หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เอ็นจีโอชนนายทุน เสื้อแดงชนรัฐบาล ทางตันประเทศไทย

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2009 2:16 pm
โดย อะไรดีละ
มาร์ค หนาวเอ็นจีโอฟ้องศาลระงับ500โครงการ สาวิตต์จวกยุคแม้วให้ตั้งโรงงานจนไม่เหลือสภาพชุมชน

13 ต.ค. 52 19.05 น.  อ่าน 140 ครั้ง
เลือกขนาดตัวอักษร :    
สนับสนุนเนื้อหา
นายกฯ ยอมรับเป็นกังวลเอ็นจีโอเตรียมศาลปกครองระงับโครงการลงทุน 500 โครงการทั่วปท.เหตุไม่สำรวจผลกระทบสุขภาพ สาวิตต์ แฉสมัยทักษิณให้ตั้งโรงงานจนทับพื้นที่ชุมชนจนไม่เหลือสภาพชุมชน มาร์คกังวลฟ้องระงับ500โครงการ
เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่สำนักงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ถนนราชดำเนิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลปกครองสั่งระงับโครงการลงทุนทั่วประเทศรวม 500 โครงการ เนื่องจากไม่ได้ทำการสำรวจผลกระทบด้านสุขภาพ (เอชไอเอ) ตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญ เหมือนกรณี 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ว่า ถ้าแนวคำสั่งศาลปกครองครอบคลุมทุกโครงการที่เกิดขึ้นหลังรัฐธรรมนูญปี 2550 ประกาศใช้ และยังไม่ผ่านกระบวนการเอชไอเอ มันก็คงจะมีมากกว่า 76 โครงการ นี่ถือเป็นข้อกังวลอันหนึ่ง แต่ยืนยันว่าโครงการที่รัฐบาลอนุมัติอนุญาตไปแล้ว ถือว่าไม่เข้าข่ายตามมาตรา 67 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ โดยอาศัยรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เป็นเกณฑ์ ซึ่งประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 ตุลาคม จะมีมาตรการรองรับเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลเคยสำรวจหรือยังว่ามีโครงการต้องทำเอชไอเอถึง 500 โครงการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปสำรวจแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมากถึง 500 โครงการ แต่ก็มีอยู่ทั่วประเทศ หากมีการยื่นเรื่องให้ศาลปกครองจริง ก็คงต้องรอดูคำวินิจฉัยของศาล และรัฐบาลก็จะอุทธรณ์ไป เมื่อถามว่า ทำอย่างไรจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ภาคเอกชนเขาหวั่นไหวแน่นอน แต่เราเชิญมาทำความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว

เปรยเหล็กต้นน้ำหาพื้นที่รองรับยาก

นายกฯกล่าวว่า ในการปรับชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ก่อน สั่งให้ทบทวนแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมทั้งหมด เพื่อประเมินว่าอะไรคือความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับประเทศ หลังจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเสนอข้อมูลมาว่าหากเราปฏิเสธอุตสาหกรรมบางประเภท เพราะกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่รับได้ ผลกระทบเรื่องการจ้างงาน การสร้างรายได้ การได้วัตถุดิบต่างๆ จะเป็นอย่างไร จะทดแทนด้วยรายได้จากอุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างไร นี่จะเป็นคำตอบในระยะยาว เพราะในอดีตไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง หากประเทศไหนสนใจจะเข้ามาลงทุน รัฐบาลก็ไปเจรจา เช่น เมื่อตนเข้ามารับตำแหน่งก็มีการพูดถึงการลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ ทั้งที่หาพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมดังกล่าวยาก

ทส.ชงแก้ม.51รองรับรธน.ม.67

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ทส.เตรียมเสนอที่ ครม.พิจารณาแก้เนื้อหามาตรา 51 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเนื้อหามาตรา 51 ที่แก้เพิ่มเติมจะครอบคลุมรายละเอียดของการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ทรัพยากร และสุขภาพ รวมทั้งการจัดตั้งองค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อประกอบการพิจารณาให้ความเห็นชอบประเภท โครงการ และกิจกรรมที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงได้

นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า องค์ประกอบของคณะกรรมการองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม จะมาจาก 3 ส่วน ได้แก่ ผู้แทนจากองค์กรพัฒนาเอกชนที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) และกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนจากสถาบันอุดมศึกษา และผู้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมโครงการ ส่วนการสรรหาจะเป็นไปตามระเบียบตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนด

เล็งเพิ่มโทษเมินทำตามอีไอเอ

นอกจากนี้ ทส.ยังแก้เนื้อหากฎหมายสิ่งแวดล้อม ในหมวดที่เกี่ยวข้องกับการทำอีไอเอทั้งหมดด้วย เพราะตั้งแต่ปี 2535-2552 ยังมีจุดบกพร่อง โดยเฉพาะการตรวจสอบ และบังคับให้เจ้าของโครงการต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในอีไอเอ จนทำให้ขาดประสิทธิภาพและเกิดปัญหาต่อชุมชน โดย ทส.เห็นว่า อาจต้องเพิ่มบทลงโทษเพื่อให้เกิดความเข้มข้นในทางปฏิบัติมากขึ้น เช่น การเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบและรายงานผล การเยียวยาหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการให้ข้อมูลแก่ชุมชนรอบๆ โรงงาน เป็นต้น ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ... นายศักดิ์สิทธิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากแก้มาตรา 51 แล้วเสร็จ จะมีผลต่อการพิจารณา 76 โครงการ ที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งระงับหรือไม่ นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ทั้ง 76 โครงการอีไอเอผ่านการพิจารณาจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว จึงถือว่ามีความสมบูรณ์ครบถ้วนภายใต้กฎหมายสิ่งแวดล้อม 2535 ส่วนความจำเป็นที่จะต้องนำมาพิจารณาตามมาตรา 67 วรรคสอง รัฐธรรมนูญ หรือไม่นั้น ขึ้นกับการตีความกฎหมาย

คาดเร่งดำเนินการเสร็จก่อนปีใหม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ครม.อนุมัติให้แก้ไขมาตรา 51 แสดงว่าหน่วยงานหลักที่จะเป็นผู้จัดตั้งองค์กรอิสระคือ ทส.ใช่หรือไม่ นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ใช่ หาก ครม.เห็นชอบ จะเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎรต่อไป คาดว่าใช้เวลาไม่นาน เพราะนายกฯให้ความสำคัญ ขั้นตอนทั้งหมดจะพยายามทำให้เสร็จก่อนปีใหม่

นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวถึงความคืบหน้าในการทำแผนควบคุมลดและขจัดมลพิษระยอง ภายหลังการประกาศท้องที่เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ต.เนินพระ ต.มาบข่า ต.ทับมา และ ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นเขตควบคุมมลพิษภายใน 120 วัน ว่า ขณะนี้ครบกำหนดแล้ว และได้รับการประสานจากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ที่จะส่งแผนควบคุมลดและขจัดมลพิษฯให้ ทส.ก่อนเสนอให้กับคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ จะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองจัดรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อน เบื้องต้นทราบว่ามีการเสนอโครงการต่างๆ ภายใต้แผนลดมลพิษมากถึง 500 โครงการ

เอ็นจีโอแนะยกร่างกม.ใหม่

รายงานข่าวแจ้งว่า องค์กรอิสระด้านสิ่งแวดล้อมจะให้ความเห็นภายใน 90 วัน นับจากวันที่ได้รับรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจาก สผ. หากไม่พิจารณาในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าให้ความเห็นชอบแล้ว แต่ถ้าไม่ให้ความเห็นชอบหรือให้ความเห็นต่าง ก็จะให้ สผ.เสนอความเห็นขององค์กรอิสระให้คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณาอีกครั้ง และให้ถือว่าความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นที่สุด

ด้าน น.ส.เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาและรณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาครัฐดำเนินการจัดการเรื่องนี้ตามแรงกดดันของภาคเอกชน โดยละเลยความถูกต้อง และความรอบคอบ ความพยายามแก้ไขมาตรา 51 เพื่อให้ตั้งองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมได้โดยเร็ว เพื่อให้โครงการที่อยู่ในเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญมาตรา 67 สามารถดำเนินการต่อไปได้นั้น หาก ทส.มีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหานี้ น่าจะนำร่างกฎหมายที่มีความพร้อมอยู่แล้วมาพิจารณา

กกร.ตั้งทีมแจงปมสิ่งแวดล้อม

นายดุสิต นนทะนาคร ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ในวันเดียวกันนี้ ว่า กรณีที่ศาลปกครองศาลมีคำสั่งให้ระงับ 76 โครงการในพื้นที่มาบตาพุดนั้น กกร.มีความเป็นห่วงจึงตั้งคณะกรรมการเพื่อสร้างความชัดเจนเรื่องสภาพแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุด โดยมีประธาน ส.อ.ท.เป็นประธาน ทั้งนี้ คณะกรรมการจะชี้แจงทุกฝ่าย ทั้งภาคเอกชน ประชาชน และเอ็นจีโอ ให้เกิดความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาการชี้แจงเรื่องมาบตาพุดจากหลายฝ่าย จนสร้างความเข้าใจไม่ตรงกัน ทั้งที่อยู่ภายใต้แนวทางเดียวกัน

ทั้ง 76 โครงการภาคเอกชนดำเนินภายใต้กฎหมาย และมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมไม่น้อยกว่าหน่วยงานใด เชื่อว่าการตั้งคณะทำงานจะสร้างความเชื่อใจระหว่างชาวบ้าน เอ็นจีโอ และอุตสาหกรรมทั้งระบบได้ นายดุสิตกล่าว

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดมีมูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ประมาณ 200,000 ล้านบาท ความเสียหายในส่วนของสถาบันการเงินขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้น เพราะกิจการในพื้นที่ยังเปิดดำเนินการอยู่ อีกทั้งกิจการส่วนใหญ่เป็นของบริษัทขนาดใหญ่ประมาณ 2-3 กลุ่ม ซึ่งมีสภาพคล่องจึงยังไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม หากกิจการในพื้นที่หยุดดำเนินการ ทางธนาคารก็จะหยุดอนุมัติสินเชื่อทันที

สาวิตต์ชี้ยุคแม้วปล่อยตั้งรง.อื้อ

นายสาวิตต์ โพธิวิหค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มอบหมายให้ สศช.ตรวจสอบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เพื่อหาว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้พื้นนี้มีปัญหาเรื่องมลพิษมาจากปัจจัยเรื่องอะไรบ้าง เนื่องจากช่วงที่ตนมีโอกาสเข้าไปร่วมจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ ในสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี แบ่งพื้นที่อุตสาหกรรมไว้ชัดเจนประมาณ 2 หมื่นไร่ ต่อมามีการบริหารจัดการพื้นที่มีประสิทธิภาพมาก ทั้งเรื่องการวางระบบการจัดการ การแบ่งระหว่างพื้นที่อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยของชุมชน

นายสาวิตต์กล่าวว่า เบื้องต้น สศช.รายงานว่าปัญหามาจากความต้องการพื้นที่เพื่ออุตสาหกรรมในมาบตาพุดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีการขยายพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างไร้ขีดจำกัด รวมถึงกรณีที่ผู้ประกอบการไปกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านแล้วขอผนวกเข้ากับนิคมอุตสาหกรรม และการนำที่ที่กำหนดให้เป็นแนวกันชน (BUFFER ZONE) ในนิคมอุตสาหกรรมไปให้ผู้ประกอบการเช่า ทำให้พื้นที่เขตกันชนหายไป

ความรุนแรงจากการขยายพื้นที่ในเขตนิคมฯมาบตาพุด ส่งผลกระทบต่อชุมชน เห็นได้ชัดเจนจากแผนเมืองรวมมาบตาพุด ปี 2546 ที่พื้นที่สีม่วงที่ถูกจัดให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรม ขยายพื้นที่ลามออกไปจนไปทับพื้นที่ชุมชนใน ต.ห้วยโป่ง จนไม่เหลือสภาพความเป็นชุมชนอยู่แม้แต่น้อยนายสาวิตต์กล่าว

เปลี่ยนเขตที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่อุตฯ

นายสาวิตต์กล่าวว่า นอกจากนี้ การที่ผังเมืองรวมมาบตาพุดขาดอายุถึง 5 ปี ระหว่างปี 2541-2546 ทำให้ช่วงดังกล่าวไม่สามารถควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินได้ จึงมีการตั้งโรงงานกระจัดกระจายมากขึ้น ประกอบกฎกระทรวงยังใช้ผังเมืองรวมมาบตาพุดฉบับปัจจุบัน ปี 2546 ได้ขยายพื้นที่อุตสาหกรรมอย่างมาก รวมทั้งเปลี่ยนบริเวณที่เคยเป็นการใช้ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยให้เป็นประเภทอุตสาหกรรม และต่อมาได้ยกเลิกข้อห้ามใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการประกอบกิจการอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคัล ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชุมชนด้วย ขณะที่ชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรด้วย เพราะนักธุรกิจเสียงดังกว่า

นอกจากนี้ ช่วงรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณยกเลิกคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) ที่มีนายกฯเป็นประธาน และปล่อยให้การปฏิบัติงานในพื้นที่เป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงานไปบริหารจัดการกันเอง ทำให้การดำเนินงานต่างคนต่างทำ ไม่มีแผนการปฏิบัติชัดเจน เห็นได้จากคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนจะถึงขนาดให้สินบนด้วยหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ นายสาวิตต์กล่าว

ชายชัยยันประกาศ8กิจการรอบคอบ

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงกรณีที่เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกระบุว่าประกาศ 8 ประเภทกิจการที่มีผลกระทบต่อชุมชนรุนแรง ของกระทรวงอุตสาหกรรม ผิดกฎหมายเพราะทำเฉพาะกลุ่มและไม่รับฟังความเห็นประชาชนว่า ประกาศ 8 ประเภทกิจการนั้น ทำตามขั้นตอนกฎหมายและมีการพิจารณาจนตกผลึกแล้ว ก่อนจะประกาศก็มีหลายหน่วยงานช่วยพิจารณา ไม่ใช่กระทรวงอุตสาหกรรมคิดคนเดียว

นายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า หากสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อนจะฟ้องร้องอีก 500 กิจการทั่วประเทศ ว่าจะกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมไทยทั่วประเทศและความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ และห่วงว่าจะลุกลามไปถึงการลงทุนในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่จะทำให้การลงทุนหยุดชะงักไป

นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมไม่มีอำนาจบังคับให้ 76 โครงการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดระงับกิจการตามคำสั่งศาลได้

เอ็นจีโอแจ้งความรมว.อุตฯละเมิดศาล

วันเดียวกัน ที่โรงแรมสตาร์ อ.เมือง จ.ระยอง นายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า ในวันที่ 14 ตุลาคม จะไปแจ้งความที่ สภ.เมืองระยอง เพื่อดำเนินคดีนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, กรมโรงงานอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ฐานละเมิดคำสั่งศาล ปล่อยให้โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง หลังศาลมีคำสั่งระงับชั่วคราวแล้ว 76 โครงการ

นายสุทธิกล่าวว่า วันที่ 16 ตุลาคม จะยื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช กรรมการบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หนึ่งในคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ตีความให้กระทรวงอุตสาหกรรมออกใบอนุญาตประกอบกิจการที่มาบตาพุดได้ รวมทั้งตรวจสอบนายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67

วันที่ 22 ตุลาคม จะจัดทำบุญสิ่งแวดล้อมระยอง ณ บริเวณชายหาดแสงจันทร์ ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง และวันที่ 24 ตุลาคม สมาชิกเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก นัดระดมพลที่วัดลุ่มมหาชัยชุมพล ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง ประกาศทุบหม้อข้าวหม้อแกง ประกาศอดข้าว ก่อนเดินเท้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกฯ หากมีการล้มป่วยเป็นลมหรือเสียชีวิตระหว่างเดินเท้าจะได้เห็นธาตุแท้รัฐบาลว่าจะเลือกชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ หรือเลือกกลุ่มนายทุน นายสุทธิกล่าว

++ ยิ่งกว่ามาบตาพุด... 76 โครงการแค่เบาะๆ  นี่ตั้ง 500 โครงการ

เอ็นจีโอ....ชนนายทุนอุตสาหกรรมฯ   เรื่องสิ่งแวดล้อม
เสื้อแดง.... ชนรัฐบาล  เรื่องการเมือง  

แค่ 2 เรื่องนี้  ประเทศไทยก็ถึงทางตันแล้วครับ   แย่จัง   :roll: