื่อสร้างภูมิปัญญา
พบหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ มีจำนวน 8 ตัว โดยจะได้ประโยชน์จากการลงทุนรถไฟฟ้าอย่างน้อย 2 แสนล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ รับประโยชน์ฟรีๆ โดยรัฐบาลลงทุนให้ นอกจากนี้ยังมีดีมานด์คนเกษียณต่างชาติอีกราวปีละ 2 แสนคน ไทยต้องหาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับดีมานด์ตรงนี้ด้วย รวมทั้งคาดหวัง M&A เพราะ บ.ยักษ์ใหญ่ในกลุ่มนี้มีค่า P/BV ที่แตกต่างกับตัวเล็กถึง 5-6 เท่า
PF ได้ประโยชน์จากแอร์พอร์ตลิงก์ และ สีม่วง ปีหน้าคาดยอดขายโต 1.2 หมื่นล้าน ซึ่งรวมการขายที่ดินเปล่าด้วยอีกพันล้าน ทำให้ยอดขายต่อ mkt.cap สูงถึง 4 เท่าตัว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในกลุ่มนี้ก็ว่าได้ ยอดรับรู้รายได้ที่สูงถึง 1 หมื่นล้านปีหน้า น่าจะทำให้ NPM ของบริษัทถึงระดับ 10% ได้
CI เป็นบริษัทที่มี backlog ต่อ mkt.cap สูงถึง 4 เท่าตัว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในกลุ่มนี้ตัวหนึ่ง ค่า P/BV ยังต่ำอยู่มาก และ น่าจะมีการปรับอัตรากำไรขึ้นมาได้บ้างในปีหน้า
NOBLE ในกลุ่มหุ้นอสังหาฯที่มีอัตรากำไรตามปกติ (สูงกว่า 15%) นั้น หุ้นที่มี backlog และ ยอดขายสูงถึงระดับ 2.5 เท่าของ mkt.cap ก็คงจะเป็นตัวนี้กระมัง อัตรากำไรสุทธิยังดี ค่า P/B ยังต่ำมากๆ และ เหลือเชื่อที่มี เฟยหง เรโข สูงถึงกว่า 100%
PRIN ยังคงมียอดขายและแบ็กลอคที่น่าสนใจ มีโครงการทั้งคอนโดฯ ที่จะรับรู้ได้อีกไม่น้อย ราคาขนาดนี้ไม่แพงนัก อาจทำกำไรต่อหุ้นได้ถึง 0.45 บาท P/E จึงต่ำ 5 ได้เลย
SC ยอดขายและแบ็กลอกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี P/BV ก็ไม่สูงมากนัก ขายแนวราบ และคอนโดฯ ต่อเนื่อง แต่ดันโดนปัจจัยการเมืองเล่นงานเสียก่อน ก็นับว่าเป็นหุ้นที่ถูกทีเดียวจากกำไรต่อหุ้นที่ 2.5 บาท ราคานี้ P/E ต่ำ 5
MJD รับรู้รายได้คอนโดฯ ในปีหน้าจะมีกำไรเพิ่ม กำไรต่อหุ้นที่ 0.7 บาท...ดังนั้นราคาหุ้นแบบนี้จัดได้ว่าถูก
SENA เป็นหุ้นใหม่ที่รุกตลาดหนัก ด้านคอนโดฯ .... มีมูลค่าที่น่าสนใจ อาจทำกำไรต่อหุ้นได้สูงถึง 0.49 บาท (โบรกเกอร์) ซึ่งก็เติบโตและทำให้ P/E ต่ำ 5
MK กลับมาใหม่หลังจากคาดการณ์จะเติบโตได้สูงจากการเริ่มขายทาวน์โฮม... มูลค่าน่าสนใจต่ำทั้ง P/E และ P/BV
หุ้นกลุ่มรับเหมาอีก 2 ตัว ซึ่งรับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง และ ยังมีราคาหุ้นถูกอยู่
PYLON รับทำเสาเข็มเจาะ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่บริษัท รับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง รถไฟฟ้า หลายสี ยอดขายน่าจะโตได้อีกมาก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพงนัก
PREB เป็นบริษัทรับเหมาที่มียอดรายได้ต่อ มาร์เก็ตแคปสูงมากแห่งหนึ่งถึง 6 เท่า P/BV ต่ำมาก ยอดขายและ อัตรากำไรน่าจะทำได้ดีขึ้นในปีหน้า จากผลของไทยเข้มแข็ง
หุ้นกลุ่ม IT อีก 7 ตัว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากไทยเข้มแข็ง และ 3G น่าจะเติบโตได้สูง
SIS รายใหญ่ของชิ้นส่วนและเครื่องอิเลกฯ ยังจัดว่าเป็นหุ้นที่ถูกสำหรับในกลุ่มนี้ พอจะคาดหวังการเติบโตได้
JAS น่าจะได้ประโยชน์จาก 3G มาบ้าง รวมทั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ราคาหุ้นยังถูกทั้ง P/E และ P/BV
JTS น่าจะได้ประโยชน์จากการวางระบบ 3G และ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ยังมีค่า P/BV ต่ำ
MFEC บริษัทวางระบบ IT อีกแห่งหนึ่งซึ่งก็น่าจะได้รับผลดี คาดหวังการเติบโตได้ 20% น่าจะไม่เลว
JMART P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ ขายเจโฟน เป็นเฮ้าส์แบรนด์ และ รับทวงหนี้ น่าจะกำไรดี
MLINK P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ น่าจะคาดหวังกำไรที่เติบโตได้บ้าง
หุ้นกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ 2 ตัว โดยหวังผลจากยอดขายรถเก๋งราคาถูกเพิ่มขึ้น และ ศก.ภายในฟื้นตัว
TK ยังมีค่า P/E และ P/BV ต่ำ และพอจะคาดหวังการเติบโตจากตลาดเช่าซื้อได้
PL มีค่า P/E และ P/BV ต่ำ และพอจะคาดหวังการเติบโตจากตลาดเช่าซื้อได้
จบครับ.....พบกันใหม่กับ 18@หุ้นเงา เดือนหน้า
++ กรุณาอย่าซื้อลงทุนหุ้นพวกนี้ โดยไม่ได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนครับ...........
SET ได้บวกไปได้มากพอตัว 4.3% ขณะที่หุ้นเงาทั้ง 18 ตัว ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7.1% เป็นเวลาหนึ่งเดือน (17 ธค.52 ถึง 17 มค.53) นับว่าชนะตลาดได้ 2.8% ซึ่งก็นับว่าไม่เลวเลย ถึงแม้ว่า หุ้นเงา จะไม่ชอบตลาดขาขึ้นนัก เพราะ มักจะแพ้ตลาดบ่อยๆ ในสภาพขาขึ้น อย่างไรก็ดีหากมองว่า วอเรนต์ บัฟเฟต์ทำได้ชนะตลาดราว 1% ต่อเดือนโดยเฉลี่ย แนวคิดของ หุ้นเงา ชนะ บัฟเฟต์ ได้ถึง 3 เดือนซ้อน หุ้นที่แพ้ตลาดมี 9 ตัว ขณะที่หุ้นชนะตลาดมี 9 ตัว เป็นความผิดพลาดสำหรับหุ้นที่แพ้ตลาดทั้ง 9 ตัว ขออภัยด้วยหากมีคนซื้อลงทุนไป อย่างไรก็ดี มีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% อยู่ 4 ตัว คือ SYNEX (34%) , CI (22%) , SIS (15%) และ MFEC (13%) เป็นเพราะหุ้นได้เปลี่ยนภาพจาก No Growth Low P/E เป็น High Growth High P/E หรือเปล่า ??
ปรับเปลี่ยนปัจจุบัน....
ยังคงเป็น 8 ตะแกรงเช่นเดิม
1. หุ้นเล็ก : ต้องมีขนาดเล็กกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อในเข้าข่าย หุ้นเงา ที่แท้จริง
2. หุ้นโต : ต้องมีการเติบโตของผลกำไรในปีหน้าอย่างต่ำ 15%
3. หุ้นคล่อง : ต้องมีสภาพคล่องพอตัว มีซื้อขายได้ทุกวัน
4. หุ้นสลัว : ราคาหุ้นต้องไม่ขึ้นมากกว่า ตลาด 20% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น SYNEX ต้องหลุดจากแนวคิด หุ้นเงา ไปอย่างน่าเสียดาย
5. หุ้น P/E ต่ำกว่า 8 เท่าในปีหน้า เราขยับขึ้นมาอีกนิด กำหนด PEG ที่ 0.5 เท่าเป็นเกณฑ์
6. หุ้น P/B ต่ำกว่า 2 เท่า ราวๆ นี้ก็คิดว่าแพงแล้วสำหรับหุ้นเงา
7. หุ้นที่จะมีการจ่ายปันผลสูงกว่า 3% ต่อปี (เพื่อให้มากกว่า ดอกเบี้ยพันธบัตร)
8. หุ้นที่มีเฟยหง เรโชสูงกว่า 10% : ตัวเลขนี้คิดจากกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร ต่อ มาร์เก็ตแคป) คือ ถ้า บ.จ่ายเท่าที่จ่ายได้ทั้งหมด จะจ่ายเงินปันผลได้กี่เปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้น เพื่อกรองหุ้นที่มีขาดทุนสะสมออกไปด้วย
สอดส่องอนาคต.....
Super Leading Indicators ทั้ง 5 ตัว คือ ค่าเงินยูโร ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน ดัชนี NASDAQ และ ดัชนีหุ้นจีน ต่างส่งสัญญาณทางเดียวกันในทางลบทั้งสิ้น....เป็นสัญญาณเตือนภัยที่ไม่อาจมองข้ามครับ
Theme การลงทุนในอนาคต มี 4 เรื่อง คือ ไทยเข้มแข็ง ฟองสบู่แตกรอบ2 3G และ อีโคคาร์
- ไทยเข้มแข็ง โดนเหตุการณ์มาบตาพุดสกัดดาวรุ่งไว้ จึงทำให้กลุ่มรับเหมาจืดๆ ไปเหมือนกัน อย่างไรก็ดี บริษัทรับเหมาทั้ง ก่อสร้าง และ วางระบบ IT น่าจะได้รับผลดีในปีนี้อย่างแน่นอนหลายแสนล้าน
- ผมคาดการณ์ฟองสบู่จะแตก ทั้งในยุโรโซน จีน และเวียดนาม โดยต้นเหตุมาจาก FX ที่ผิดพลาดของแต่ละประเทศ ค่าเงินบาทอยู่ในสถานะที่ดีกว่ามาก ดังนั้น หุ้นส่งออกต่างๆ พึงระวัง รวมทั้งหุ้น commodity ผมมองเป็นทิศทางเชิงลบกับหุ้นกลุ่มเหล่านี้ โดยค่าเงินยูโรที่น่าจะดิ่งลง จะทำให้กำลังซื้อคิดเป็นดอลลาร์ของโลกหายไปราว 5%
- 3G ก็คงจะมีการลงทุนโครงข่ายแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ของ TOT 2 หมื่นล้านบาท ส่วนการประมูลโดนโรคเลื่อนออกไปคงทำได้ประมาณกลางปีหน้า อย่างไรก็ดี บริษัท IT พวกนี้คงแบ่งเค้กกันสบายๆ
- อีโคคาร์ และ รถยนต์เล็กถูกๆ จะนำตลาดเช่าซื้อ ในเฟื่องฟูขึ้นอีกครั้ง เราจึงใส่หุ้นในกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ไปด้วย เพราะเห็นว่ายังเข้าหลักเกณฑ์ ทั้งถูกทั้งโตพอจะได้
ซึ่งหลังจากกรองหุ้นผ่าน 8 ตะแกรงได้ 18 หุ้นเงา แล้ว หากจะตัดสินใจลงทุนจริงๆ กรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนครับ ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นกระจายอยู่ใน 4 กลุ่มเท่านั้น .... วิจารณ์กันได้เต็มที่ เพื่อสร้างภูมิปัญญา
พบหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ มีจำนวน 8 ตัว โดยจะได้ประโยชน์จากการลงทุนรถไฟฟ้าอย่างน้อย 2 แสนล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ รับประโยชน์ฟรีๆ โดยรัฐบาลลงทุนให้ นอกจากนี้ยังมีดีมานด์คนเกษียณต่างชาติอีกราวปีละ 2 แสนคน ไทยต้องหาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับดีมานด์ตรงนี้ด้วย รวมทั้งคาดหวัง M&A เพราะ บ.ยักษ์ใหญ่ในกลุ่มนี้มีค่า P/BV ที่แตกต่างกับตัวเล็กถึง 5-6 เท่า
PF ได้ประโยชน์จากแอร์พอร์ตลิงก์ และ สีม่วง ปีหน้าคาดยอดขายโต 1.2 หมื่นล้าน ซึ่งรวมการขายที่ดินเปล่าด้วยอีกพันล้าน ทำให้ยอดขายต่อ mkt.cap สูงถึง 4 เท่าตัว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในกลุ่มนี้ก็ว่าได้ ยอดรับรู้รายได้ที่สูงถึง 1 หมื่นล้านปีหน้า น่าจะทำให้ NPM ของบริษัทถึงระดับ 10% ได้
CI เป็นบริษัทที่มี backlog ต่อ mkt.cap สูงถึง 4 เท่าตัว ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในกลุ่มนี้ตัวหนึ่ง ค่า P/BV ยังต่ำอยู่มาก และ น่าจะมีการปรับอัตรากำไรขึ้นมาได้บ้างในปีหน้า
NOBLE ในกลุ่มหุ้นอสังหาฯที่มีอัตรากำไรตามปกติ (สูงกว่า 15%) นั้น หุ้นที่มี backlog และ ยอดขายสูงถึงระดับ 2.5 เท่าของ mkt.cap ก็คงจะเป็นตัวนี้กระมัง อัตรากำไรสุทธิยังดี ค่า P/B ยังต่ำมากๆ และ เหลือเชื่อที่มี เฟยหง เรโข สูงถึงกว่า 100%
PRIN ยังคงมียอดขายและแบ็กลอคที่น่าสนใจ มีโครงการทั้งคอนโดฯ ที่จะรับรู้ได้อีกไม่น้อย ราคาขนาดนี้ไม่แพงนัก อาจทำกำไรต่อหุ้นได้ถึง 0.45 บาท P/E จึงต่ำ 5 ได้เลย
SC ยอดขายและแบ็กลอกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี P/BV ก็ไม่สูงมากนัก ขายแนวราบ และคอนโดฯ ต่อเนื่อง แต่ดันโดนปัจจัยการเมืองเล่นงานเสียก่อน ก็นับว่าเป็นหุ้นที่ถูกทีเดียวจากกำไรต่อหุ้นที่ 2.5 บาท ราคานี้ P/E ต่ำ 5
MJD รับรู้รายได้คอนโดฯ ในปีหน้าจะมีกำไรเพิ่ม กำไรต่อหุ้นที่ 0.7 บาท...ดังนั้นราคาหุ้นแบบนี้จัดได้ว่าถูก
SENA เป็นหุ้นใหม่ที่รุกตลาดหนัก ด้านคอนโดฯ .... มีมูลค่าที่น่าสนใจ อาจทำกำไรต่อหุ้นได้สูงถึง 0.49 บาท (โบรกเกอร์) ซึ่งก็เติบโตและทำให้ P/E ต่ำ 5
MK กลับมาใหม่หลังจากคาดการณ์จะเติบโตได้สูงจากการเริ่มขายทาวน์โฮม... มูลค่าน่าสนใจต่ำทั้ง P/E และ P/BV
หุ้นกลุ่มรับเหมาอีก 2 ตัว ซึ่งรับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง และ ยังมีราคาหุ้นถูกอยู่
PYLON รับทำเสาเข็มเจาะ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่บริษัท รับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง รถไฟฟ้า หลายสี ยอดขายน่าจะโตได้อีกมาก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพงนัก
PREB เป็นบริษัทรับเหมาที่มียอดรายได้ต่อ มาร์เก็ตแคปสูงมากแห่งหนึ่งถึง 6 เท่า P/BV ต่ำมาก ยอดขายและ อัตรากำไรน่าจะทำได้ดีขึ้นในปีหน้า จากผลของไทยเข้มแข็ง
หุ้นกลุ่ม IT อีก 7 ตัว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากไทยเข้มแข็ง และ 3G น่าจะเติบโตได้สูง
SIS รายใหญ่ของชิ้นส่วนและเครื่องอิเลกฯ ยังจัดว่าเป็นหุ้นที่ถูกสำหรับในกลุ่มนี้ พอจะคาดหวังการเติบโตได้
JAS น่าจะได้ประโยชน์จาก 3G มาบ้าง รวมทั้งอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ราคาหุ้นยังถูกทั้ง P/E และ P/BV
JTS น่าจะได้ประโยชน์จากการวางระบบ 3G และ อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ยังมีค่า P/BV ต่ำ
MFEC บริษัทวางระบบ IT อีกแห่งหนึ่งซึ่งก็น่าจะได้รับผลดี คาดหวังการเติบโตได้ 20% น่าจะไม่เลว
JMART P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ ขายเจโฟน เป็นเฮ้าส์แบรนด์ และ รับทวงหนี้ น่าจะกำไรดี
MLINK P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ น่าจะคาดหวังกำไรที่เติบโตได้บ้าง
หุ้นกลุ่มเช่าซื้อรถยนต์ 2 ตัว โดยหวังผลจากยอดขายรถเก๋งราคาถูกเพิ่มขึ้น และ ศก.ภายในฟื้นตัว
TK ยังมีค่า P/E และ P/BV ต่ำ และพอจะคาดหวังการเติบโตจากตลาดเช่าซื้อได้
PL มีค่า P/E และ P/BV ต่ำ และพอจะคาดหวังการเติบโตจากตลาดเช่าซื้อได้
จบครับ.....พบกันใหม่กับ 18@หุ้นเงา เดือนหน้า
++ กรุณาอย่าซื้อลงทุนหุ้นพวกนี้ โดยไม่ได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนครับ...........