Thai VI

ขอถามตรงๆ เลยนะครับ

สำหรับผมคิดว่าควรระมัดระวังหน่อย
หรือว่าช่างมันเถอะ  ซื้อๆ หุ้นที่คิดว่าถูกๆ ดีๆ แล้วถือๆ ไว้....ลุย 100% โลด
หรืออีกกลุ่มนักเล่นหุ้นแบบ VS  บอกว่า short TFEX ไปเลย  รวยไม่รู้เรื่อง

ตามสบายนะครับ  แต่ในมุมมองนักเศรษฐศาสตร์แล้วไม่ได้มองมุมนั้น
แต่จะมองว่าจะ
1. จะป้องกัน วิกฤติ ศก.รอบใหม่ได้หรือไม่
2. ถ้ากันไม่ได้ แล้วจะบรรเทาผลกระทบได้อย่างไร สำหรับประเทศไทย
จะมีอาวุธอะไรไปเพื่อสู้วิกฤติ นอกเหนือจาก นโยบายการเงิน และ การคลัง

ผมว่า ยังไงซะ เราๆ ที่เป็นนักลงทุนก็ต้องมองแบบนักลงทุนล่ะครับ
ไอ้การป้องกันฟองสบู่ มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา
เพราะฉะนั้น หน้าที่เรามีสามอย่างคือ ซื้อ ถือ ขาย ครับ


ผมเคยคิดเหมือนกัน ว่า ถ้าเกิดฟองสบู่อีกรอบจะเป็นยังไง
เลยมีวิธี ป้องกันตามนี้ครับ

1. เลือกหุ้นที่ไม่โดนผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจมากนัก
2. ใช้ portfolio management แบบพี่ yoyo ว่าไว้
3. ถ้ามอง fund flow ออกจริงๆ คงจะล้างพอร์ต แล้วรอช้อนกลับ แต่ความเป็น
จริงแล้ว คงไม่เก่งถึงขนาดนั้นครับ

เพราะฉะนั้น ช่วงนี้ผมหลีกเลี่ยง หุ้นวัฐจักร บวกกับการถือเงินสดบางส่วน แค่นั้น
เอง ไม่ทราบจะพอเอาตัวรอดไปได้หรือเปล่า

ขอถามซื่อๆ ได้ไหมครับ เพื่อเป็นแนวทางบริหารพอร์ต

พี่อะไรดีล่ะ มองว่าวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีไหนครับ แล้วมีโอกาสเกิดสูงแค่ไหน

และ คำถามไฮไลท์เลย ตอนนี้พี่ถือหุ้นกี่ % ของพอร์ตครับ

oonngg51 เขียน:ขอถามซื่อๆ ได้ไหมครับ เพื่อเป็นแนวทางบริหารพอร์ต

พี่อะไรดีล่ะ มองว่าวิกฤติเศรษฐกิจรอบใหม่จะเกิดขึ้นภายในปีไหนครับ แล้วมีโอกาสเกิดสูงแค่ไหน

และ คำถามไฮไลท์เลย ตอนนี้พี่ถือหุ้นกี่ % ของพอร์ตครับ

คิดว่าเกิดภายในปีนี้นะครับ....ยุโรป  จีน  เวียดนาม  อันตรายครับ

พอจะให้เหตุผลลึกลงไปในรายละเอียดได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงคิดว่าฟองสบู่น่าจะแตกภายในปีนี้

ควรระวังครับ

แต่กว่าจะรู้ว่ามันแตก มันก็แตกไปแล้วครับ ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

คงต้องติดตามพวก super leading indicator ต่างๆ ที่พี่อะไรดีล่ะ เคยให้ไว้ อ่านได้ที่ห้องเศรษฐศาสตร์ เพื่อติดตามดูฟองสบู่ต่อไป (มั้ง)

แต่อย่างไรก็ดี ผมยังถือหุ้นค่อนข้างเยอะ % อยู่เลยในตอนนี้ - -"
เรียกได้ว่า รอเห็นโลงศพค่อยหลั่งน้ำตาละกัน ..

Renne เขียน:พอจะให้เหตุผลลึกลงไปในรายละเอียดได้ไหมครับ ว่าทำไมถึงคิดว่าฟองสบู่น่าจะแตกภายในปีนี้

ลองไปอ่านใน "เศรษฐศาสตร์ข้างถนน" นะครับ

เรื่องของ กับดักเงินยูโร  วิกฤติเวียดนาม
"ศก.ปี 53 อย่าย่ามใจว่าสดใสแน่" ....  ผมคิดว่าเราจะเห็นขาลงรอบ 2 ภายในปีนี้ครับ  อย่างเร็วอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ ไตรมาส 2 ปีนี้เลย  
เมื่อเป็น W  ผมเป็นห่วงว่าทั้งโลกจะไม่มีอาวุธไปสู้แล้ว  เพราะ นโยบายการเงินก็ทำกันสุดขั้ว  การคลังก็ทำกันสุดขั้ว ขาดดุลกันกว่า 10% GDP  
เมื่อไม่มีอาวุธเหลือ .... ก็อาจได้แต่ยืนมองตาปริบๆ  
ผมก็อุตส่าห์ คิดทางรอดไว้  "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" เพื่อเตรียมรับมือกับขาลงรอบ 2 นี้โดยเฉพาะ..... ก็ลุ้นว่ารัฐบาลจะนำไปใช้ไหม....ครับ

จากบทความล่าสุดของ ดร.นิเวศน์ ครับ

ข้อมูลข่าวสารเรื่องแรกที่เรามักพบเจอเป็นประจำก็คือ  การคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นหรือดัชนีหุ้นในปีนี้หรือปีหน้า   สำหรับผม  นี่เป็น ขยะ  เพราะการคาดการณ์ตลาดหุ้นอย่างถูกต้องหรือใกล้เคียงนั้น  เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีใครทำได้ดูจากสถิติที่ผ่านมา  เหตุผลก็คือ  ภาวะตลาดหุ้นนั้นขึ้นอยู่กับเหตุการณ์มากมายที่จะเกิดขึ้นในประเทศและในโลก  เหตุการณ์เหล่านั้นมักจะเกิดขึ้นโดย ไม่คาดฝัน  ดังนั้น  ภาวะตลาดหุ้นก็มักจะเป็นไปอย่าง  ไม่คาดฝัน  ก็ใครจะไปคิดว่าปี 2552 ที่ทุกคนคิดว่าจะเป็นปี  เผาจริง  ของภาวะเศรษฐกิจโลกและไทยนั้น   จะกลายเป็น ปีทอง ที่ทำให้ตลาดหุ้นคึกคักกันทั่วโลก   ด้วยเหตุผลดังกล่าว  เวลาฟังใครคาดการณ์เกี่ยวกับดัชนีตลาดในปีนี้หรือปีหน้า  อย่าไปคิดจริงจังอะไร  พวกเขาต้องคาดเพราะมีคนจำนวนมากอยากฟังเท่านั้น   ไม่ได้แตกต่างอะไรกับหมอดูที่ต้องตอบคำถามของคนที่กำลังสับสนและกังวลกับชีวิตในอนาคตของตนเอง

อะไรดีละ เขียน:

คิดว่าเกิดภายในปีนี้นะครับ....ยุโรป

green/30/10/08 เขียน:

คิดว่าเกิดภายในปีนี้นะครับ....ยุโรป

[quote="vivitawin"]จากบทความล่าสุดของ ดร.นิเวศน์ ครับ

[quote]ข้อมูลข่าวสารเรื่องแรกที่เรามักพบเจอเป็นประจำก็คือ

ผมไม่ได้ดูนักวิเคราะห์ของแต่ละโบรกเกอร์นะ...ณ สิ้นปีนี้

แต่ถ้าผมคาดการณ์ละก็  ลองเสี่ยงที่ 500 จุดดูน่าจะไม่เลว
เพราะ ไม่ค่อยมีใครคาด  และ โอกาสเกิดฟองสบู่แตกก็น่าจะสูงเสียด้วยครับ

อะไรดีละ เขียน:

ลองไปอ่านใน "เศรษฐศาสตร์ข้างถนน" นะครับ

เรื่องของ กับดักเงินยูโร

มีคนเคยเล่าว่า ส่วนใหญ่วิกฤติมักไม่มาซ้อนซ้อนกัน เหมือนเวลามีสงคราม ถ้ามีระเบิดลงปุ๊ป ทหารที่ชำนาญการศึก เค้าจะไปหลบในหลุมนั้นทันที เพราะมันไม่ค่อยลงซ้ำตำแหน่งเดิม ส่วนตัวก็ยังเต็มพอร์ทนะครับ ขี้เกียจเดา  เพราะถ้าเดาไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็มีต้นทุนการเดา เหมือนมีพี่ที่รู้จักหลายคนเค้าก็คิดว่าจะแย่แย่แย่ แล้วขายทิ้งไปตั้งแต่ 500 ปลายปลาย 600 ต้นต้น ก็เสียโอกาสอยู่ดี ผมเลือกลงทุนในกิจการที่มีแนวโน้มปีนี้กับปีหน้าค่อนข้างดี ถึงจะเจอวิกฤตจริงจริงเชื่อว่าคงลงน้อยกว่าตลาด แต่ถ้าออกไปถือเงินสดรอแล้วเสียโอกาส เลือกเสี่ยงดีกว่า   เหมือนอย่างเมื่อสองสามปีก่อนถ้าบางคนกลัวว่าการเมืองจะมีปัญหา รอการเมืองจบแล้วค่อยลงทุน ป่านนี้ยังไม่ได้ลงทุนเลยครับ พอการเมืองจบจริงจริง ดัชนีคงไม่รอให้ซื้ออีก แล้วเราจะลงทุนตอนไหนดีล่ะครับ
ปล.ผมเป็นคนจับจังหวะไม่เก่ง เลยเลือกแนว วีไอดีกว่า แต่สำหรับพี่อะไรดีล่ะ อาจจะจับจังหวะเก่งกว่าผมนะครับ ไม่มีผิด ไม่มีถูก เพียงแต่ต่างระดับความสามารถกันเท่านั้นเองครับ  :)

อะไรดีละ เขียน: วิธีคิดแบบ ดร.นิเวศน์ไงครับ
คนที่คิดว่า นักเศรษฐศาสตร์ เหมือน หมอดู.... 555

พี่จะโพสความคิดอ่านอะไรดีละของพี่ก็โพสไปเถิดครับ
อย่ามาว่าอาจารย์ของผมเลยครับ
ไม่มีอาจารย์ก็ไม่มีที่ให้พี่โพสอย่างนี้หรอกครับ

มุมมองส่วนตัวครับ

นักเศรษฐศาสตร์ =  (ใช้มุมมองเศรษฐศาสตร์มองเศรษฐกิจ)

นักลงทุน           =  (ใช้มุมมองนักลงทุนกับตลาดหุ้น)

คำตอบที่ได้อาจไม่ตรงกัน...ไม่มีถูกไม่มีผิด...ขึ้นอยู่ที่ว่านำคำตอบนั้นไปใช้กับอะไร  :lol:

por_jai เขียน: พี่จะโพสความคิดอ่านอะไรดีละของพี่ก็โพสไปเถิดครับ
อย่ามาว่าอาจารย์ของผมเลยครับ
ไม่มีอาจารย์ก็ไม่มีที่ให้พี่โพสอย่างนี้หรอกครับ

    อย่าพาดพิงบุคคลอื่นเลยครับ

อะไรดีละ เขียน: วิธีคิดแบบ ดร.นิเวศน์ไงครับ
คนที่คิดว่า นักเศรษฐศาสตร์ เหมือน หมอดู.... 555

ถ้าคิดแบบเดียวกับปู่บัฟเฟตหรืออาจารย์ มันน่าขำหรือครับ

ถ้าคุณทำนายเศรษฐกิจได้แม่นยำอย่างที่พูดจริงก็คงรวยไปนานแล้ว
ไม่ต้องมาเชียร์หุ้นเงาทั้งหลาย ให้เปลืองตัวหรอกครับ

การพยากรณ์ส่วนมากสามารถบ่งบอกถึงนักพยากรณ์มากกว่าอนาคต

เห็นด้วยกับพี่พอใจครับไม่ควรพาดพิงท่านอาจารย์ครับ อย่างน้อยท่านก็เป็นผู้ให้ความรู้และแนวทางกับพวกเราจำนวนมาก และอาจารย์ก็ทำได้ตั้ง 100 เท่าแล้วแม้ว่าจะยังทำไม่ได้อย่าง  "ลงทุนหุ้นเงากำไรพันเท่าแค่เอื่อม" ......ผมว่าผมขอสิบเท่าก่อนก็พอแล้วครับไม่เอาพันเท่าหรอกครับและผมจะไม่เดาตลาดด้วยเพราะการเดามันไม่ลีน  

killyz เขียน: ถ้าคิดแบบเดียวกับปู่บัฟเฟตหรืออาจารย์ มันน่าขำหรือครับ

ถ้าคุณทำนายเศรษฐกิจได้แม่นยำอย่างที่พูดจริงก็คงรวยไปนานแล้ว
ไม่ต้องมาเชียร์หุ้นเงาทั้งหลาย ให้เปลืองตัวหรอกครับ
การพยากรณ์ส่วนมากสามารถบ่งบอกถึงนักพยากรณ์มากกว่าอนาคต

       

แรงจังแฮะ

ลองไปอ่านที่ ดร.นิเวศน์เขียนอีกครั้งเถอะคร้บ....

ถ้าคิดว่าเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ แล้วสามารถใช้คำพูดดูถูก เหยียดหยาม อาชีพอย่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ได้  อย่างงั้นหรือครับ ??
เปรียบเทียบความเห็นของคนกลุ่มนี้ คือ "ขยะ"  

เหตุการณ์อย่างวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์  คือ "เรื่องไม่คาดฝัน" งั้นหรือ...ทั้งๆที่นักเศรษฐศาสตร์เขาคาดกันมาหลายปีแล้วนะครับ

ผมแค่หัวเราะ...ที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ ดร.นิเวศน์เขียน  นี่ผมผิดมากหรือ
น่าแปลกดี...แต่ผมขอติติงด้วยความเคารพครับ

ปัญหาของนักเศรษฐศาสตร์ ที่แตกต่างกับ นักเล่นหุ้นก็คือ

นักเศรษฐศาสตร์จะไม่ short TFEX ครับ  เพราะ นั่นคือ การ bet ว่า ศก.ไทยจะย่ำแย่  จะพังพินาศ .....  
แต่ นักเศรษฐศาสตร์จะพยายามหาวิธีที่ทำให้ ศก.ฟื้นตัว  เติบโตยั่งยืน  
ดังนั้น มันขัดแย้งกันเองอยู่ในตัว  

ถ้าผมเป็น รมว.คลัง หรือ เลขาฯ กลต. รับรองได้ว่าหุ้นไม่ลงนะครับ
แม้จะเกิดวิกฤติศก.โลกก็ตาม
แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้  ก็เชื่อว่าคงไม่รอด.....
ด้วยกระบวนท่า "เพิ่มสัดส่วนหุ้น" ของกองทุนบำนาญ...เรื่องง่ายๆ แค่ปรับตัวเลข  เงินหลายแสนล้านก็พร้อมเข้าซือครับ

ระวังมากๆๆๆๆๆ....ครับ
แต่ไม่กลัว.....เพราะหลังวิกฤติคือสุดยอดโอกาสทอง

ยิ่งผมพอร์ทเล็กและสัดส่วนรายได้ต่อพอร์ทค่อยค่างเยอะอยู่
มาไม่กลัวครับ กลัวไม่มา อิอิ

[quote="อะไรดีละ"]เหตุการณ์อย่างวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์

[quote="chatchai"]
หนทางที่จะป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ

ดูเหมือนหลายคนเช่นนักวิเคราะห์หรือนักลงทุนซื้อแล้วจะรีบขาย เพราะคาดว่าจะวิกฤต แถมจะรอซื้อที่ราคาต่ำ
ผมว่ามันไม่เกิดนะปีนี้ เดาว่าอาจได้เห็น 1000 จุด

อะไรดีละ เขียน:]วิธีคิดแบบ ดร.นิเวศน์ไงครับ
คนที่คิดว่า นักเศรษฐศาสตร์ เหมือน หมอดู.... 555

อะไรดีละ เขียน:ผมไม่ได้ดูนักวิเคราะห์ของแต่ละโบรกเกอร์นะ...ณ สิ้นปีนี้

แต่ถ้าผมคาดการณ์ละก็

อะไรดีละ เขียน:

คิดว่าเกิดภายในปีนี้นะครับ....ยุโรป