Thai VI

สำหรับการลงทุนของผมแล้ว ผมจะผสมผสานระหว่าง VI กับ หุ้นห่านทองคำ ...

เพราะผมจะมองหาหุ้นที่ดีตามแนว VI และให้ปันผลดีเช่นเดียวกัน...เพราะถ้าหุ้นที่เราถืออยู่ปันผลดีเราก็เอาปันผลมาซื้อหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่มอีก...ทำให้สามารถลดต้นทุนและลดความเสี่ยงอีกมากโขเลยที่เดียว...

ถ้าหากเราลงทุนนานขึ้นจะทำให้ความเสี่ยงน้อยลง...แล้วเราก็จะมีความสุขกับการลงทุน...ครับ


รวยด้วยหุ้น...

http://www.kewell007.blogspot.com/

ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวกรองบริษัทครับ

เวลาผมเลือกหุ้น ผมเน้นปันผลแฮะ เพราะตั้งใจถือเก็บไปเรื่อย ๆ ไม่อยากมาหาหุ้นใหม่ทุกปี
เวลาสิ้นปีก็มานั่ง benchmark ว่าปีนี้ได้ปันผลเท่าไหร่ เครดิตภาษีคืนได้เท่าไหร่
เทียบกับปีก่อนหน้า แล้วมองเป็นการเจริญเติบโตรายปีของเรา แทนที่การดูการเจริญเติบโตของมูลค่าหุ้น

พอเห็นกระทู้ "สิ้นปีนี้ผลตอบแทนเท่าไหร่กันบ้าง"
ใจ ๆ หนึ่งก็อยากจะเห็นกระทู้ "สิ้นปีนี้ได้ปันผลเท่าไหร่กันบ้าง" บ้างจัง
เผื่อจะได้ เทียบกับสมาชิกท่านอื่น ๆ ที่อยู่ในแนวเดียวกันว่า ปีนี้ปันผลตอบแทนโตขึ้นเท่าไหร่ เทียบกับปีก่อนหน้า

ผมเห็นด้วยกับวิธีคิดแบบผสมผสานนะครับ

เพราะถ้าเน้นหุ้นที่ปันผลเยอะอย่างเดียว เกิดปีหน้าบริษัทไม่มีกำไรแล้วไม่ปันผลจะทำอย่างไร?

การวิเคราะห์การเติบโตของกำไรของบริษัทแบบ Value Investment จึงเข้ามามีส่วนเพื่อดูว่าปันผลของบริษัทนั้นๆจะยั่งยืนหรือไม่

แต่วิธีนี้มีข้อเสียนะครับ เพราะผมมีความคิดว่าหุ้นที่ปันผลสูงๆจะไม่ใช่หุ้น super stock ครับ เพราะหุ้นที่จะโตเร็วได้ส่วนใหญ่ต้องเอาเงินไปลงทุนต่อ จึงทำให้ปันผลต่ำ

ถ้าคุณชอบหุ้นที่จะโตไปได้เรื่อยๆ ไม่หวือหวา ปันผลเป็นที่น่าพอใจ ไม่จำเป็นต้องเป็น super stock แบบคนอื่นๆ ผมคิดว่ากลยุทธ์นี้ก็ปลอดภัยดีครับ

คำถามคือ คุณจะคิดยังไงถ้าวันหนึ่ง port คนอื่นขึ้นเอาๆ แต่ port คุณนิ่งอยู่กับที่ เพราะมีแต่หุ้นโตช้า ปันผลงาม?

ที่ถามเพราะบางครั้งผมก็แอบอิจฉาคนอื่นเหมือนกันครับ  

ถ้าหลักการเงินแล้วปันผลหรือไม่ปันผลไม่ได้ทำให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นหรือลดลงครับ
แต่จะเป็นผลกระทบต่อราคาหุ้น ถ้ามีการปันผลเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากจิตวิทยาของนักลงทุน

ซึ่งไม่ว่าจะปันผลดีหรือไม่ปันผลดี ผมว่าแล้วแต่คนครับ
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคนเกษียณแล้ว ก็ต้องหวังปันผลมาเป็นเงินใช้จ่ายโดยไม่ต้องขายหุ้นทิ้ง
ถ้าบริษัทไม่ปันผลเลยก็คงไม่ดี

แต่สำหรับผมซึ่งยังไม่จำเป็นต้องนำเงินที่ลงทุนมาใช้ตอนนี้ เพราะยังมีเงินเดือนคอยเลี้ยงแต่ละเดือน
ก็คาดหวังไม่ให้บริษัทปันผลมากเกินไป เอาเงินผมไปลงทุนให้งอกเงยขึ้นเรื่อยๆดีกว่า
เมื่อไหร่ที่ผมต้องการเงิน เดี๋ยวราคาหุ้นจะได้ขึ้นไปตามมูลค่าบริษัท ผมก็สามารถขายรับ Gainได้เอง (โดยไม่ต้องเสียภาษี)

ข้อสังเกต นักลงทุนสถาบันน่าจะนิยมหุ้นปันผล เพราะไม่ว่าจะเป็น gain หรือ ปันผล
พวกสถาบันก็ต้องนำไปเสียภาษีเป็นรายได้เหมือนกัน สู้ได้เงินสดมาเลยดีกว่า

สำหรับผมขึ้นกับว่าผมถือตัวนั้นเพราะอะไร

ถ้าถือเพราะหวัง growth จะปันน้อยปันมากก็ช่าง

ถ้าถือเพราะมันเป็นก้นบุหรี่ อันนี้ผมหวังปันผลว่าควรจะต้องมาก เพราะปันผลที่เยอะจะเป็นสปอตไลท์ ทำให้คนเห็นคุณค่าของหุ้น ตามที่มันควรจะเป็น

ผมถือว่ากำไร คือราคาหุ้น+ปันผลครับ=สูงๆๆๆๆๆ
ปันผลจะเท่าไหร่ไม่สนครับ

ปล.แต่โดยส่วนตัวไม่ชอบหุ้นปันผลเยอะครับเพราะบริษัทจะโตยาก ยกตัวอย่างช่อง3 ปันผล90% เหอะๆ มะค่อยชอบครับ

ผมใช้ความสำคัญชองปันผลมากกว่าส่วนต่างของราคาหุ้น
เพราะว่า
ปันผล สามารถขอเครดิตภาษีคืนได้
จุดนี้เป็นจุดที่ผมต้องการมากกว่า ส่วนต่าง

-กลยุทธ์และมุมมองในการลงทุนในหุ้นของผมเป็นแบบนี้ครับ....

-ถ้าหากหุ้นปันผลมากขึ้นเรื่อยๆๆๆแล้ว...ราคาหุ้นก็จะขึ้นตาม...เมื่อถึงจุดนึง ราคาหุ้นขึ้นสูงมากๆ...จะทำให้ได้รับปันผลน้อยลง...

-ผมวางแผนการลงทุนของผมไว้อย่างนี้ครับ...ผมซื้อหุ้น A ปันผล 15% ผมก็ถือไปเรื่อยๆ พอได้รับปันผล ผมก็นำปันผลไปซื้อหุ้น A อีก (ซื้อวันขึ้น XD ประมาณ 2-3 วัน) ถ้าหากหุ้น A ราคาสูงมากแล้ว ทำให้ได้รับปันผลน้อยลง แผนของผมหากต่ำกว่า 7% ผมจะไม่นำปันผลมาซื้อหุ้น A อีก แต่ผมจะหาและซื้อหุ้นตัวอื่นที่เป็นหุ้น VIและมีปันผลมากกว่า 7% ก็จะทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆครับ

-ถ้าหากราคาหุ้นขึ้นมา 1-2-3-4-5 เท่าแล้วแต่หุ้น...ผมจะถอนเงินต้นออกทั้งหมดแล้วรอปันผลอย่างเดียวครับ....

รวยด้วยหุ้น

http://www.kewell007.blogspot.com/

เข้าท่านะครับกับกลยุทธ์นี้

แต่หุ้นที่ปันผล 7% แล้วโตขึ้นเรื่อยๆ ราคาหุ้นสูงขึ้นเรื่อยๆนี่ หายากพอสมควรนะครับ

เอาใจช่วยครับ

ปล. คุณ Gerrard007 เป็นแฟนลิเวอร์พูลแน่ๆ

ผมจะเน้นปันผล พอสมควร เพราะค้นพบว่า
ตัวเองเป็นพวกใจไม่นิ่ง เห็นหุ้น -3-4% ผมก็ทนดูไม่ได้ขายทิ้งหมด
(แล้วอีก 4-5 วันมันก็ขึ้น)

จนมาถือตัวทีี่ปันผล 7% ขึ้นไป พอหุ้นตกก็บอกตัวเองว่า
ถ้าโง่นัก คิดผิดก็รับไป 7% นี่แหละ สมควรแก่ความสามารถแล้ว

ให้ความสำคัญมากครับ ถ้าปันผลด้วยกระแสเงินสดล้นเหลือของบริษัท ถือเป็นสัญญาณซื้อที่แรงที่สุดสำหรับผม

ไปเจอบทความของดร.ในกระทู้คุณค่าครับ

เงินปันผลและหุ้นเน้นคุณค่า ในมุมมองดร.นิเวศน์
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=9187[/url]

ปัน ถ้าบริษัทมีกำไร และจ่ายออกมาแบบเหมาะสม เป็นปัจจัยหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าบริษัท ก็ให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นรายย่อยครับ

ถ้ากำไรดี ลงทุนก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ดันเก็บเงินสดไว้เยอะๆเนี่ยะ ไม่ดีเลยครับ

ผมเชื่อตาม John Neff ว่า ปันผล เป็นองค์ประกอบหนึ่งในสามที่ต้องมี  

หุ้นทุกตัวที่เลือกเข้าพอร์ตของผม ต้องจ่ายปันผล(ล่าสุด)ไม่ต่ำกว่า 3% ของราคาตอนซื้อ แล้วค่อยมาประเมินใหม่ว่า จะเอาปันผลที่ได้มาไปซื้อตัวใหนเพิ่ม

ยี่สิบปีที่แล้ว มีหุ้นตัวนึงในกลุ่มสิ่งทอ พีอีต่ำมาก มีกำไรเพิ่มติดต่อกันทุกปี มีทรัพย์สินเป็นที่ดินแปลงใหญ่และโรงงานใกล้ตัวเมืองนครปฐมกว่าร้อยไร่ที่บุ๊คไว้ไร่ละพันกว่าบาท  
แต่..ไม่จ่ายปันผล อ้างว่าเอาไปลงทุนขยายงาน ราคาหุ้นบนกระดานก้อไม่ไปไหน

จนรายย่อยต้องรวมหัวกันเรียกร้องให้จ่ายปันผล ในที่ประชุมติดต่อกันหลายปี พอเริ่มจ่ายปันผลปีแรก ราคาหุ้นก้อเริ่มวิ่ง แต่นิจจาเอ๋ย... เวลาแห่งความสุขมันสั้นนัก เข้ายุคสิ่งทอตกต่ำ ราคาหุ้นร่วงไปตามสมัย

ถ้ามองโลกในแง่ร้ายหน่อย  ผู้ถือหุ้นที่ไม่จ่ายปันผลหรือจ่ายน้อยมากเทียบกับกำไร จะแน่ใจได้อย่างไรว่าบริษัทมีกำไรจริง ไม่ได้ทำบัญชีให้ดูสวยไว้ดันราคาหุ้น

ราคาหุ้นที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น + เงินปันผล ผมเอามาแปลงเป็นมูลค่าปัจจุบันหมดครับ ถ้าสูงกว่าราคาตอนนี้ในระดับที่พอใจ ผมก็ซื้อ

แต่หากปันผลสูงๆ แต่ราคาไม่ไปไหนเลย เมื่อประเมินมูลค่าออกมาเป็นมูลค่าปัจจุบัน ถ้าเทียบกับราคาแล้ว ไม่น่าสนใจ ผมก็ไม่ซื้อครับ

GERRARD007 เขียน:...ถ้าหากเราลงทุนนานขึ้นจะทำให้ความเสี่ยงน้อยลง...แล้วเราก็จะมีความสุขกับการลงทุน...ครับ

ความสุขจากการลงทุน หาได้ทุกวันครับ ...

สำคัญมากปันผลในอนาคตคือหลักประกันทางใจเวลาจ้าวไม่ลากราคาหุ้น

[quote="harn"]
ถ้ามองโลกในแง่ร้ายหน่อย

บริษัทปันผลสุงผมแบ่งเป็นหลายกลุ่มดังนี้นะครับ

1.ปันผลสูงเพราะROEสูง
กลุ่มนี้เกือบโดยส่วนมากแล้ว PBV จะสูงดังนั้นปันผลที่ได้จะน้อยลงจากกำไรตามสัดส่วนPBV ซึ่งกลุ่มนี้ผมแบ่งเป็น2ครับ
1.1.หากผลประกอบการณ์สูงๆต่อเนื่องราคาก็จะไปตอบรับปันผลนั้นๆแล้ว ปันผลก็จะน้อยครับ
1.2.หากผลประกอบการณ์สูงๆแค่ปีเดียวก็อาจจะเป็นเพราะมีกำไรพิเศษเฉพาะปีนั้นครับ รายย่อยอาจพลาดพลังไปโลภปันผลแค่ปีนั้นปีเดียวได้ครับ
พอปีต่อมาผลประกอบการไม่ได้ตามนั้นราคาก็ร่วงครับ

2.ปันผลสูงเพราะPBVต่ำ กลุ่มนี้สำหรับผมถึงค่อนข้างน่าสนใจครับ
ROE10% ปันผล5% แต่ด้วยPBVที่ต่ำทำให้ปันผล5%นั้นสูงเมื่อเทียบกับราคา แต่โดยมากกลุ่มนีจะเป็นหุ้นวัฎจักรครับ

3.ปันผลสูงเพราะสัดส่วนปันผลสูงครับ
กลุ่มนี้สำหรับผมอันตรายครับ เป็นภาพลวงตาหนึ่งที่หลายคนตกไปเลยครับ
เช่นบ.AมีกำไรROE=40% และกำไรนี้มั่นคงสุดๆๆๆๆ ได้ทุกปีไม่กลัวศก.ตกนโยบายปันผล90%จากกำไร ก็เท่ากับ36%
ดังนั้นหุ้นตัวนี้PBVก็จะสูงอาจจะประมาณ7เท่า
ดังนั้นปันผลที่เราจะได้คือ 36/7=5.14%เลยทีเดียว
ดูแล้วน่าสนใจมาก บ.มั่นคงสุดๆ กำไรคงที่มากๆ ปันผลก็โอเค แต่พอถือจริงก็ไม่ทำใหพอร์ทเราโตแต่อย่างใด เพราะการจ่ายปันผลเยอะหมายถึงกิจการไม่ขยายตัว ราคาก็จะไม่วิ่งไปไหน BVก็คงเดิม พอร์ทก็ไม่โตครับได้แค่5%ต่อปีจากปันผลแล้วก็ถือยาวๆๆๆ จนอาจลืมบางอย่างไปว่าถ้าได้5%มั่นคง แล้วไม่โต ผมสู้ไปซื้อพันธบัตร หรือหุ้นกู้มันน่าจะดีกว่าไหมครับ? มั่นคงกว่า และกำไรแน่นอนกว่า

สรุป ที่ผมเขียนมาข้างต้นเพื่อจะสื่อว่า บ.ปันผลดี+เติ่บโตดี ไม่มีในโลกครับแต่เรื่องปันผลดีต้องระวัง เพราะรายย่อยทุกคนสามารถมองเห็นได้และแย่งกันซื้อจนราคาไปตอบรับปันผลำด้ง่าย ดังนั้นสำหรับหากบริษัทไหนมีปันผลดีจะต้องระวังตัวไว้ก่อนเลยครับ   โดยส่วนตัวผมชอบเน้นไปที่การเติบโตดีมากกว่าเพราะว่ารายย่อยน้อยคนที่จะมองเห็นไม่แห่กันมาซื้อปลอดภัยกว่าครับ อิอิ

ปล1.เห็นพี่ว่ามีบ.ไหนปันผล15%หรอครับอยากรู้จังหลังไมก็ได้นะครับ อิอิ
อยากศึกษาหลายๆกรณี ขอบคุณครับ.....

ปล2.ขอโทษนะครับที่อาจมีแนวคิดแปลกๆ อาจจะเป็นเพราะผมละอ่อน มองข้ามในบางเรื่องไป ไงก็ช่วยวิจารณ์ด้วยครับ ขอบคุณครับ

ปี 52 มีครับแต่ตอนนี้ 10% ก็หรูแล้วครับ...เพราะราคาขึ้นมาแบบร้อนแรงเหลือเกิน...

ตอนนี้ก็หาข้อมูล...รอจังหวะและโอกาสครับ...

Belffet เขียน:เข้าท่านะครับกับกลยุทธ์นี้

แต่หุ้นที่ปันผล 7% แล้วโตขึ้นเรื่อยๆ ราคาหุ้นสูงขึ้นเรื่อยๆนี่ หายากพอสมควรนะครับ

เอาใจช่วยครับ

ปล. คุณ Gerrard007 เป็นแฟนลิเวอร์พูลแน่ๆ

บริษัทที่ผมลงทุนไงครับ

ซื้อตอนแรกราคาประมาณ 13 ถึง 15 บาท

กระแสเงินสดชี้นำปันผล ปันผลชี้นำหุ้น  :lol:

chatchai เขียน:

บริษัทที่ผมลงทุนไงครับ

ซื้อตอนแรกราคาประมาณ 13 ถึง 15 บาท

"ส่วนต่างแค่มายา ปันผลสิของจริง" (ยืมคำพูดอาจารย์มา)
แต่เราๆ ชอบอันไหนมากกว่ากัน คิดเอาเอง.....อิอิๆๆ

ของผมเน้นปันผลก่อน และก็เน้นแบบหนักๆเลย เพราะ จะเป็นส่วนฐานของกำไรที่ได้ ถือแบบตุนไว้ก่อน

ส่วน ผลตอบแทนที่ตั้งใจส่วนอื่น ก็ต้องเกิดจาก ฝีมือ ที่จะไปเอา capital gain อีกที

สรุป ผลตอบแทนที่ผมต้องการ = ปันผล ที่ผมพอจะคาดการณ์ได้ ผิดพลาดไม่มาก + capital gain ที่ คาดการณ์ลำบาก....

ขอรบกวนถามหน่อยครับ...(แบบว่า...สงสัยมานาน...นม...)

วิธีการคัดลอกความคิดเห็นข้อความหรือรูปภาพของคนอื่นขึ้นมาโชว์แล้วมีกรอบสีขาวๆอย่างของคุณ ส.สลึง ,miracle, chatchai, ziannoom ทำนะครับ...ทำยังงัยครับ...แบบว่าอยากทำแต่ทำไม่เป็นนะครับ...

GERRARD007 เขียน:ขอรบกวนถามหน่อยครับ...(แบบว่า...สงสัยมานาน...นม...)

วิธีการคัดลอกความคิดเห็นข้อความหรือรูปภาพของคนอื่นขึ้นมาโชว์แล้วมีกรอบสีขาวๆอย่างของคุณ ส.สลึง ,miracle, chatchai, ziannoom ทำนะครับ...ทำยังงัยครับ...แบบว่าอยากทำแต่ทำไม่เป็นนะครับ...

กดที่ quote มุมบนขวามือเรา แล้วหลังจากนั้นก็ตอบกระทู้อ้างอิงของเดิมได้แล้วครับ

ปันผลที่เพิ่มขึ้นทุกๆปีก็อิงถึงผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ครับ สิ่งที่ตามมาก็เป็นมูลค่าเพิ่มของส่วนต่างราคาตามผลงานของกิจการระยะยาว ส่วนจะเพิ่มมากเพิ่มน้อยก็แล้วแต่ความคาดหวังของจิตวิทยามวลชน อิอิๆๆ

MYBIZ เขียน: กดที่ quote มุมบนขวามือเรา แล้วหลังจากนั้นก็ตอบกระทู้อ้างอิงของเดิมได้แล้วครับ

ปันผลที่เพิ่มขึ้นทุกๆปีก็อิงถึงผลกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ครับ สิ่งที่ตามมาก็เป็นมูลค่าเพิ่มของส่วนต่างราคาตามผลงานของกิจการระยะยาว ส่วนจะเพิ่มมากเพิ่มน้อยก็แล้วแต่ความคาดหวังของจิตวิทยามวลชน อิอิๆๆ

ขอบคุณมากครับที่ให้ความกระจ่าง...

=ปันผลมา ราคาขึ้น=

รวยด้วยหุ้น...
http://www.kewell007.blogspot.com/