Thai VI

กำลังสับสนมากมาย
ทฤษฏี VI ที่เรียนรู้มา
กับความเป็นจริง
เจออย่างนี้ เลยอยากถามว่า VI ควรมีจุด Stop Loss มั้ยครับ
เช่น -10% ต้อง cutloss

ถามที่นี่ คงไม่
อย่าไปถามที่สินธรแล้วกัน

ไม่ทันละครับ
ผม Stop Loss ที่ -10% ตามที่เคยสัญญากับตัวเองไว้ที่จุดนี้
ยอมรับความผิดพลาดครับ
หุ้นตัวนี้ซื้อมาโดยแทบไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐานเลย
ดูแต่ P/BV อย่างเด๊ว
ตัวนี้นอกคอก VI ผมเลยตัดใจขายไปซะเลย

สบายใจ...

ซื้อไว้นานแล้วครับ มี MOS พอควรครับ

เลยขาดทุนกำไร

ถ้าลงอีกหลายๆวันคงซื้อเพิ่มบางตัว

ที่ถามนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ
เพราะผมยังมือใหม่อยู่มากกก
แต่ผมก็ศึกษา VI มามากเหมือนกัน
ทั้ง text และหนังสือแปล
แต่มันก็เหมือนปรัชญา
ดังนั้นเวลาเอามาใช้จริง
มันก็มีสับสน งงงวย กันบ้างเป็นธรรมดานะครับ
และก็มีข้อสงสัยระหว่างปฏิบัติจริง
ก็เลยจะพยายามเคลียคำถามโดยการมาถามพี่ๆในนี้หละครับ

เต็มพอร์ตอยู่เลยครับ มันส์โคด ๆ แดง ๆ แบบนี้ เงินเดือนออกจะถอนเงินมาซื้ออีก กรั่ก ๆ ๆ  :twisted:

VI มี STOP Loss ไหม

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... hlight=cut

stop loss ก็ต่อเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนไปในทางแย่ลง ผู้บริหารเริ่มฉ้อโกง
และ เราคาดการณ์ผิด

[quote="zesar"]เต็มพอร์ตอยู่เลยครับ มันส์โคด ๆ แดง ๆ แบบนี้ เงินเดือนออกจะถอนเงินมาซื้ออีก กรั่ก ๆ ๆ

คุณเคยมีหุ้นอยู่ตอน ตุลา 2551 หรือเปล่าครับ
ไม่ต้องพูดถึง ตอนปี 2539 นะครับ เพราะผมยังไม่ทันเหมือนกัน

แค่ปีที่แล้ว ทำให้ผมต้องปรับกลยุทธ โดยใช้ money management เข้ามาเพิ่มเติมครับ

ใน "Reminiscences of a Stock Operator" ของ jesse livermore บอกไว้ว่า

เหมือนคุณกำลังเดินอยู่บนรางรถไฟ แล้วมีเสียงขบวนรถด่วน คุณจะทำอย่างไร
สำหรับเขา ก็จะกระโดดลงจากรางรถไฟก่อน เพื่อความปลอดภัย หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค่อยกลับไปเดินบนรางรถไฟอีกที่ ก็ยังไม่สายครับ

ลองคิดดูครับ

เราไม่ได้ดูกราฟ หรืออะไรนะ

แต่เราเคยขายหุ้นก่อนวันอุ๋ย 2วัน แล้ว SHORT TFEX

ปีที่แล้วเราขายไปกลางปีที่ SET880

และปีนี้ เราขายไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แล้วปิดจอทำใจว่า
ถ้ามันจะไปต่อ ก็ดีใจกับคนที่มีหุ้นก้แล้วกัน

เราไม่มีเหตุผลค่ะ ถึงจะเห็นมันขึ้นต่อ เราก็ไม่ได้ซื้อค่ะ
ราคาหุ้นทุกตัวมาถึงเป้าหมายแล้ว หลายตัวเกินเป้าหมายไปเยอะ

เราคิดว่า ข่าวดีมันเยอะเกินไป
ถ้าเกิดมีข่าวร้ายที่ไม่มีใครคาดถึงขึ้นมา มันจะลงไปยังไง
บางทีข่าวร้ายข่าวเดียวก็ทำให้หุ้นลงเทกระจาดได้เหมือนกัน

ลงแบบนี้ คงต้องรอข่าวร้ายที่กำลังจะมาถึงค่ะ
ว่า มันคืออะไร

MANEKI เขียน:เราไม่ได้ดูกราฟ หรืออะไรนะ

แต่เราเคยขายหุ้นก่อนวันอุ๋ย 2วัน แล้ว SHORT TFEX

ปีที่แล้วเราขายไปกลางปีที่ SET880

และปีนี้ เราขายไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แล้วปิดจอทำใจว่า
ถ้ามันจะไปต่อ ก็ดีใจกับคนที่มีหุ้นก้แล้วกัน

เราไม่มีเหตุผลค่ะ ถึงจะเห็นมันขึ้นต่อ เราก็ไม่ได้ซื้อค่ะ
ราคาหุ้นทุกตัวมาถึงเป้าหมายแล้ว หลายตัวเกินเป้าหมายไปเยอะ

เราคิดว่า ข่าวดีมันเยอะเกินไป
ถ้าเกิดมีข่าวร้ายที่ไม่มีใครคาดถึงขึ้นมา มันจะลงไปยังไง
บางทีข่าวร้ายข่าวเดียวก็ทำให้หุ้นลงเทกระจาดได้เหมือนกัน

ลงแบบนี้ คงต้องรอข่าวร้ายที่กำลังจะมาถึงค่ะ
ว่า มันคืออะไร

สงสัยคราวหน้า คงต้องหวังพึ่ง MANEKI indicators ซะแล้วครับ... :lol:  :lol:  :lol:

ของผมตอน SET ขึ้นไม่ค่อยขึ้นตามเค้า พอ SET ลงมันลงมาตามเลยจัดการสอยมาซะเล็กน้อย ถ้าลงอีกเตรียมเก็บสะสมอีกครับ เข้าล็อค ลงมาอีกแล้วกันนะเพื่อน

ไม่ cut loss ครับ แต่ฉวยโอกาสปรับพอร์ท เพราะเงินสดไม่เหลือให้ซื้อเพิ่มแล้วคร๊าบบบบบ :lol:  :lol:  :lol:

กระทิงแดง เขียน:คุณเคยมีหุ้นอยู่ตอน ตุลา 2551 หรือเปล่าครับ
ไม่ต้องพูดถึง ตอนปี 2539 นะครับ เพราะผมยังไม่ทันเหมือนกัน

แค่ปีที่แล้ว ทำให้ผมต้องปรับกลยุทธ โดยใช้ money management เข้ามาเพิ่มเติมครับ

ใน "Reminiscences of a Stock Operator" ของ jesse livermore บอกไว้ว่า

เหมือนคุณกำลังเดินอยู่บนรางรถไฟ แล้วมีเสียงขบวนรถด่วน คุณจะทำอย่างไร
สำหรับเขา ก็จะกระโดดลงจากรางรถไฟก่อน เพื่อความปลอดภัย หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค่อยกลับไปเดินบนรางรถไฟอีกที่ ก็ยังไม่สายครับ

ลองคิดดูครับ

เคยเต็มพอร์ทตอน พค 51 ครับ
พอ ตค 51 ก็รู้รสชาติเปนอย่างดีครับ ว่า
เงินเก็บส่วนใหญ่ของชีวิต มันหายไปครึ่งหนึ่ง ในเวลาไม่ถึงครึ่งปี มันรู้สึกอย่างไร

ทุกวันวันนีมีหุ้นแค่ 25% ของพอร์ทครับ
รอวันแบบ ตค51 มาถึง :lol: ก็จะเต็มพอร์ทอีกครั้งครับ

ทุกวันนี้ก็เลยอยู่เฉยเฉย....ตั้งตารอวันนั้นอย่างเดียว

กระทู้นี้อยากเห็นคุณ yoyo เข้ามาให้ความรู้ครับ  

บางคนเลือกที่จะขาย เพราะถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้ว

คนที่ซื้อต่อไป ก็คาดหวังและฝันกันต่อไป

เพราะเป้าหมายแต่ละคน ไม่เท่ากัน

VI ไม่ขายทิ้งเพราะหุ้นตกนะครับ

ขนาดตอนจาก 900 ลงเหลือ 300กว่าก็ยังไม่ขายทิ้งเลย นี่ลงแค่ไม่กี่จุด พื้นฐานธุรกิจยังดีอยู่ ถือต่อ มีเงินก็ซื้อเพิ่ม

รอมีดค่อยๆตกจากฟ้า แล้วค่อยๆเก็บ

ระยะเวลาลงทุนของเรานานแค่ไหน
แต่ละคนไม่เท่ากัน จึงมีทั้งคนขาย คนซื้อ

บางที ถ้าเราปรับเวลา 1 วันเป็น 1-2 ชม.
แล้วคิดไปว่า วันจันทร์ คือ 11 โมง
วันอังคารคือ เที่ยง

... ไปๆมาๆ ภาพภายในอาทิตย์หนึ่งของเราก็จะออกมาครับ
และเราก็จะเริ่มรู้จักการรอคอย

ผมว่าประโยค "ผมชอบรอ" ของพี่มน
น่าจะนำมาใช้นะครับ
ซื้อ 1 - 2 ตัวก็พอ เอาตัวที่ซื้อแล้ว upside มากๆ
เพียงแต่ว่า

- เราต้องมีเงินสด
- เราต้องใจเย็นๆ และ ทำอย่างอื่นบ้าง

ผมแนะนำดังนี้นะครับ

- ตั้งสติ
- คิดถึงธุรกิจ และแนวทางการทำกำไรในอนาคต
- เก็บเงินสดไว้บ้าง อย่าซื้อหมดเป๋า
- รอเมื่อฝุ่นจาง ...ผมจำที่พี่มนเคยกล่าวไว้เมื่อปีที่แล้ว
ตอนฝุ่นตลบ คุณเข้าไปแลกด้วย ...มันก็ take risk

อย่างน้อย ถ้าเรามาคิดถึงตัวบริษัท
คิดข้ามไปอีก 1 เดือน 2 เดือน
เราจะนึกอะไรออกบ้างไหมว่า บริษัทจะเป็นอย่างไร

มีกำลังใจมากๆครับ
ชีวิตไม่ได้มีแค่ 2 วันนี้
ไม่ซื้อก็ไม่เห็นแปลก
ไม่ขายก็ไม่แปลกครับ

มีความสุขและมีสติกับการลงทุนครับผม

VI ไม่ขายทิ้งเพราะหุ้นตกนะครับ

ขนาดตอนจาก 900 ลงเหลือ 300กว่าก็ยังไม่ขายทิ้งเลย นี่ลงแค่ไม่กี่จุด พื้นฐานธุรกิจยังดีอยู่ ถือต่อ มีเงินก็ซื้อเพิ่ม

ไหนบอกกฏ VI

ข้อ 1.  ห้ามขาดทุน
ข้อ 2.  ให้ไปดู ข้อ 1

อิอิ แซวเล่นครับ

เห็นด้วยที่ขาย ผมคิดว่าถ้าไม่สบายใจ ไม่มั่นใจหุ้นที่เราถือ  ก็ขายเถอะครับ  ต้นทุนเท่าไหร่ก็ช่างมัน  ขายแล้วจะโล่ง เลย

มั่นใจเมื่อไหร่ แล้วค่อยเข้ามาใหม่

โชคดี

นอนสเตรส เขียน:

ไหนบอกกฏ VI

ข้อ 1.

เห็นด้วยกับหมอนุ่นครับ

กำไรน้อยไม่เป็นไร แต่อย่าไปทำให้ตัวเองขาดทุนเพิ่ม

อย่าซื้อเฉลี่ยขาลง

รอเด้งค่อยซื้อ

แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่าเด้งเพื่อลงต่อหรือเปล่า

KB เขียน:

ไหนบอกกฏ VI

ข้อ 1.

short against port
นำไปเลยครับ

ปี 39 โหดกว่า ปี 51 เยอะครับ ดีนะครับที่ floor 10%  

วันนี้ผมปรับ port มันเลยครับ
มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ตัวนึงลบ 3-4% อีก ระหว่างวันลบไปถึง 15%
ลดสัดส่วนตัวที่ลดน้อย เพิ่มสัดส่วนตัวที่ลดเยอะ
ถือว่าเป็นโอกาสปรับ port ที่ดีเยี่ยมเลยจริงๆ
ไม่รู้เรียก cut loss รึเปล่า เพราะเล่นหุ้นไม่เคยดูต้นทุนซักที เลยไม่รู้ว่ามัน loss หรือว่า gain อยู่

yoyo เขียน:วันนี้ผมปรับ port มันเลยครับ
มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ตัวนึงลบ 3-4% อีก ระหว่างวันลบไปถึง 15%
ลดสัดส่วนตัวที่ลดน้อย เพิ่มสัดส่วนตัวที่ลดเยอะ
ถือว่าเป็นโอกาสปรับ port ที่ดีเยี่ยมเลยจริงๆ
ไม่รู้เรียก cut loss รึเปล่า เพราะเล่นหุ้นไม่เคยดูต้นทุนซักที เลยไม่รู้ว่ามัน loss หรือว่า gain อยู่

เห็นด้วยครับ ถ้ามีเป้าหมายราคาขายในใจ ผมคิดว่าเราน่าจะถามตัวเองว่าจะลงทุนระยะสั้น กลางหรือยาว จะได้วาง strategy ได้ถูก

สรุปว่า เราขายหมูอีกตามเคย

จำได้ว่า ตอนวันอุ๋ย มันขึ้นต่อไปอีก 300จุดแน่ะ
โชคดีที่เราปิด SHORT TFEXทันทีที่กำไรเลย
แล้วก็บอกลา TFEXไปตลอดชีวิตเลย ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่า TFEXอีกแล้วจริงๆ

แต่อยู่ดีๆลงมา 100จุด แบบนี้ก็เป็นงงพอสมควร
ยังไม่รู้เลยว่า ลงเพราะอะไร โง่ไปเลย


ดีใจกับคนที่มีหุ้นก็แล้วกัน

yoyo เขียน:วันนี้ผมปรับ port มันเลยครับ
มีหุ้นอยู่ 2 ตัว ตัวนึงลบ 3-4% อีก ระหว่างวันลบไปถึง 15%
ลดสัดส่วนตัวที่ลดน้อย เพิ่มสัดส่วนตัวที่ลดเยอะ
ถือว่าเป็นโอกาสปรับ port ที่ดีเยี่ยมเลยจริงๆ
ไม่รู้เรียก cut loss รึเปล่า เพราะเล่นหุ้นไม่เคยดูต้นทุนซักที เลยไม่รู้ว่ามัน loss หรือว่า gain อยู่

เป็นวิธีที่ลบจุดบอดได้ดีมากเลยครับ เพราะหลายครั้งเรากลัวเพราะราคาหุ้นทั้งๆที่ราคาก็ยังundervalue อยู่เราก็ยังกําไรเมื่อซื้ออยู่

ผมคิดแบบนี้ก่อนซื้อหุ้นครับ
ถ้ามันลง 50เปอร์เซ็นต์แล้วเราทนไม่ได้ก็อย่าซื้อคับ

จุด cut ผมไม่ค่อยมีอะคับ เพราะก่อนซื้อเราจะให้ความสำคัญ
เหมือนกับการฝากอนาคตไว้กันเขาคับ
การที่จะฝากอนาคตไว้กับใครเราก็ต้องคิดให้ดี ให้รอบคอบก่อนนะคับ
:lol:

ถ้าเงินที่ลงทุนเป็นเงินเย็น แล้วเป้าหมายการลงทุนเป็นแบบระยะยาวแล้ว
การที่ราคาผันผวนในระยะสั้นๆนั้นไม่เป็นเหตุผลที่จะต้องขายนะครับ นอกเสียจากจะเป็นการปรับพอร์ทแบบพี่ yoyo (ย้ายไปตัวที่ undervalue กว่า)

ตอนเราซื้อก็มีเหตุผลที่จะซื้อ ตอนขายก็ต้องมีเหตุผลที่สอดคล้องกันว่าขายเพราะอะไร ไม่งั้นจะเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลนะครับ