และแล้วจาก V ก็กลายเป็น W
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 1:15 pm
ผมเชื่อมาโดยตลอดว่าการฟื้นตัวที่ผ่านมาเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง
และ น่าจะถอยกลับไปใหม่เป็นตัว W
สัญญาณจากดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้บอกก่อนล่วงหน้า ดัชนีหุ้นระดับอินเตอร์ฯ ด้วยซ้ำไป
เราไม่สามารถบอกถึงทิศทางของอนาคตได้เลย ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลของมหาอำนาจ และ ประเทศไทยว่าจะมาได้ถูกทางเพียงใด
หากแก้ไขแบบแนวปัจจุบัน.... ศก.โลกยังเสียสมดุลต่อไป ปัญหาจะหนักหนาสาหัสยิ่ง
แต่หากใช้ "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" ศก.โลกก็จะปรับเข้าสมดุล และ แก้ไขปัญหาการ เสียสมดุลของการค้า และ การคลังไปได้ ไม่ยากเย็นนัก
ดัชนีหุ้นจะลงมากลงน้อย ... อาจขึ้นอยู่กับว่า มีการนำเอา "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมได้เร็วหรือช้า
เพียงแค่ 1 กระบวนท่าในนั้น เช่น ออกกฏยกระดับการลงทุนในหุ้นของกองทุนบำนาญ ก็เพียงพอที่จะทำให้หุ้นขึ้นได้ 5% ง่ายๆ แล้วครับ
ผมขอร้องผ่านไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย ได้โปรดศึกษาเรื่องของ "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" อย่างจริงจัง
เพราะ ทฤษฎีนี้น่าจะสามารถช่วย ศก.ไทย และ ศก.โลก ให้ฟื้นตัวอย่างสมดุล และ มีเสถียรภาพได้ครับ

และ น่าจะถอยกลับไปใหม่เป็นตัว W
สัญญาณจากดัชนีตลาดหุ้นไทย ได้บอกก่อนล่วงหน้า ดัชนีหุ้นระดับอินเตอร์ฯ ด้วยซ้ำไป
เราไม่สามารถบอกถึงทิศทางของอนาคตได้เลย ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลของมหาอำนาจ และ ประเทศไทยว่าจะมาได้ถูกทางเพียงใด
หากแก้ไขแบบแนวปัจจุบัน.... ศก.โลกยังเสียสมดุลต่อไป ปัญหาจะหนักหนาสาหัสยิ่ง
แต่หากใช้ "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" ศก.โลกก็จะปรับเข้าสมดุล และ แก้ไขปัญหาการ เสียสมดุลของการค้า และ การคลังไปได้ ไม่ยากเย็นนัก
ดัชนีหุ้นจะลงมากลงน้อย ... อาจขึ้นอยู่กับว่า มีการนำเอา "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมได้เร็วหรือช้า
เพียงแค่ 1 กระบวนท่าในนั้น เช่น ออกกฏยกระดับการลงทุนในหุ้นของกองทุนบำนาญ ก็เพียงพอที่จะทำให้หุ้นขึ้นได้ 5% ง่ายๆ แล้วครับ
ผมขอร้องผ่านไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบาย ได้โปรดศึกษาเรื่องของ "เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก" อย่างจริงจัง
เพราะ ทฤษฎีนี้น่าจะสามารถช่วย ศก.ไทย และ ศก.โลก ให้ฟื้นตัวอย่างสมดุล และ มีเสถียรภาพได้ครับ
