Thai VI

สนใจอยู่นะครับ แต่อยากถามว่าเมื่อไหร่วอร์แรนต์ จะหมดซะทีครับ รู้สึกว่าเขาแปลงทีนึง ราคากระเพื่อมจนน่ากลัว ...

เก็บสิครับ ตกมาให้เก็บอะครับ

ยังไม่ xd แล้วจะมีปันงวดนี้ 0.2 บ / หุ้น

เท่าที่ดูปีที่ผ่านๆมาก็ปัน Q ละ 0.1 บ

%Y = 7 - 8%

ผมเฉลี่ย ที่ 6.3 บ ก็จะตามไปเก็บเพิ่มละครับ

อยาก ซื้อ วอร์มาแปลงเองเหมือนกัน แต่ดูแล้ว วอร์ ก็เหนียวกันจัง ไม่ค่อยมีส่วนต่างเท่าไร เลย

ราคาวอร์ประมาณ 4.40 + 1.65 = 6.05 แต่ยังมีค่าเสียโอกาส ปันผล 0.2 และบวกค่าธรรมเนียม ก็พอๆ กับในตัวแม่เลย

เมื่อวานเห็นมีข่าว เอาเิงินไปลงทุนผ่าน private fund บล.บัวหลวง นะครับ

tom เขียน:สนใจอยู่นะครับ แต่อยากถามว่าเมื่อไหร่วอร์แรนต์ จะหมดซะทีครับ รู้สึกว่าเขาแปลงทีนึง ราคากระเพื่อมจนน่ากลัว ...

แปลกใจครับ ที่หลายคนให้ความสำคัญกะวอแรนมาก ผมขอเหตุผลประกอบสักนิดจะขอบพระคุณอย่าง สูง
ผมซื้อหุ้นตัวนี้ เพราะเห็นว่าความสามารถในการแข่งขันสูง แทบจะหาคู่แข่งไม่เจอ สาขาก็เยอะ 150 กว่าแล้วครับ เกือบทั่วประเทศ ในความคิดผมว่า ดีมากครับหุ้นที่คู่แข่งน้อย
ท่านผู้รู้ท่านใดมีความเห็น เป็นอย่างอื่น ช่วยชี้แนะด้วย จะได้มีความรู้เพิ่ม ครับ
จาก nita มือใหม่ (ไม่ได้ log in)

ไม่ตอบเองแต่จะขออนุญาตอ้างถึงคำตอบของคุณ solo และคุณ invisiblehand นะครับ
Solo

ตอบเมื่อ: Mon Mar 29, 2004 11:53 pm เรื่อง:

--------------------------------------------------------------------------------

หุ้นที่มีวอร์ ทำให้เราประเมิน หรือคาดการณ์งบของเขา ได้ยากขึ้น นอกจากคนในเท่านั้นที่รู้ลึก นี่คือจุดเสียของวอร์

หุ้นบางตัว ออกวอร์ มากมาย แต่งบออกมา ไม่เห็น ดีเลย กลายเป็นการเอากระดาษมาพิมพ์ให้สวยหน่อย แล้วเราก็เรียกว่า วอร์ แล้วก็สามารถขายเป็นเงินสดในตลาดหุ้นได้อย่างสบาย

แต่หุ้นบางตัว ที่มีวอร์ มากก็ตาม แต่งบก็รองรับได้ก็มี ตามผลงานในอดีต นะครับ

เช่น pranda, se-ed

--------------------------------------------------------------
Invisible hand



ตอบเมื่อ: Tue Mar 30, 2004 12:02 am เรื่อง:

--------------------------------------------------------------------------------

se-ed ถ้าไม่มี warrant ก็คงดีกว่านี้ครับ โดยเฉพาะนักลงทุนที่ซื้อหุ้นหลังออก warrant ไปแล้ว ส่วนผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นแต่แรกก็จะไม่ได้รับผลอะไรจาก dilution effect ครับ

ผมมองว่ามีคนแปลง warrant มากๆ เร็วๆ ดีกว่าครับ ในทางทฤษฎี เงินที่ได้มาในปัจจุบันจะมีค่ามากกว่าเงินที่ได้มาในอนาคตครับ ( ตามหลักเวลาคิด net present value ) หรืออธิบายตามภาษาธุรกิจก็คือ หากได้เงินมาเร็ว บริษัทก็มีโอกาสที่จะนำเงินมาต่อเงินหรือมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่ากรณีที่ได้เงินมาช้าครับ

ก็มีวอมาแปรยังวิ่งได้แต่se-ed ทำไมยังไม่วิ่งกับเขาเสียทีผมละงง

เอามาจากตลาดหุ้นนะครับ


จาก eFinanceThai.com 2/4/47 17:42 น.

ไทยเอ็นวีดีอาร์ เผย ขายหุ้น ASL สัดส่วน 0.01 แต่เก็บหุ้น SE-ED 0.39%

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2547 เปิดเผยว่า บจก. ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำหน่าย หุ้นสามัญของบง.เกียรตินาคิน
(ASL) จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายคิดเป็น 0.01% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้ว
ทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่ายคิดเป็น 4.99% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย
ได้แล้วทั้งหมด
และได้มา หุ้นสามัญของซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED) จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 0.39%
ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 5.01%
ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ตามที่รู้มา ถ้าวอร์ยิ่งมาก eps ยิ่ง dilute ไม่ใช่เหรอคะ

ส่วนเรื่อง คู่แข่ง เท่าที่เห็นตอนนี้ก้อมี b2s น่ะค่ะ ที่กำลังมาแรง แบบเบียด

เสียดสูสีดู๋ดี๋คู่กันมาเลย แถมลดแหลกแจกแถมอีกต่างหาก รู้สึกว่าหนังสือจะ

ค่อนข้างน้อยกว่าซีเอ็ด แต่มีของหลากหลายกว่าเช่น เพลง มุมกาแฟ มุมคอม

แต่ไม่แน่ใจว่าคนนิยมเข้าที่ไหนมากกว่ากันนะคะ เพื่อนๆลองไปสังเกตแล้ว

เล่าให้ฟังหน่อยก้อดีค่ะ ต่างคน ต่างที่อยู่ คงได้ข้อมูลคลอบคลุมขึ้นเยอะ

b2s หนังสือน้อยกว่า se-ed เยอะครับ แต่คนเข้าพอ ๆ กันสำหรับที่จันทบุรี
แต่อีกที เข้าไปแล้วซื้อหนังสือหรือเปล่านี่ ผมไม่รู้ :lol: