Thai VI

เช่นพวก scb advanc เพิ่งลงทุนไม่นาน สนใจแนว vi นี้เพราะไม่มีเวลาติดตามหุ้นอยู่ตลอด กะว่าลงปุ๊บก็นานๆมาดูทีนึง หวังกะเอาปันผลกะรอเวลามันขึ้นเยอะๆ แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ vi เขาเล่นกันหรือเปล่าเนี่ยเพราะมันปาเข้าไป 700 กว่าจุดแล้ว

อีกคำถามนึงคือ หากเราเล่นแนวviนี้เราสามารถทำกำไรได้แค่รอบเดียวต่อ1ปีหรือ2ครั้งต่อปี ซึ่งหากเล่นแบบซื้อถูกขายแพง โดยรอมันอ่อนตัวแล้วซื้อ ขายเมือมันเด้ง พออ่อนตัวก็ซื้ออีก แบบนี้อันไหนจะได้กำไรดีกว่ากันครับ

ป.ล.ผมไม่พูดถึงหุ้นตัวเล็กๆนะครับเพราะยังไงก็ยังไม่กล้าลงทุนกับหุ้นที่ไม่ค่อยติดตลาด กลัวมันล้มคงไปน่ะครับ

vi คือ "ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น"

ไม่เกี่ยวกับตัวใหญ่ตัวเล็กไม่เกี่ยวกับ set จะกี่จุด ไม่เกี่ยวกับภาวะตลาด หรือราคาในวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง

คุณ por29471 คิดว่าหุ้นพวก scb advanc ที่ตั้งใจจะเล่นเป็น vi มั๊ยล่ะครับ

ดูตาม้าและตาเรือด้วยก็ดี
(MSCI)

หลายคนเข้าใจคำว่า VI ผิดไป จะลงทุนแนวนี้ลองหาหนังสืออ่านซักเล่มก่อนครับ

คือถามแบบความรู้งูๆปลาๆอ่ะครับ คือผมมองว่า ปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นกว่านี้ ซึ่งหมายความว่า SCB เป็นธนาคารที่ผมมองว่ามีดีกว่าธนาคารอื่นๆและลูกค้าประทับใจกับการบริการ มีสาขามากมาย ผลกำไรต่อปีก็ค่อนข้างดี ดังนั้นราคาน่าจะพุ่งกว่านี้อีก ส่วน advanc นั้น กรณีมี3จี ก็จะส่งผลดีต่อราคาและต่อให้ไม่มี advanc ก็มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าค่ายอื่นๆอยู่แล้ว อีกทั้งปันผลก็จ่ายเยอะพอสมควร เลยกะว่าจะลงทุน 2 ตัวนี้ครับ

vi คือ "ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น โดยมีส่วนต่างความปลอดภัย"  

vi เป็นหลักการเข้าซื้อหุ้นน่ะครับ

ไม่บอกว่า ต้องถือไปนานเท่าไร ต้องขายเมื่อไร ต้องทำกำไรกี่เปอร์เซนต์
ถือจำนวนทั้งหมดกี่ตัว อยู่ที่สไตล์ของแต่ล่ะคนครับ

Graham (อาจารย์) ไม่สนใจหุ้นทำธุรกิจแบบไหน ถือจนราคาเพิ่มขึ้น 50% ของราคาที่ซื้อแล้วขายทำกำไร แต่ถ้าไม่ขึ้นมาถึง 50% ภายในสองปีก็ขาย แล้วยังกระจายความเสี่ยงมาก ถือหุ้นเป็นร้อยตัว

Buffet (ศิษย์เอก) สนใจหุ้นที่มีความได้เปรียบเชิงยั่งยืน ถือไปตลอดชีวิต ตราบเท่าที่พื้นฐานของหุ้นยังดี เน้นโฟกัส ถือหุ้นน้อยตัว

หาความรู้ก่อนนะครับ ^^

คนที่นี่ดุ แต่น้ำใจเหลือล้น

ที่สำคัญจะทำให้ รวยอย่างยั่งยืนถ้าเข้าใจหลักการ  :D

อีกคำถามนึงคือ หากเราเล่นแนวviนี้เราสามารถทำกำไรได้แค่รอบเดียวต่อ1ปีหรือ2ครั้งต่อปี ซึ่งหากเล่นแบบซื้อถูกขายแพง โดยรอมันอ่อนตัวแล้วซื้อ ขายเมือมันเด้ง พออ่อนตัวก็ซื้ออีก แบบนี้อันไหนจะได้กำไรดีกว่ากันครับ
---------------------------------------------------------------------
ปัญหาคือ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะอ่อนตัวจนถึงตอนไหน และัมันจะขึ้นจนถึงตอนไหนครับ กราฟนี่บางทีมันก็หลอกกันได้  บางคนไม่ได้สนใจทำกำไรว่าจะทำได้กี่รอบต่อปี แต่เก็บไว้ยาวเพราะมั่นใจในพื้นที่ฐานของหุ้น ปล่อยให้มันโตไปเรื่อยๆ บางทีเก็บไว้ 5 ปีกำไรจาก capital gain 6-7 เด้ง ไม่รวมปันผลยังมีให้เห็นเลยครับ

ปล.เก็งกำไรราคาในหุ้นพื้นฐานดีกับลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี แตกต่างกันนะครับ

ก่อนอื่น ผมว่าคนจำนวนมากใช้คำว่า "ลงทุน" ผิดๆ ทั้งๆที่ตัวเอง"เก็งกำไร" ต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าตัวเองเป็นนักลงทุน หรือนักเก็งกำไร แล้วใช้อะไรในการตัดสินใจ ในการตัดสินใจซื้อหรือแม้แต่ขายหุ้นแต่ละตัว ไม่ใช่แค่ลักษณะการซื้อการขายครับ

ปล. ไม่รู้มีใครคิดแบบผมหรือเปล่า ว่าเดี๋ยวนี้ชอบได้ยินว่า "ทำ.... เป็น VI หรือเปล่า" หรือไม่ก็ "คนนี้ คนนั้นเขาเป็น VI" ได้ยินทีไร ชอบคิดถึง VD (venereal disease) ทุกที เหมือนกับว่า "ทำ... แล้วจะติด VD หรือเปล่า"

sunrise เขียน:คนที่นี่ดุ แต่น้ำใจเหลือล้น

เรื่องดุนี่ อยู่ไปนานๆ เดี๋ยวก็ชินครับ  :lol:

แต่น้ำใจคนที่นี่ สุดยอดครับ  

[quote="sunrise"]หาความรู้ก่อนนะครับ ^^

คนที่นี่ดุ แต่น้ำใจเหลือล้น

ที่สำคัญจะทำให้ รวยอย่างยั่งยืนถ้าเข้าใจหลักการ

por29471 เขียน:คือถามแบบความรู้งูๆปลาๆอ่ะครับ คือผมมองว่า ปีหน้าเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นกว่านี้ ซึ่งหมายความว่า SCB เป็นธนาคารที่ผมมองว่ามีดีกว่าธนาคารอื่นๆและลูกค้าประทับใจกับการบริการ มีสาขามากมาย ผลกำไรต่อปีก็ค่อนข้างดี ดังนั้นราคาน่าจะพุ่งกว่านี้อีก ส่วน advanc นั้น กรณีมี3จี ก็จะส่งผลดีต่อราคาและต่อให้ไม่มี advanc ก็มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าค่ายอื่นๆอยู่แล้ว อีกทั้งปันผลก็จ่ายเยอะพอสมควร เลยกะว่าจะลงทุน 2 ตัวนี้ครับ

SCB ตลาดให้พรีเมียมสูงเทียบกับหุ้นแบงค์ใหญ่ BBL, KBANK ทั้งในส่วน PBV, P/E ถ้า SET index ขึ้นผมมองว่ามันจะขึ้นน้อยกว่า SET ครับ ถ้าถือยาว ถ้า SET ยังอยู่ในระดับปัจจุบัน ราคาน่าจะเพิ่มได้ปีละประมาณ 10 บาทครับตาม growth ของ book

ส่วน ADVANC ปัจจุบันผมมองว่ามันปันผลจากกำไรสะสมกลับยังบริษัทแม่เทมาเสกครับ ราคาปัจจุบันเลยมาจาก dividend yield มากกว่า เลยไม่ค่อยวิ่งไปไหน ส่วนอนาคต 3G จะเป็นอย่างไรผมไม่ทราบครับ

[quote="miracle"][quote="sunrise"]หาความรู้ก่อนนะครับ ^^

คนที่นี่ดุ แต่น้ำใจเหลือล้น

ที่สำคัญจะทำให้ รวยอย่างยั่งยืนถ้าเข้าใจหลักการ

KB เขียน:หลายคนเข้าใจคำว่า VI ผิดไป จะลงทุนแนวนี้ลองหาหนังสืออ่านซักเล่มก่อนครับ

อย่าสักเล่มเลยครับ   สัก 4  เล่นจะดีกว่า  :lol:

ใครจะมองว่าเราเป็นอย่างไร
ก็ไม่สำคัญที่เรารู้จักตัวเราเองครับ

Buffett เท่าที่เพื่อนผมติดตามอ่านงานเค้ามาหลายปี
เพื่อนผมบอกว่า  Buffett ไม่เคยกล่าวว่า ตนเองเป็น Value Investor
แต่คนอื่นยกย่องเค้าเช่นนั้น

ผมคิดว่า ใครจะบอกว่า วิธีนี้ VI/ไม่ VI
(ประโยคนี้คงมีให้พบเห็นได้ตลอดชีพ)

...สิ่งสำคัญคือ การลงทุนที่เหมาะกับตัวเราเองครับ

มีสติและมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม  :D

por29471 เขียน:เช่นพวก scb advanc เพิ่งลงทุนไม่นาน สนใจแนว vi นี้เพราะไม่มีเวลาติดตามหุ้นอยู่ตลอด กะว่าลงปุ๊บก็นานๆมาดูทีนึง หวังกะเอาปันผลกะรอเวลามันขึ้นเยอะๆ แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ vi เขาเล่นกันหรือเปล่าเนี่ยเพราะมันปาเข้าไป 700 กว่าจุดแล้ว

อีกคำถามนึงคือ หากเราเล่นแนวviนี้เราสามารถทำกำไรได้แค่รอบเดียวต่อ1ปีหรือ2ครั้งต่อปี ซึ่งหากเล่นแบบซื้อถูกขายแพง โดยรอมันอ่อนตัวแล้วซื้อ ขายเมือมันเด้ง พออ่อนตัวก็ซื้ออีก แบบนี้อันไหนจะได้กำไรดีกว่ากันครับ

ป.ล.ผมไม่พูดถึงหุ้นตัวเล็กๆนะครับเพราะยังไงก็ยังไม่กล้าลงทุนกับหุ้นที่ไม่ค่อยติดตลาด กลัวมันล้มคงไปน่ะครับ

จากประสบการ์ณส่วนตัวที่เริ่มลงทุนตั้งแต่ตันปีที่แล้วประมาณ กพ 08 กำไรขาดทุน 50% เจอแล้วครับ ลงทุนแบบไม่รู้อะไรเลย แรกๆ ก็พยายามศึกษาแนว vi และดูตัวอย่าง buffett โดยการถือหุ้นยาวๆ แต่สุดท้าย ณ วันนี้ ผมไม่คิดว่ามีหุ้น VI หรือไม่เป็น VI หรอกครับ มันเป็นแค่ชื่อเรียกและการศึกษารายละเอียดของบริษัทที่เราสนใจ ก่อนจะตัดสินใจลงทุนมากกว่า ถ้าจะพูดสรุปแบบเนื้อก็คือ การลงทุนคือการประเมินความเสี่ยงเที่ยบการผมตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ และอย่าไปคิดว่าต้องถือยาวๆครับ ถ้าคุณกำไรหุ้น แล้วไม่ขายถือว่ายังไม่กำไร กำไรคือเงินที่คุณได้อยู่ในกระเป๋าคุณแล้วจากการขายเท่านั้น แล้วก็อย่าไปยึดติดครับ บริษัทไม่ได้มีผลประกอบการดีตลอดเวลา เพราะมีปัจจัยหลายอย่างทั้งจากภายในและภายนอกเข้ามาอยู่เสมอ ซื้อหุ้นตัวเล็ก ตัวใหญ่ก็ไม่สำคัญครับ สิ่งที่สำคัญก็คือ ผลกำไรของบริษัทในอนาคตจะเป็นอย่างไร ความเสียงมีมากน้อยแค่ไหนที่เรารับได้ หุ้นไม่มีใครรู้ว่าจะขี้นหรือลง อารมณ์ก็เป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนครับ โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่เราลงทุนใหม่ๆ ถ้าเราควบคุมมันได้ดีด้วยเหตุด้วยผล ผมคิดว่าเราก็น่าจะประสบความเร็จเองครับ ได้มากบ้าง น้อยบ้างครับ แล้วแต่ความเสี่ยงที่เรารับได้ เพราะแต่ละคนก็มีวิธีลงทุนไม่เหมือนกัน ที่สิ่งที่สำคัญผมคิดคือ อย่าขาดทุน กำไรน้อยไม่เป็นไรครับ หวังว่าจะมีประโยชน์นะครับ

VI = ไว ครับ....

ต้องเข้าให้ไว กว่าวีไอคนอื่น.... ไม่งั้นจะเสียค่าวิชาเยอะ  อิอิ :lol:  :lol:

การเป็น VI ไม่ได้อยู่ที่ what and how you do ครับ เพราะสมมุติว่าคุณรู้ว่า ดร.นิเวศ หรือ Warren Buffett ซื้อและขายหุ้นตอนไหน และคุณสามารถทำแบบนั้นได้ แต่คุณก็ไม่ได้เป็น VI ครับ และนี่ก็ไม่ใช่การลงทุนแบบ VI เช่นกัน แต่น่าจะเรียกว่า PI มากกว่า (Plagiarism Investment)

การจะเป็น VI ได้ มันอยู่ที่หลักการและการกระทำที่เกิดจากการคิดวิคราะห์ของหลักการนั้นๆ บทพื้นฐานว่าหุ้นที่ซื้อและถืออยู่นั้นต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น และเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในเวลานั้น

อย่างที่พี่ๆหลายๆคนว่ามาครับ ก่อนจะเลือกหุ้น ผมว่าเอาเวลาไปเลือกหนังสือดีๆ หรือเลือกอ่านกระทู้ในเว็บนี้ให้เข้าใจก่อนดีกว่าครับ

เดี๋ยวนี้ใครๆก็อยากเป็น VI
มันก็จำกัดความยากนะ VI นี่ ถ้าตรงตัวก็ว่า นักลงทุนเน้นคุณค่า แต่ไอ้คุณค่าที่ควรจะเป็นนี่ก็วัดยากอีก

อย่างผม ลงทุนก็ใช้หลักว่า ธุรกิจอยู่ได้ ปันผลดี มีการขยายกิจการ pe ประมาณ 7 ผู้บริหารมีธรรมาภิบาล

เอาเป็นว่า เล่นไปเหอะ ให้ได้กำไร อย่าขาดทุน ก็พอ เอาบริษัทที่ไม่เจ้ง มีปันผลให้เราเปนใช้ได้