ถึงจุดกลับตัวของตลาดหุ้นโลก
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 07, 2009 3:37 pm
หลังจาก FED ใช้ข้ออ้างของการไม่ฟื้นตัวของการจ้างงานมาเป็นเวลานาน พยายามที่จะยันดบ.ให้เหลือใกล้ศูนย์เปอร์เซนต์ สนับสนุนการเก็งกำไร และ ต้นทุนดบ.ต่ำๆ อย่างเต็มที่
ปัจจุบันข้ออ้างนี้หมดไปแล้ว ดอลลาร์จะเริ่มมีต้นทุนในการกู้ยืม เพื่อนำไปเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหลาย ตั้งแต่ ทองคำ น้ำมัน เงินตราสกุลอืนๆ รวมไปถึง ตลาดหุ้นด้วย
party ใกล้เวลาเลิกลาแล้ว เมื่อการจ้างงานเริ่มฟื้นตัว ก็คงไม่มีเหตุผลพิเศษอื่นใดที่กดดบ.ให้ผิดปกติแบบนี้อีก
Fed คงเริ่มขึ้น ดบ.ตั้งแต่ต้นปีหน้าไป แทนที่จะเป็นราวๆ ปลายปีหน้าดั่งที่หลายๆ ฝ่ายเคยคาดกันเอาไว้
แนวโน้มค่าเงินดอลล์ ก็คงแข็งค่าขึ้น เพราะ เฮดจ์ฟันด์ต้องรีบเอามาคืนด่วน พร้อมๆ กับลดเงินเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงลงไปบ้าง เพราะ เงินเริ่มมีต้นทุนเข้ามาแล้ว (ทั้งค่าเงินดอลล์ที่แข็งขึ้น และ อดบ.ที่ต้องจ่าย)
ในสภาวะเช่นนี้.... แนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ที่อาจกระทบได้จาก fund flow ของต่างชาติ และ เลือกลงทุนหุ้นขนาดเล็กที่พืนฐานดี จ่ายปันผลมาก เพราะ หุ้นไทยยังไม่นับว่าแพง เมื่อดูจากอัตราเงินปันผล ซึ่งยังคงยืนสูงกว่า อดบ.1 ปีอยู่ดีครับ

ปัจจุบันข้ออ้างนี้หมดไปแล้ว ดอลลาร์จะเริ่มมีต้นทุนในการกู้ยืม เพื่อนำไปเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหลาย ตั้งแต่ ทองคำ น้ำมัน เงินตราสกุลอืนๆ รวมไปถึง ตลาดหุ้นด้วย
party ใกล้เวลาเลิกลาแล้ว เมื่อการจ้างงานเริ่มฟื้นตัว ก็คงไม่มีเหตุผลพิเศษอื่นใดที่กดดบ.ให้ผิดปกติแบบนี้อีก
Fed คงเริ่มขึ้น ดบ.ตั้งแต่ต้นปีหน้าไป แทนที่จะเป็นราวๆ ปลายปีหน้าดั่งที่หลายๆ ฝ่ายเคยคาดกันเอาไว้
แนวโน้มค่าเงินดอลล์ ก็คงแข็งค่าขึ้น เพราะ เฮดจ์ฟันด์ต้องรีบเอามาคืนด่วน พร้อมๆ กับลดเงินเก็งกำไรในสินทรัพย์เสี่ยงลงไปบ้าง เพราะ เงินเริ่มมีต้นทุนเข้ามาแล้ว (ทั้งค่าเงินดอลล์ที่แข็งขึ้น และ อดบ.ที่ต้องจ่าย)
ในสภาวะเช่นนี้.... แนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่ที่อาจกระทบได้จาก fund flow ของต่างชาติ และ เลือกลงทุนหุ้นขนาดเล็กที่พืนฐานดี จ่ายปันผลมาก เพราะ หุ้นไทยยังไม่นับว่าแพง เมื่อดูจากอัตราเงินปันผล ซึ่งยังคงยืนสูงกว่า อดบ.1 ปีอยู่ดีครับ
