Thai VI

เผอิญเห็นกระทู้เรื่องผลตอบแทนแล้วเห็นหลายท่านประสบความสำเร็จก็รู้สึกยินดีด้วยครับ อย่างไรก็ดีผมว่าเวบไซต์แห่งนี้คงจะเสียความเป็นตัวตนไปถ้าไม่พูดถึง means หรือหนทางที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จดังกล่าวบ้าง ผมเลยขอใช้พื้นที่ในกระทู้นี้เป็นแหล่งรวบรวมแล้วกันนะครับว่าปีที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเพื่อเป็นบันทึกให้กับเราในอนาคตไม่วันใดก็วันหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ไม่ได้มีความรู้ความสามารถอะไรมากนัก ดังนั้นจึงขอรบกวนพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ช่วยกันด้วยนะครับ

ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วขอเปิดประเดิมด้วยสามข้อคิดที่ผมได้ดังนี้นะครับ

1. There's no such thing called decoupling especially in the globalization era. ที่จริงความจริงข้อนี้คงได้รับการพิสูจน์ไปตั้งแต่ปีที่แล้วตอนปลายปีแล้วครั้งนึง แต่ตอนขาขึ้นรอบนี้ก็คงเป็นการตอกย้ำในเรื่องนี้

2. US is still the center and engine of the world economy...ถึงแม้จีน อินเดีย หรือประเทศอื่นๆ จะมีบทบาทมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีอเมริการแล้วไซร้ ศกโลกก็คงลำบากอยู่ดีเนื่องจากจีนคงไม่อยากแบกภาระอันหนักอึ้งของการเป็นผู้นำไว้เอง ....it's ok for them to enjoy the benefit of globalization but not sharing the cost.

3. ถ้าขาดซึ่งๆ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่มีความจริงใจ พร้อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันแล้วไซร้ ปีนี้คงเป็นปีที่เหนื่อยยากมากๆ ขึ้นไปอีกปีหนึ่งสำหรับผมอีกอย่างแน่นอน

ขอบคุณครับ

Woody Ver. 2.6

เป็นกระทู้ที่ดีมากครับ ขอกลับไปนั่งคิดก่อน  :lol:

ดีครับดี เดี๋ยวเข้ามาแชร์ครับ

ขอเสริมนะครับ

ความมั่นใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าเราเดินอยู่ในแนวทางที่ถูกต้องแล้วท่ามกลางเสียงขัดค้าน

เรียนรู้สิ่งเดียวที่ได้มากที่สุดคือ
อนิจจัง ทุกขัง อนันตา
ทุกอย่างไม่เที่ยง
ต้นปี ศก ไม่ดี ทุกคนส่ายหน้าหนี
ปลายปี ศก เริ่มดี ทุกคนยิ้มหน้าแป้น

แค่ไม่กี่เดือนเป็นแบบนี้
แล้วใยแค่วินาทีที่ผ่านไปล่ะ
อารมณ์มันรวดเร็วดังความเร็วแสงหรือยิ่งกว่า

เนี่ยคือสิ่งที่ได้ในปีนี้

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากปีนี้คือ

ความเชื่อมั่นในหลักการครับ

ุถึงแม้จะวางแผนมาดีอย่างไร แต่ถ้าทำตามแผนไม่ได้
เห็นหุ้นที่ตัวเองถือราคาตก ก็อยากขาย
เห็นหุ้นที่ตัวเองถือราคาขึ้น ก็อยากขาย กลัวมันจะลง

เจอหุ้นถูก ก็ไม่กล้าซื้อ เำพราะอยากได้ถูกกว่า
เจอหุ้นราคาสูงก็ำไม่กล้าูซื้อ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าต่ำกว่ามูลค่า

ุถ้าเรายึดในหลักการ เห็นอารมณ์เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ไม่ใช่ปัจจัยที่จะตัดสิน ว่าตอนนี้เราควรทำอะไร

ผมคงไม่พลาดโอกาสดี ๆ ที่จะมีผลตอบแทนเป็นเท่าตัวแบบปีนี้ครับ

ปล. สรุปปีนี้บวก 15% เท่านั้นครับ

ได้เรียนรู้ อะไรหลายอย่างมากครับ จากวิกฤต ผมว่า ชาว VI ส่วนใหญ่น่าจะผ่านวิกฤตนี้มาได้ อย่างไรก็ตาม ผมขอฝากข้อคิดดังนี้
1. การกระจายความเสี่ยง=> หากคุณไม่มีอำนาจในการควบคุมบริษัท หรือ ล่วงรู้ข้อมูลภายในต่างๆ อย่ามั่นใจในหุ้นเพียงตัวใคตัวหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณศึกษามันมาเป็นอย่างดีแล้ว จงใช้หลักการ Overweight or Underweight
  ......เดี๋ยวมาต่อครับ..............

1ปีที่ผ่านมา คือปีนี้ นะ  ตอบแบบกำปั้นทุบดินเลย ได้ตังค์ครับ กับได้ ลูกสาว อิอิอิ

แซวเล่นนะครับ

1.หลอกตัวเองว่า หุ้นเราดีเจ๋ง ไม่ต้องสน Macro VI สุโค่ย

2. ตอนวิกฤติ ทุกคนจะมองเเง่ร้ายหมด ฝูงชนจะทำให้เราตามกระเเส

3.  Too Big to fail  ไม่จริงเสมอไป Lehman  เป็นต้น

4. สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร  วิกฤติไม่จบง่ายๆไม่งั้น คงไม่เรียกว่า วิกฤติ

 :8)

การเป็นตัวของตัวเองที่สุด และทำตรงข้ามฝูงชนฝูงใหญ่ ไม่ง่ายเลย...

การที่จะเข้าไปลงทุนในช่วงวิกฤติ
มีใครมาถามก็โดนคัดค้านมาตลอด
แต่สุดท้ายมันก็กลับมาสู่มูลค่าที่มันควรจะเป็นครับ
 :P

ได้เรียนรู้ อะไรหลายอย่างมากครับ จากวิกฤต ผมว่า ชาว VI ส่วนใหญ่น่าจะผ่านวิกฤตนี้มาได้ อย่างไรก็ตาม ผมขอฝากข้อคิดดังนี้
1. การกระจายความเสี่ยง=> หากคุณไม่มีอำนาจในการควบคุมบริษัท หรือ ล่วงรู้ข้อมูลภายในต่างๆ อย่ามั่นใจในหุ้นเพียงตัวใคตัวหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ ถึงแม้คุณจะคิดว่าคุณศึกษามันมาเป็นอย่างดีแล้ว จงใช้หลักการ Overweight or Underweight
 ......เดี๋ยวมาต่อครับ..............

2. จงสำรองเงินสดส่วนหนึ่งไว้เสมอ=> เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าโอกาสที่ตลาดจะตกหนัก จะมาถึงเมื่อไหร่ ถึงแม้ว่า ตลาดจะเป็นภาวะ Bullish สุดๆ ก็ตาม คนที่มีเงินสด ซื้อหุ้นคุณภาพดี ในราคาถูกๆตอนวิกฤต เป็นเพราะเขาไม่ประมาท และมีการเตรียมตัวมาอย่างดี

3.Always contrarians => ถ้าศึกษากิจการมาอย่างดีแล้ว ชาว VI ต้องกล้าสวนตลาด แต่ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมข้อ 1 "Diversification"

รู้จัก option และ tfex

เรียนรู้ว่า

อารมณ์มันเปลี่ยนไป มองอารมณ์ขึ้นๆลงๆ
ตอนปลายปี51ต้นปี52 อารมณ์ยังหดหู่อยู่เลย
พอเริ่มมากลางปี52 อารมณ์กระดี้กระด้าขึ้น

รู้แค่นี้มั้ง  :lol:

การลงทุนใน 1 ปีที่ผ่านมานี้ผมถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่วางไว้มากครับ
1. ในรูปของผลตอบแทนที่เคยหวังไว้แค่ 10+5% ถึงตอนนี้ผมได้ผลตอบแทนเกินเป้าไปมาก
2. สิ่งที่มากกว่าผลตอบแทนที่ผมได้รับในปีนี้คือ กัลยาณมิตร
        พี่ป้อมเคยพูดว่า การเล่นหุ้นไม่ควรเล่นคนเดียว ถึงตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าเป็นคำพูดที่น่าจะ
ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง ผมได้กัลยาณมิตรที่เป็นทั้งเพื่อนและครูผู้ไม่หวงความรู้ ผู้ทั้งให้ความรู้ในการลงทุน
คอยเตือนสติ สั่งสอน ซึ่งส่วนหนึ่งของผลตอบแทนที่ทะลุเป้านี่มาจากกัลยาณมิตรกลุ่มนี้      
3. พี่มิโพสไม่ผิดเลย ไม่ทน ไม่แท้ ไม่เที่ยง

ความเชื่อนั้นมีคุณค่ามากที่สุด ในยามที่ขาดแคลนมากที่สุดครับ

-เรียนรู้ว่าในวันที่ตลาด panic sell เราต้อง panic buy

ซื้อตัวที่ติด Top loser กระจายหลายๆตัว

เรียน รู้การ เป็นชาวสวน contrarian ครับ

ได้เรียนรู้ว่าโชคชะตามีส่วนในความสำเร็จอยู่มาก...

เอานิทานมาเล่าให้ฟัง    

"มีชายแก่คนหนึ่งเลี้ยงม้าไว้หนึ่งตัว  วันหนึ่งม้าของเขาได้หายไป  ชาวบ้านก็บอกว่าเป็นโชคร้ายอะไรอย่างนี้
     ชายแก่ก็ตอบว่า ใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
     
ต่อมาไม่นานม้าตัวนั้นก็กลับมาพร้อมกับม้าป่าอีกฝูงหนึ่ง  ชาวบ้านก็บอกกับชายแก่นั้นว่าช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ได้ม้ากลับมาแถมม้ามาอีกฝูงหนึ่ง
     ชายแก่ก็ตอบกลับไปว่าใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
     อยู่มาวันหนึ่งลูกชายของเขาพลัดตกจากหลังม้า ขาหัก
     ชาวบ้านก็บอกอีกว่า โชคร้ายอะไรอย่างนี้
     ชายแก่ก็ตอบไปอีกว่าใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
     จะบ้าหรือไง!!! นี่มันโชคร้ายชัดๆ!!! ชาวบ้านตะโกนว่า
   
ในที่สุดเมื่อเกิดเหตุสงคราม  ทำให้ผู้ชายในหมู่บ้านโดนเกณฑ์ไปเป็นทหารหมด ยกเว้นลูกชายของเขา
     ชาวบ้านก็ยังจะบอกอีกว่า ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ขาหักเลยไม่ต้องไปรบ
     ชายแก่ก็ยังคงพูดเหมือนเดิมว่าใครจะไปรู้ว่านั่นเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่..."
     
   เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ใดๆ ในโลกล้วนอนิจจัง  โชคดีอาจจะกลายเป็นโชคร้าย  โชคร้ายอาจจะเป็นโชคดี  ใครจะไปรู้  :D

Panic and fear are always the best friend of rational investors.

ปู่บัฟเคยบอกว่า...
ซื้อหุ้นทางไปรษณีย์ก็ยังทัน

ทำให้ผมพบว่า...
ขายหุ้นทางไปรษณีย์ก็ยังทัน

พอๆ กัน ...

[quote="happiness"]เอานิทานมาเล่าให้ฟัง

never never never give up!

The reason why we fail might be our knowledge is not enough.

finally, Good stock will come back to it's value.

ผมคิดว่าปีที่ผ่านมารู้จุดอ่อนของตัวเองหลายข้อครับ เช่น
-มีอคติทำให้ไม่ได้วิเคราะห์แบบใจเป็นธรรมเท่าไหร่ เลยพลาดของดีมีที่เดียวแบบ svi <1.4 baht หรือ hmpro 3-4 baht -_-
-ถ้าหุ้นดีจริง จะ trade กันน้อย ก็กำไรเป็นเด้งๆได้ เช่น pr

เรื่องอื่นๆที่เรียนรู้คือ
-งบการเงินถ้าจะรั่วก็รั่วจาก auditor จะให้ดีต้องทำนายงบก่อนล่วงหน้า audit จะได้ดู
-การสอบ CFA ทำให้ได้ความรู้ใหม่เยอะมากๆ รู้งี้รีบสมัครซะนานแล้ว -_-

ไม่ได้เข้า thaivi.comมา 3-4 ปีแล้ว
เมื่อ 4 ปีก่อน ก่อนมาเรียนต่อ ซื้อหุ้นทิ้งไว้ 100%ของเงิน ซื้อ wg อันดับ 1 ของport ตอนนั้น 34.5 บาท จำได้ว่าตอนนั้นwg พึ่งซื้อที่ดินเพิ่ม
หลังจากนั้นก็เข้ามาดูราคานานนานครั้งเนื่องจากเรียนหนักมาก ได้เงินปันผลก็ใช้หมดเนื่องจากมาเรียนต่อได้เงินเดือนแค่หมื่นเศษเศษ
นี่เรียนต่อเข้าปีที่ 4 แล้ว จบ 3 ปีได้เงินเดือนขึ้นแค่ 3000
เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมาเข้ามาดูราคาหุ้น ตกใจนำลายไหลแต่ไม่มีเงินซื้อง่ะ
แต่เสียดายเลยต้องเล่นหุ้นให้คนอื่น ญาติพี่น้องซึ่งไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อน
เขาก็ไม่กล้าซื้อ เลยบอกว่าซื้อเป็นชื่อผมถ้าลงเดี๋ยวจ่ายเงินซื้อคืนเอง
จึงยอมเล่น ปรากฏว่า ตอนนี้ ขึ้นมา 120%ได้ปันผลมา 1 ครั้ง ติดใจใหญ่เลย บอกรู้งี้น่าซื้อเยอะกว่านี้
ตอนนี้เลยฝากซื้อกันใหญ่เลย แต่ตอนนี้ไม่รู้จะซื้อตัวไหนยังไม่ซื้อให้ครับ
พอร์ตของตัวเองปีนี้โตแค่ 20 %เองครับไม่มีตังซื้อเพิ่มเท่าไร กำลังเรียนต่ออีก 2 ปี แต่ได้ปันผลจาก wg ก็คุ้มแล้วครับ

ตอนนี้หลังเรียนจบ 3 ปีมาต่อยอดอีก 2 ปีเริ่มว่างกว่าเดิมมากเลยมาอ่านบทความย้อนหลัง
พบว่าบทเรียนปีที่ผ่านมา คือ
อย่าเชื่อนักวิเคราะห์หุ้นมาก จากที่ดูมา วิเคาระห์ผิดเพียบเลย
ฟังวิทยุ เวลาหุ้นตก ไม่มีใครออกมาวิเคราะห์เลย เวลาหุ้นขึ้นแล้วออกมาพูดกันใหญ่เลย   เวลาจะซื้อหุ้นต้องอย่าอ่านบทวิเคราะห์มาก ไปดูของจริงร้านเปิดสาขาเพิ่มเร็วมาก
หุ้นที่ขึ้น 120 % ผมไม่ได้อ่านบทวิเคราะห์เลยแม้ใน thaivi คนอื่นมาถามหุ้นอะไรดี บอกตัวนี้ไป 4-5 คนไม่ค่อยมีใครตามเลยบอกแพงไป peเกือบ 20อย่างนี้ก็เสร็จเรา ไม่ค่อยมีคนสนใจเลย

ไม่มีอะไรนะครับเล่าประสบการ์ณให้ฟังเฉยเฉย ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้นะครับ พอร์ตผมเองโตแค่ 20%เองครับ เทียบกับจอมยุทธ์ทั้งหลายแล้วผมกระจอกมากมากครับ

อีกบทเรียน คือ รู้ฝีมือของผู้บริหารครับ ผมว่าทรัพยากรบุคคลสำคัญสุดครับ

จะดูแม่ทัพคนไหนดีก็ต้องดูตอนเผชิญกับปัญหานี่แหละครับ
:lol:  :lol:  :lol: แต่ถ้าแม่ทัพเก่งแต่ไม่ซื่อสัตย์ผมปลดออกครับ :lol: (เอาออกจากพอร์ตครับ) :lol:

ได้เรียนรู้ว่า ช่วงหุ้นจะลง มันทะลุได้ทุกแนวรับ

MAKRO ลงไปได้ถึง 56 บาท สุดยอดจริงๆ once in a life time  :o

ขงเบ้ง เขียน:ตอนนี้หลังเรียนจบ 3 ปีมาต่อยอดอีก 2 ปี

คุณขงเบ้งเป็นหมอหรือเปล่าครับ

ถ้าใช่ ตอนนี้กำลังต่อ Sub-board อะไรครับ

[quote="anakinnet"]ได้เรียนรู้ว่า ช่วงหุ้นจะลง มันทะลุได้ทุกแนวรับ

MAKRO ลงไปได้ถึง 56 บาท สุดยอดจริงๆ once in a life time