Thai VI

เท่าที่เริ่มศึกษามา VI จะวิเคราะห์หุ้นจากปัจจัยพื้นฐานต่างๆของหุ้น และบริษัท

ผมว่า ขนาดเป็นถึง Warren Buffet แต่ก็ต้องมีผิดพลาด ที่ซื้อหุ้นมาแล้วขาดทุน

แต่ต้องขาดทุนเท่าไหร่ถึงจะรู้ตัวว่าต้องขายทิ้งหรอครับ

ไม่ใช่ผู้รอบรู้ หรือ เซียนหรอกนะคับ แต่อยากเสนอความคิดเห็น...


ไม่ได้คิด ที่ % นะคับ เี่ราจะใช้การวิเคราะพื้นฐานของธุจกิจ เหมือนกิจการของเรา เราก็ต้องรู้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่เกี่ยวข้องและส่งผลต่อธุรกิจของเราบ้าง หากปัจจัยไม่ได้เปลี่ยน เราก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ  ปู่เคยบอกว่า ถึงตลาดจะปิดไป 5 ปี ตัวแกเองก็ไม่สนใจ อะไรประมาณนี้ละัคับ

ผิดถูกยังไง ขอโทษด้วยนะคับ  :D

ตราบใดที่พื้นฐานบริษัทยังดี ธุรกิจยังทำกำไรได้  หุ้นจะตกยังไงก็ไม่ขาย
กลับกัน หุ้นตกก็เป็นโอกาสดีที่จะซื้อได้ในราคาถูกลงครับ
หุ้นขึ้นมากๆ ก็แบ่งขายทำกำไรบ้าง

ตลาดหมีก็เพื่อน ตลาดกระทิงก็เพื่อนครับ

แต่ปัญหามันจะอยู่ที่การเลือกหุ้นที่จะซื้อนี่แหละครับว่าแน่ใจได้แค่ไหนว่าเป็นบริษัทที่ดี  ดีด้วยตัวธุรกิจเอง ไม่ใช่ดีเพราะเรามองโลกในแง่ดี มีอคติมากไป
เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเวลาเรากอดหุ้นเน่าจนตกไปก้นเหว  เจ็บตัวไม่น้อยเลย

1. ต้องดูจาก margin ก่อนอันดับแรก  เราต้องมีหลักการ money management ที่ดี
2. ถ้า margin มีมากพอ  หากเราซื้อไว้แล้วราคาตก  ดูว่าราคาตกจนหลุดแนวรับแล้วหรือยัง  ด้วยการใช้ Pivot  หรือ fibo  เป็นตัวช่วยตัดสินใจ  เพราะส่วนใหญ่เมื่อราคาตกมาถึงแนวรับ มักมีการสะท้อนกลับ  หรืออาจกลับตัวได้  จนพลิกให้เราเป็นกำไรได้  ในทางกลับกัน  ถ้ามาถึงแนวรับแล้วหลุดได้  ส่วนใหญ่จะวิ่งลงต่อจนถึงแนวรับถัดไป  หาก margin มีไม่มากพอควรตัดสินใจขายก่อน เพื่อรอซื้อใหม่ในภายหลัง  ดีกว่าปล่อยให้ลากไปจนหมดพอร์ต  คราวนี้จะไม่เหลือแม้แต่ทุน  เอาไว้แก้ตัว
3. การวิเคราะห์ซื้อขาย  เมื่อเปิดตลาด ราคามักจะวิ่งอยู่แถวเส้น pivot  ถ้าหลังเที่ยง  ราคาวิ่งไปทางฝั่งใด  มักจะไปต่ออีกไกลในทิศทางนั้น  ไม่แนะนำให้เก็งกำไรก่อนเที่ยง  เพราะทิศทางไม่แน่นอน

ส่วนตัว ไม่ขายหุ้น ด้วยเหตุผลเพราะว่ากำลังขาดทุนนะ
(ราคาตลาดต่ำกว่าราคาทุน) ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา (SET index 380 จุด) ก็เหมือนกัน
ผมดูราคาหุ้นในพอร์ตของตัวเอง แล้วถามตัวเองสั้นๆ ครับ ว่า...

"ราคานี้ ควรซื้อ หรือว่า ควรขาย..?!?!?!"

ปล. เหตุการณ์มันผ่านไปแล้วครับ ถึงได้กล้าพูด :lol: