หน้า 1 จากทั้งหมด 1
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 21, 2009 1:33 pm
โดย ler109
ผมรบกวนขอความเห็นจากพี่ ๆ Thaivi เกี่ยวกับกลยุทธ์ Asset-Light ของ Mint ด้วยครับ ผมยังมือใหม่อยู่ครับ คือว่ากำลังศึกษาตัวนี้อยู่ครับ คือถ้าไม่ติดว่าราคาหุ้นที่ดูเหมือนจะสูงเกินไป (แต่หุ้นตัวนี้ก็ไม่เคยราคาถูก :roll: ) ผมก็คงซื้อไปแล้วครับ (ตอนนี้มีแค่ 2,000 หุ้น) อยากถามพี่ ๆ ในประเด็นดังต่อไปนี้ครับ....
1. Asset Light บริษัทวางแผนไว้ว่าในอีก 4-5 ปี ข้างหน้า การขยายสาขาในส่วนที่เป็น Chain อาหารก็จะเน้นไปที่การขาย Franchise มากขึ้น ให้ได้สัดส่วนประมาณ 50:50 กับส่วนที่เป็น Own Equity และในส่วนธุรกิจโรงแรมก็จะเน้นไปที่การรับจ้างบริหารภายใต้ Brand Anantara และการไป Joint venture โดยจะลงทุนเองในเฉพาะจุดที่เป็น Strategic location เท่านั้น
1.1 กลยุทธ์แบบนี้จะทำให้ต่อไปในอนาคตบริษทไม่จำเป็นที่จะต้องการเงินลงทุนสูง ๆ เหมือนในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่?
1.2 Margin จะดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือไม่?
1.3 จะทำให้การขยายตัวของรายได้เป็นไปในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่ผ่านมาหรือไม่?
1.4 ถ้าเป็นอย่าง 3 ข้อข้างบนจริง จะทำให้ ROA และ ROE สูงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ครับ?
2. ธุรกิจอาหารของ Mint ยังสามารถจะเติบโตได้อีกมากหรือไม่ โดยเฉพาะโอกาสในต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น แน่นอนผมมองว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในต่างประเทศนั้นยากกว่าในประเทศหลายเท่า
3. กลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจแบบ Acquisition คือไปซื้อ Brand อาหารที่ดี ๆ มาบริหารต่อ มีบริษัทไหนในต่างประเทศที่ทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาก ๆ มีหรือเปล่าครับ แล้วถ้า Mint จะไปในแนวนี้โอกาสมีมากแค่ไหนครับ
4. ถ้าผมมองว่า Mint เป็นหุ้นแบบวัฐจักร(ธุรกิจโรงแรม) การซื้อใน PE สูง ๆ เช่นนี้ (ตามที่ Peter Lynch บอก) นั้นถูกต้องหรือเปล่าครับ?
5. ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์แบบ M&A ในการเติบโต โดยปกตินั้นตลาดจะให้ PE ที่สูงกว่าบริษัทแบบปกติหรือเปล่าครับ?(อันนี้รวมถึงในตลาดต่างประเทศด้วยครับ)
รบกวนขอความเห็นจากพี่ ๆ ด้วยนะครับ
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 21, 2009 4:31 pm
โดย luckyman
จาก ประสบการณ์อันน้อยนิดของผม
1. Asset Light บริษัทวางแผนไว้ว่าในอีก 4-5 ปี ข้างหน้า การขยายสาขาในส่วนที่เป็น Chain อาหารก็จะเน้นไปที่การขาย Franchise มากขึ้น ให้ได้สัดส่วนประมาณ 50:50 กับส่วนที่เป็น Own Equity และในส่วนธุรกิจโรงแรมก็จะเน้นไปที่การรับจ้างบริหารภายใต้ Brand Anantara และการไป Joint venture โดยจะลงทุนเองในเฉพาะจุดที่เป็น Strategic location เท่านั้น…
1.1 กลยุทธ์แบบนี้จะทำให้ต่อไปในอนาคตบริษทไม่จำเป็นที่จะต้องการเงินลงทุนสูง ๆ เหมือนในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่?
แม่นแล้ว เพราะ ขายแฟรนไชส์ บริษัทลงทุนส่วนนึง คนซื้อแฟรนไชลงทุนด้วยส่วนนึงครับ หลักๆ บริษัทจะลงทุนด้านการบริหารเอง ส่วนค่าพนักงาน ค่าสินค้า น่าจะเป็นคนซื้อแฟรนไช จ่ายนะ แต่ไม่ชัวนะครับ รอท่านอื่นเสนอความคิด
1.2 Margin จะดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือไม่?
ต้องดูว่า พวกค่าสินค้า ค่าพิซซ่า ใครลงทุนอ่ะครับ เพราะ สินค้านี้จะมาร์จิ้นต่ำ
1.3 จะทำให้การขยายตัวของรายได้เป็นไปในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่ผ่านมาหรือไม่?
สูงกว่าครับ ดู ตย จาก 7-11 โตเร็วมาก
1.4 ถ้าเป็นอย่าง 3 ข้อข้างบนจริง จะทำให้ ROA และ ROE สูงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ครับ?
ไม่ทราบครับ
2. ธุรกิจอาหารของ Mint ยังสามารถจะเติบโตได้อีกมากหรือไม่ โดยเฉพาะโอกาสในต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น แน่นอนผมมองว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในต่างประเทศนั้นยากกว่าใน ประเทศหลายเท่า
น่าจะโตได้อีกมากนะ จากจำนวนสาขาซึ่งยังมีอยู่น้อย
3. กลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจแบบ Acquisition คือไปซื้อ Brand อาหารที่ดี ๆ มาบริหารต่อ มีบริษัทไหนในต่างประเทศที่ทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาก ๆ มีหรือเปล่าครับ แล้วถ้า Mint จะไปในแนวนี้โอกาสมีมากแค่ไหนครับ
ไม่ทราบเลย
4. ถ้าผมมองว่า Mint เป็นหุ้นแบบวัฐจักร(ธุรกิจโรงแรม) การซื้อใน PE สูง ๆ เช่นนี้ (ตามที่ Peter Lynch บอก) นั้นถูกต้องหรือเปล่าครับ?
เป็นวัฎจักครับ เพราะ กำไรหลักมาจากโรงแรม
5. ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์แบบ M&A ในการเติบโต โดยปกตินั้นตลาดจะให้ PE ที่สูงกว่าบริษัทแบบปกติหรือเปล่าครับ?(อันนี้รวมถึงในตลาดต่างประเทศด้วย ครับ)
รบกวนขอความเห็นจากพี่ ๆ ด้วยนะครับ
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 22, 2009 9:34 am
โดย Linzhi
ก่อนที่จะดูกลยุทธ์ ดูหัวใจของกลยุทธ์ก่อนครับ
ความเป็นจริงแล้ว franschise (เดี๋ยวนี้เรียก asset light เท่ห์มากๆ :lol: )กับ ขยายสาขาเอง
เป็นอะไรที่กลับไปกลับมา เหมือนแฟชั่น มานานมากแล้วครับ
สภาวะแวดล้อม ต้นทุนทางการเงิน งบดุลของบริษัท แนวทางการเติบโต เป็นตัวกำหนดกลยุทธ์นี้
แต่ความเป็นจริง ความสำคัญไม่ได้อยู่ตรงนี้เท่าไหร่ครับ
สิ่งที่สำคัญคือความสามารถในการแข่งขันต่างหาก ถ้าแบรนด์เข้มแข็ง จะเอาวิธีไหนก็ได้ครับ
ยิ่งไปกว่านั้น กำไรที่ได้เหนือจากต้นทุนทางการเงินจะเท่ากับความสามารถในการแข่งขัน ถ้าแบรนด์ไม่แข็ง ใช้วิธีไหน ส่วนต่างนี้ก็น้อยมาก
คำตอบเรื่องความสามารถในการแข่งขัน สามารถตอบคำถามที่เหลือได้ทั้งหมดเลยครับ
อยากให้ MINT โตมาก ๆ อีก คงต้องอัพไปเทียบกับกลุ่ม Starwood ซึ่งแข่งกันกันได้แค่ไหน ที่ตลาดไหนคงต่างกันอีก
ราคาที่เหมาะสม เป็นศิลปะครับ การดู PE การสรุปว่าเป็นวัฎจักร น่าจะไม่เพียงพอครับ
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 23, 2009 10:37 am
โดย ไม่บังอาจ
1.1 กลยุทธ์แบบนี้จะทำให้ต่อไปในอนาคตบริษทไม่จำเป็นที่จะต้องการเงินลงทุนสูง ๆ เหมือนในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่?
ตอบ: ใช่
1.2 Margin จะดีขึ้นกว่าเดิมจริงหรือไม่?
ตอบ: ถ้าปัจจัยอื่นๆคงที่ ส่วนที่เติบโตจาก asset light จะทำให้ margin ดีขึ้น
1.3 จะทำให้การขยายตัวของรายได้เป็นไปในอัตราที่สูงขึ้นกว่าที่ผ่านมาหรือไม่?
ตอบ: ไม่แน่นอนว่าอัตราการขยายตัวจะสูงกว่า เพราะค่า fee เป็นเงินก้อนไม่ใหญ่ เพียงแต่มีมาร์จินดี
1.4 ถ้าเป็นอย่าง 3 ข้อข้างบนจริง จะทำให้ ROA และ ROE สูงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ครับ?
ตอบ: ถ้าปัจจัยอื่นๆคงที่ ส่วนที่เติบโตจาก asset light ทำให้ ROA ROE ดีขึ้น
2. ธุรกิจอาหารของ Mint ยังสามารถจะเติบโตได้อีกมากหรือไม่ โดยเฉพาะโอกาสในต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย เป็นต้น แน่นอนผมมองว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในต่างประเทศนั้นยากกว่าในประเทศหลายเท่า
ตอบ: โอกาสมี แต่เราจะชนะหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้
3. กลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจแบบ Acquisition คือไปซื้อ Brand อาหารที่ดี ๆ มาบริหารต่อ มีบริษัทไหนในต่างประเทศที่ทำแบบนี้แล้วประสบความสำเร็จมาก ๆ มีหรือเปล่าครับ แล้วถ้า Mint จะไปในแนวนี้โอกาสมีมากแค่ไหนครับ
ตอบ: มีครับ ส่วน mint จะใช้แนวนี้ได้มากน้อยแค่ไหน ก็คงต้องดูกระแสเงินสดจากส่วนโรงแรม
4. ถ้าผมมองว่า Mint เป็นหุ้นแบบวัฐจักร(ธุรกิจโรงแรม) การซื้อใน PE สูง ๆ เช่นนี้ (ตามที่ Peter Lynch บอก) นั้นถูกต้องหรือเปล่าครับ?
ตอบ:ในส่วนของธุรกิจโรงแรม จะว่าเป็นธุรกิจวัฏจักร ผมก็ไม่เห็นด้วย แต่เป็นธุรกิจที่อ่อนไหวต่อ uncertainty เท่านั้นเอง การเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่ PE สูง ก็ต้องมั่นใจก่อนว่าโรงแรมที่เราจะซื้อนั้นเข้มแข็งพอที่จะผ่านช่วงเลวร้ายนี้ไปได้ (สามารถบริหารจัดการ ADR และ Occupancy Rate ให้ได้ RevPAR ในระดับที่ไม่ขาดทุนได้) และมั่นใจว่า uncertainty ที่เกิดขึ้นมานั้น ใกล้จะจบ
5. ธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์แบบ M&A ในการเติบโต โดยปกตินั้นตลาดจะให้ PE ที่สูงกว่าบริษัทแบบปกติหรือเปล่าครับ?(อันนี้รวมถึงในตลาดต่างประเทศด้วยครับ)
ตอบ: หลายบริษัททำ M&A แล้วเจ๊งเยอะครับ แต่ที่ไปได้ดีก็มีให้เห็น อย่าง InterContinental Hotel Group ซึ่งเป็นเครือโรงแรมใหญ่ที่สุดในโลก (มีโรงแรมเกือบจะ 4,400 แห่ง มีห้องพักเกือบจะ 650,000 ห้อง) ก็ไปได้ดี เฉพาะไตรมาส 3 ปีนี้ operating profit จากโรงแรมที่เป็นเจ้าของ มีแค่ 20 ล้านเหรียญ แต่operating profit จากการรับจ้างบริหารและแฟรนไชส์ 143 ล้านเหรียญ ตอนนี้ IHG ซื้อขายกัน P/E 21 เท่า
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 23, 2009 10:42 am
โดย luckyman
การขยายด้วยแฟรนไชส์ พวกต้นทุนค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าพนักงานนี่
คนซื้อแฟรนไชสรับผิดชอบปะครับ
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 23, 2009 12:16 pm
โดย ไม่บังอาจ
ต้นทุนค่าอาหาร ค่าไฟ ค่าพนักงาน คนซื้อแฟรนไชส์เป็นคนรับผิดชอบ แต่ในส่วนเงินเดือนผู้บริหารที่บริษัทเจ้าของสิทธิ์ส่งมาดูแล บริษัทเจ้าของสิทธิ์เป็นคนจ่ายเอง (แต่ก็ไปเรียกเก็บจากคนซื้อแฟรนไชส์อยู่ใน management fee)
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 23, 2009 1:17 pm
โดย luckyman
thanks kub
so expanding the business via franchises will increase net profit margin.
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 23, 2009 10:38 pm
โดย ler109
Big thank kub

Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 24, 2009 11:07 pm
โดย aodetmat
รายได้หลักมาจากอาหารเป็นส่วนมากถึง60%
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 25, 2009 1:17 am
โดย zesar
aodetmat เขียน:รายได้หลักมาจากอาหารเป็นส่วนมากถึง60%
อ้าว ไม่ใช่โรงแรมแล้วเหรอ :twisted:
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 25, 2009 10:43 pm
โดย เหยี่ยวเดือน9
zesar เขียน:
อ้าว ไม่ใช่โรงแรมแล้วเหรอ
Mint - Asset Light
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 25, 2009 11:18 pm
โดย เหยี่ยวเดือน9
1.1 ใช่ และ D/E จะลดลงมากด้วย
1.2 ใช่ ถ้า sssg ไม่ตก แนวโน้มจะเป็นอย่างนั้น
1.3 เหมือน 1.2 (รายได้เป็น fee + ส่วนแบ่งซึ่ง base on เป็นเปอร์เซนต์ของรายได้)
1.4 ใช่ ถ้าเป็นอย่าง 1.1 - 1.3
2. เห็นด้วยครับ
3.มี แต่ถ้าใช้แนวทางนี้มากๆ ก็ต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ซึ่งจะขัดกับ แผนการลดเงินลงทุน
4. ผมคิดว่าไม่ถึงกับเป็นวัฏจักร (แล้วถ้าเป็นวัฏจักร แล้ว pe เท่าไรจึงเรียกว่าสูง )
ตอนนี้ pe 27 เท่า สูงกว่าตอนต้นปี ซึ่งต้นปีมี pe ประมาณ 14 เท่า จะบอกว่าซื้อตอนนี้ดีกว่าต้นปี หรือไม่